===Not Click=== ===Not Click===

The Ghost Radio เรื่อง สยองชั้น 3 - คุณพลีส


เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปี ที่โรงแรมแห่งนึงอยู่ชานเมืองใกล้ๆกรุงเทพ คุณพลีสนั้นทำงานเป็นพริตตี้ MC ก็มีทั้งงานในกรุงเทพและต่างจังหวัด แต่มีอยู่งานนึงที่คุณพลีสต้องไปทำงานที่จังหวัดๆนี้ งานที่ไปทำเป็นงานวิ่งมาราธอน ที่ไปจัดกันที่จังหวัดนี้เรื่องไม่ได้เกิดที่งาน แต่ไปเกิดที่โรงแรม ซึ่งคุณพลีสนั้นเดินทางไปก่อนล่วงหน้าเพื่อทำการ Set Up งาน หลังจาก Set งานเสร็จก็เข้าที่พัก โดยที่พักนั้นเจ้าภาพจัดการจองชั้น 3 ไว้ให้ทั้งชั้น โรงแรมนี้จะเป็นตัว L ลูกค้าไปพักโซนนึง และทีมงานของคุณพลีสก็จะอยู่อีกโซนนึง

แต่ว่าลูกค้ากลุ่มนั้นไม่มา อีกฝั่งนึงก็เลยว่างไปเลย ทีมงานของคุณพลีสก็มีกันเกือบ 10 คน โดยจะแบ่งห้องละ 2 คน โดยคุณพลีสนอนกับเพื่อนพริตตี้อีก 1 คน ในคืนนั้นต้องนอนกันไว เพราะวันรุ่งขึ้นจะต้องตื่นตั้งแต่ ตี 2 เพื่อแต่งหน้าทำผม และก็จะมีการลงทะเบียนตั้งแต่ตี 4 พอเข้าห้องเพื่อนคุณพลีสก็ขออาบน้ำก่อน บรรยากาศในห้องปกติ เปิดห้องเข้าไป ห้องน้ำอยู่ขวามือ ข้างในก็เป็น 2 เตียงแยกกัน

พอเพื่อนคุณพลีสอาบน้ำเสร็จ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอคุณพลีสเข้าไปในห้องน้ำ คุณพลีสก็ล้างหน้า แปรงฟันแต่ระหว่างที่คุณพลีสถูโฟมล้างหน้าบนหน้า ด้านขวามือของคุณพลีสจะเป็นประตู ประตูอยู่แทบจะติดไหล่ของคุณพลีสเลย แล้วคุณพลีสก็ได้ยินเสียงคนทุบประตูห้องน้ำ ปังๆๆๆๆ คุณพลีสมั่นใจว่าเป็นประตูห้องน้ำแน่นอนเพราะประตูมันสั่นจนมาโดนไหล่ของตัวเองทุบรุนแรงมาก จนคุณพลีสตกใจว่าเพื่อนเราทำไมต้องทุบขนาดนี้เลยหรอ หรือเขาจะเอาของอะไร แต่ไม่มีเสียงเรียกจากเพื่อนเลย

ตอนนั้นโฟมล้างหน้าก็ยังเต็มหน้าคุณพลีสอยู่ คุณพลีสก็เอามือบิดประตู แต่อยู่ดีๆฝ้าบนห้องน้ำ เหมือนถูกเปิดจากข้างบน คุณพลีสก็ตกใจมากทั้งประตูที่โดนทุบ และแผ่นฝ้าที่หายไป คุณพลีสก็ได้แต่วิ่งกรี๊ดออกมา แต่เพื่อนของคุณพลีสก็ยืนดูทีวีอยู่ตรงสุดห้องสบายใจ คุณพลีสก็เลยถามเพื่อนว่า เมื่อกี๋ได้มาทุบประตูหรือเปล่า เพื่อนก็บอกว่า ก็ไม่นะ แต่ก็นึกว่าคุณพลีสทุบประตูออกมา แต่คุณพลีสก็ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทุบ คุณพลีสก็บอกกับเพื่อนว่า ไม่รู้แหละว่าใครทุบประตู แต่ฝ้าข้างในห้องน้ำ ไม่รู้ว่าใครเปิด หรือจะมีคนอยู่ข้างบนหรือเปล่า แต่ถ้ามีคนอยู่ข้างบนก็น่าจะมีเสียงครืดคราดบ้าง หรือถ้ามองอีกมุมนึง ถ้าจะมีคนแอบมอง คงไม่งัดแผ่นฝ้าทั้งแผ่น ใจตอนนั้นคุณพลีสก็กลัว ไม่รู้ว่าจะเป็นผีหรือเป็นคน ยังไงก็อยู่ห้องนี้ไม่ได้แล้ว เราย้ายห้องกันเถอะ

