เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง แถวย่านท่าพระ เมื่อประมาณยี่สิบปีที่ผ่านมา วันนั้นเป็นวันพฤหัสบดี ด้วยความว่าง คุณโน๊ตและเพื่อนๆก็มาคุยกันว่า วันศุกร์ ตอนเลิกเรียน หลังจากที่ทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้ว มาเล่นผีถ้วยแก้วกันดีกว่า
คุณโน๊ตอาสาทำกระดานผีถ้วยแก้วเอง จึงได้ไปถามวิธีการมาจากคนเฒ่าคนแก่ จากนั้นก็เริ่มทำ โดยใช้กล่องกระดาษตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม ใช้พู่กันจีนแต้มเลือดไก่สดๆ เขียนข้อความบนกระดาน
พอถึงวันศุกร์ หลังจากที่ทำความสะอาดหลังเลิกเรียนเสร็จแล้ว คุณโน็ตและเพื่อนๆอีกสี่คนก็ได้นั่งกันที่หลังห้อง ดึงเอาอุปกรณ์ทั้งหมดออกมา มีกระดานผีถ้วยแก้ว ถ้วยแก้วเล็กๆหนึ่งใบ กระจกส่องหน้าประมาณห้านิ้ว กระถางธูปและธูปหนึ่งดอก
มีเพื่อนคนนึงขอยืนดูอยู่เฉยๆ จึงมีคนเล่นทั้งหมดสี่คน หลังจากมานั่งล้อมวงกันหมดแล้ว เพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า “จะเรียกเค้ายังไงดี” คุณโน็ตบอกว่า “ท่องนะโมพุทธายะย้อนหลังสามรอบ และอัญเชิญวิญญาณ”
พอทุกคนท่องจบ รู้สึกว่ากระดานมันขยับเล็กน้อย ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก คุณโน๊ตพูดว่า “ถ้าท่านมาแล้วให้ไปที่คำว่าใช่ หรือไปที่รูปบ้านก็ได้” แต่แก้วก็ยังไม่ขยับไปไหน
แต่อยู่ๆ ไม้กวาดหลังห้องที่อยู่ในช่องเก็บ เด้งตกลงพื้นเอง ทุกคนตกใจหันไปมองเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจมันมาก แล้วหันไปสนใจผีถ้วยแก้วกันต่อ แต่ว่าเรียกเท่าไหร่ แก้วก็ยังไม่ยอมขยับ
แต่คุณโน๊ตสังเกตเห็นเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ค่อยๆก้มหน้าลงทีละนิด เหมือนพยายามสังเกตอะไรสักอย่างในกระจก ที่ตั้งอยู่ข้างๆกระดาน แล้วอยู่ๆเพื่อนผู้หญิงก็ลุกพรวด คว้ากระเป๋า เดินออกจากห้องทันที
เพื่อนที่เหลือต่างนั่งมองหน้ากัน คุณโน๊ตคิดในใจว่าเพื่อนต้องเห็นอะไรแน่ๆ ทุกคนต่างระแวงกันไปต่างๆนาๆ จนดูท่าไม่ดี จึงย้ายกันไปนั่งเล่นที่หน้าห้อง เพราะจุดนั้นจะสว่างกว่าหลังห้อง
จากนั้นก็เริ่มท่องใหม่กันตั้งแต่แรก แต่คราวนี้แก้วขยับเคลื่อนที่ โดยที่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีใครคนนึงแกล้งขยับมันหรือเปล่า ลักษณะแก้วจะวนเร็วมาก จนไปหยุดอยู่ที่อักษร “ร”
คุณโน๊ตจึงถามว่า “ถ้ามาแล้วจริงๆ เพื่อนผมมันใส่กางเกงในสีอะไร” แต่รู้สึกเหมือนแก้วมันพยายามจะพลิก ทุกคนจึงช่วยกันกด ต่างก็ตั้งคำถามใส่กันว่าใครแกล้ง จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง กลิ้งเข้ามาทางหน้าต่างหลังห้อง “ตุ๊บ!!ตึกๆๆๆๆ”
