เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ร่วมของข้าพเจ้ากับผองเพื่อน สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่ควรนำเป็นเยี่ยงอย่าง เรื่องเกิดมาจากความคะนองตามประสาวัยหนุ่มอายุ 18-19 ปี อยู่แถวๆห้วยขวางเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา บรรยากาศแถวชานเมือง ไม่แออัดเหมือนทุกวันนี้ เพื่อนของข้าพเจ้าเป็นเด็กวัดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวางนี้เอง
ตัวข้าพเจ้าเป็นคนเขตดินแดง แรกๆที่ไปหาเพื่อนช่วงกลางวันยังได้ช่วยเขาปัดกวาดเช็ดถูกุฎิพระ กุฎิเณร ระยะหลังๆไปพักผ่อนนอนที่วัดบ้าง บ่อยครั้งที่ท่านพระครูจะใช้ให้เด็กวัดไปหยิบของในศาลาพักศพ พอกลับออกมาคล้องแต่แม่กุญแจเอาไว้โดยที่ไม่ได้ล็อก แล้วเอาลูกกุญแจไปคืนท่านพระครูพร้อมกับของที่ท่านใช้ให้ไปหยิบให้
กลางคืนเด็กวัดจะได้แอบไปขโมยเงินปากผีได้สะดวก ญาติๆของศพถ้าฐานะดีจะโปรยเงินไว้รอบๆศพมากพอสมควร เมื่อมีเงินแล้วหนุ่มๆทั้งหลายก็จะแอบปีนรั้ววัดออกไปฟอกเงิน โดยวิธีหยอดตู้ม้า ถ้าเล่นได้ตู้ก็จะคายเหรียญออกมา ส่วนเหรียญดำเงินปากผีจะถูกส่งลงไปในช่องรับเหรียญนั่นเอง
กลางดึกคืนหนึ่ง ท่ามกลางความมืดที่เงียบเชียบ มีเสียงกุกๆกักๆของตู้ม้า พยายามหาต้นตอของเสียงนั้นจะเป็นเสียงหนูหรือแมวก็ยากจะคาดเดา ฟังจากเสียงน่าจะมาจากตู้ม้า น่าจะมีอะไรที่ตัวใหญ่กว่าแมวเป็นแน่ วิเคราะห์จากเสียง เป็นเสียงที่แรงมากและมีน้ำหนักมาก จึงต้องเปิดตู้ม้าดูให้รู้ดำรู้ดีกันไปเลย
พอเปิดออกมาปุ๊บ ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า มีแต่เพียงเหรียญดำๆในช่องรับเหรียญมากมาย เข้าใจได้เลย ใครกันที่เอาเงินปากผีมาหยอดตู้ม้า ทำเอาเจ้าของตู้ม้าขนลุกซู่กับเหตุการณ์นี้
แล้วคืนที่ต้องจดจำไปจนวันตายก็มาถึง ช่วงค่ำพระเณรต่างๆก็ทยอยกลับกุฎิจำวัดหลังจากทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว หัวโจกก็นัดหมายเพื่อนไว้ 5 คน เมื่อเห็นเข้าทางตามแผนที่วางเอาไว้ก็มารอกันอยู่ที่หน้าศาลาพักศพข้างเมรุเผาศพ
เมื่อมากันครบแล้วก็ช่วยกันเปิดฝาโลงศพที่หมายตาเอาไว้ ศพนี้เป็นศพหญิงสาวหน้าตาสวยในสมัยนั้น ข้าพเจ้าเหลือบไปเห็นป้ายบอกวันชาตะ-มรณะ จึงคำนวนว่าตายมาแล้วประมาณ 2 เดือน แต่ทำไมศพยังอุ่น เหมือนคนตายใหม่ๆ หรือข้าพเจ้าอุปทานไปเองก็ไม่ใช่ เพราะว่าเพื่อนๆต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกัน
เพื่อนหัวโจกขอจับหน้าอกศพ มือไวพอๆกับปาก ซึ่งข้าพเจ้าก็ห้ามไม่ทันซะแล้ว จึงรีบหยิบเหรียญที่อยู่ด้านข้างศพ เมื่อได้เงินพอสมควรก็ต่างแยกย้ายกันไปตามกุฏิที่ตนพักกับเณรและพระ
ช่วงดึก ขณะที่ทุคนหลับได้ไม่นาน หูก็ได้ยินเสียงร้อง โอย.. โอย… ลอยมาตามลม ตามมาด้วยเสียง ช่วยด้วย… ช่วยด้วย… เบาๆแต่ก็พอได้ยิน เด็กวัดออกมาดูตามเสียง เสียงนั้นออกมาจากกุฏิข้างเมรุ 2 ชั้น มีลูกกรงชั้นบนเป็นเหล็กเส้นตรงมีเหล็กดัดเป็นวงกลมคั่นระหว่างเหล็กเส้นตรง เด็กวัดต่างตกตะลึงกับภาพที่อยู่ข้างหน้า
มีหัวคนโผล่พ้นเหล็กดัดช่องวงกลมนั้นพอดีคอ แล้วเอาหัวที่ใหญ่กว่าคอมาก ลอดช่องวงกลมไปได้ยังไง แขนซ้ายและขวาของหัวโจกก็ลอดพอดีถึงต้นแขน ขาทั้ง 2 ข้างสอดถึงหัวเข่าที่ห้อยลง มีเหล็กดัดวงกลมนั้นรองรับอยู่ หัวโจกเด็กวัดคนนี้จะละเมอหรืออย่างไรเป็นคำถามเอาไว้ในใจ
ข้าพเจ้าคิดเพียงว่า ดีแล้ว ถ้าไม่มีเหล็กดัด เพื่อนคนจะตกลงไปตายแล้ว ข้าพเจ้าและเพื่อนต่างหาเลื่อยตัดเหล็กให้ง้างออกจากคอเพื่อนอย่างเบามือ พยายามช่วยอย่างเงียบที่สุด เพราะไม่อยากให้เรื่องถึงท่านพระครู กว่าเหล็กดัดจะง้างออกได้ก็เล่นซะเหงื่อตก และทำเอาคนที่ช่วยหายใจไม่ทั่วท้องกันเลย
เพราะความกลัวว่าความผิดที่ทำเอาไว้จะทำให้เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ข้าพเจ้าเองไม่อยากยุ่งกับสิ่งเร้นลับอีก จึงเริ่มออกห่างจากเพื่อนกลุ่มนี้ และขาดการติดต่อกัน เพราะว่าเหตุการณ์ที่เพื่อนหัวโจกประสบพบเจอ เราทุกคนช็อคกับเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ เพราะ ความคึกคะนองแท้ๆ ขออย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่างเลย…
ขอบคุณเรื่องเล่าจาก : รายการ The Shock