ห้องตรงข้ามเป็นทีมงานผู้หญิงที่นอนคนเดียว คุณพลีสก็เลยเปิดประตูออกไปเพื่อที่จะขอเขานอนด้วย พอพี่เขาออกมา คุณพลีสก็ขอนอนแล้วก็เล่าเรื่องที่เจอให้พี่เขาฟังที่หน้าห้องเลย ระหว่างที่กำลังเล่า เพื่อนคุณพลีสก็ลืมตัวปิดห้องตัวเองเรียบร้อย แล้วโรงแรมนี้เป็นระบบล็อคอัตโนมัติ ปิดแล้วปิดเลย ไม่สามารถเปิดได้ถ้าไม่มีคีย์การ์ด พี่ห้องตรงข้ามก็เชื่อที่คุณพลีสเล่า หลังจากนั้นก็ปลุกทีมงานทุกห้อง ทีมงานรับทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ทุกคนต้องช่วยกันย้ายของจากห้องคุณพลีสมาอยู่ห้องตรงข้าม แต่อย่างแรก ต้องไปเรียกพนักงานมาเปิดห้องให้ก่อน

ทีมงานก็โทรไปที่ lobby ให้ขึ้นมาเปิดให้ ซักพักก็มีพนักงานคนนึง น่าจะเป็นช่าง เขาออกจากลิฟท์มา เดินมาทางห้องคุณพลีส เดินก้มหน้าก้มตา แต่มีสิ่งผิดปกติอยู่อย่างนึงคือ ช่างเขาพกไฟฉายสปอร์ตไลท์อันใหญ่มากมาด้วย แล้วช่างก็ไปเปิดประตูห้องคุณพลีส พอเปิดเสร็จช่างคนนั้นก็รีบวิ่งกลับไปเลย แต่ตอนนั้นมันก็ดึกละ ทุกคนก็อยากจะนอนก็เลยไม่ได้สงสัยอะไรมาก ก็เลยรีบย้ายของให้มันเสร็จๆไปก่อน พอย้ายเสร็จ คุณพลีสก็ดึงคีย์การ์ดออกมา ไฟในห้องนั้นก็จะดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างจะใช้งานไม่ได้ละแล้วก็ปิดประตู

พอเจอเหตุการณ์มาแบบนั้น คุณพลีสก็นอนไม่หลับ ตาสว่างจนถึงตี 2 เอาจริงๆคือไม่ได้นอน ก็ลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผม แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เก็บกระเป๋าเพราะจะ Check out ออกเลย แต่คุณพลีสก็นึกขึ้นมาได้ว่า ลืมนาฬิกาข้อมือไว้ในห้องเก่า คุณพลีสก็ชวนเพื่อนให้ไปเป็นเพื่อนหน่อย เพราะว่าไม่กล้าไปคนเดียว คุณพลีสก็วางแผนกับเพื่อนว่า ถ้าไปถึงหน้าห้อง ไขประตูเสร็จเรียบร้อย แกยืนพิงประตูไว้เลยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวประตูมันจะปิดเอง พอคุณพลีสเปิดประตูเข้าไป คุณพลีสก็เพื่อนก็ต้องช็อค เพราะว่า ไฟในห้องเปิด แอร์เย็นฉ่ำ ทีวีก็เปิดอยู่ ไฟในห้องน้ำก็เปิด ทั้งๆที่ยังไม่ได้เสียบคีย์การ์ดเลย แต่คุณพลีสก็ตั้งสติรีบวิ่งไปเอานาฬิกาแล้วก็รีบปิดประตูออกมาเลย

หลังจากที่คุณพลีส เพื่อน และพี่เจ้าของห้อง เก็บกระเป๋าเรียบร้อยก็พากันลงไปเพื่อที่จะ Check out ออก ทีมงานที่พักอยู่ชั้น 3 ก็ลงกันไปหมดแล้ว ทั้งชั้นก็เลยเหลืออยู่กันแค่ 3 คนเท่านั้น ลิฟท์ที่โรงแรมนี้จะมีอยู่ 2 ตัว คุณพลีสก็กดลิฟท์ ลิฟท์ตัวขวามารับก่อนก็เดินกันเข้าไป 3 คนกดชั้น 1 แล้วก็กดปิดปกติ แต่ลิฟท์ไม่ขยับเปิดออกชั้นเดิม ลิฟท์ไม่ยอมลง พี่เจ้าของห้องที่ชื่อ พี่จุ๋มก็บอกว่า เปลี่ยนลิฟท์กันเถอะ พอพี่จุ๋มเดินออกไป ลิฟท์ก็ปิดด้วยความรวดเร็ว ขับคุณพลีสกับเพื่อนเอาไว้ คุณพลีสก็พยายามกดปุ่มเปิด แต่มันไม่เปิดกดชั้น 1 ลิฟท์ก็ไม่ลง คุณพลีสก็หันไปคุยกับเพื่อนว่า ถ้าลิฟท์เปิดอีกรอบ วิ่งเลยนะ

อีกซักพักนึงลิฟท์ก็เปิดออกจริงๆ เพื่อนคุณพลีสก็วิ่งออกด้วยความรวดเร็ว แต่ยังไม่พ้นกระเป๋าเป้ของเพื่อน ลิฟท์ก็ปิดเองอีกครั้งนึง ปิดแทบจะหนีบกระเป๋าเป้เลย แล้วคุณพลีสก็เหลืออยู่ในลิฟท์เป็นคนสุดท้าย ตอนนั้นคุณพลีสก็คิดในใจว่า จะหลอกก็หลอกเลย เพราะโดนมาทั้งคืนแล้ว จะทำอะไรเอาเลย ไม่กลัวแล้ว อยากไฟดับดับเลย คุณพลีสนับ 1-10 ในใจได้ ลิฟท์ก็เปิดออก คุณพลีสก็เห็นเพื่อนและพี่จุ๋มยืนหน้าซีดกันอยู่หน้าลิฟท์ คุณพลีสก็เดินออกไปจากลิฟท์ และหลังจากที่คุณพลีสเดินออกมา ลิฟท์ไม่ปิดอีกเลยเปิดค้างไว้อยู่แบบนั้น

คุณพลีสก็เลยไปกดลิฟท์ปุ่มลงอีกรอบนึง ก็มีลิฟท์ตัวซ้ายลงมา พอเปิดมา ก็มีนักวิ่งอยู่ ทุกคนก็เลยโล่งใจ มีเพื่อนละ พอลงไปถึงชั้น Lobby ก็ครึกครื้นเลย เพราะมีนักวิ่งที่รอลงทะเบียน รวมถึงทีมงานที่นั่งรอพวกคุณพลีสอยู่ คุณพลีสก็สังเกตเห็นว่าทีมงานหน้าตาดูง่วงๆ ทุกคนเลย คุณพลีสก็พูดแซวเล่นๆว่า หน้าตาเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยนะ จนมีคนนึงพูดขึ้นมาว่า จะไปได้นอนอะไรหละ เนี่ย มาเขย่าเตียงทั้งคืนเลย พอมีคนเล่าอีกคนก็เล่าต่อ เราก็เจอเหมือนมีคนมาเดิน อีกห้องนึงเจอคนมาเคาะประตูแล้วเรียกชื่อ แต่พอเปิดประตูออกไปไม่มีคน อีกคนเหมือนมีเงาดำๆวิ่งมาชนแล้วก็หายไป กลายเป็นว่าทีมงานทุกห้องโดนกันหมด เรียกได้ว่าโดนกันยกชั้น

จนพี่คนขับรถก็เดินถือกุญแจทั้งหมด เอาไปที่เคาท์เตอร์เพื่อที่จะ Check out และตอนที่ไปวางที่เคาท์เตอร์ คนขับรถก็ถามว่า พี่ถามจริงๆเหอะ ชั้น 3 มันมีอะไรหรือเปล่า ไม่มีใครได้นอนเลย พนักงานโรงแรมก็เหมือนจะไม่บอก คนขับรถก็ถามย้ำว่า บอกมาเหอะ ว่าชั้น 3 มันมีอะไร เนี่ยจะ Check out แล้ว พนักงานก็เลยพูดออกมาประโยคนึงว่า ใครนอนชั้น 3 ก็เจอกันทั้งนั้นแหละค่ะ และด้วยคุณพลีสกับทีมงานก็ต้องไปรีบจัดบู๊ทกิจกรรม ก็เลยทำให้ไม่มีเวลาได้ถามเรื่องราวว่าชั้น 3 มันมีอะไร

ขอให้ทุกท่านอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น