ทุกคนตกใจมาก รีบหันไปมองทางต้นเสียง สิ่งนั้นกลิ้งไปชนกับประตูหลังห้อง แล้วกลิ้งกลับมาหยุดอยู่ตรงช่วงกลางๆของหลังห้อง ลักษณะเป็นลูกกลมๆ เพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า “ใครโยนลูกมะพร้าวเข้ามาวะ นี่มันชั้นสามนะ”
ทุกคนยังคงจับตามองไปที่ลูกกลมๆนั่น แต่เหมือนว่ามันค่อยๆขยับหมุนอยู่กับที่ เหมือนมีคนไปจับมันหมุนเบาๆ คุณโน๊ตพยายามเพ่งมองไปที่สิ่งนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจิตปรุงแต่งหรือเปล่า แต่เห็นเหมือนเป็นจมูกคน
คุณโน๊ตเริ่มใจสั่น ขอให้ตนเองมองผิด แล้วพยายามสั่งเกตให้ดีๆ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงเพื่อนพูดขึ้นมาว่า “หัวคนนี่หว่า” ทุกคนรีบวิ่งกระเจิงออกห้องทันที แล้วต่างคนต่างวิ่งหนีกลับบ้าน
เช้าวันต่อมา ทุกคนโดนครูเรียกเข้าไปทำโทษ สาเหตุที่ครูทราบเพราะว่าพวกคุณโน๊ตไม่ได้เก็บอุปกรณ์ต่างๆกลับมาด้วย หลังจากพักทานอาหารเที่ยง คุณโน๊ตก็ไปถามเพื่อนผู้หญิงที่กลับบ้านไปก่อน
แต่เพื่อนก็ไม่ยอมพูดอะไร คุณโน๊ตจึงบอกว่า “แกบอกมาเหอะ เพราะเมื่อวานพวกเราก็เจอมาเหมือนกัน” เพื่อนผู้หญิงก็บอกว่า “ถ้าเราเล่าให้ฟัง เราจะเจออะไรมั้ย” ทุกคนมองหน้ากันแล้วตอบว่า “เราเล่าให้แกฟังแล้ว แกก็ต้องเล่าให้เราฟังบ้างดิ”
เพื่อนก็เล่าว่า ตอนที่กำลังท่องอัญเชิญกันอยู่ ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะ เสียงคล้ายๆตุ๊กแกร้อง “แอ๊ะๆๆๆๆ” แต่แน่ใจว่ามันเป็นเสียงของผู้หญิง และได้เหลือบไปมองในกระจก เห็นมือหนึ่ง ลักษณะขาวซีดคล้ำๆ ห้อยลงมาแตะที่กลางถ้วยแก้ว
จึงได้ก้มลงมองต่ำๆผ่านกระจก ปรากฏว่าเห็นเป็นศพผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดม่อฮ่อมสีครีมเปื้อนโคลน ขาทั้งคู่ชี้ตั้งไปบนเพดาน นิ้วมือแตะลงบนถ้วยแก้ว คล้ายๆท่าหกสูง ศพนั้นค่อยๆหันตัวมาทางเพื่อนผู้หญิง ใบหน้าสีขาวคล้ำ ตาเหลือกมองไปที่กระดาน จมูกแห้งๆ เห็นแค่สันจมูกเหมือนหัวกระโหลก ริมฝีปากสีดำ อ้าปากกว้างเหมือนพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง
คุณโน๊ตได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกจุกที่ท้อง จนต้องนั่งลงบนเก้าอี้ คิดว่าแบบนี้มันไม่ปกติแน่ ความกลัวและหวาดระแวงทำให้คุณโน๊ตอยู่นิ่งไม่ได้ หลังจากเลิกเรียน จึงได้ชวนเพื่อนทุกคนไปปรึกษาพระที่วัด
ในขณะที่กำลังเดินออกจากโรงเรียน ภารโรงเดินมาพูดว่า “เป็นไงหละพวกเอ็ง ใครเค้าให้เล่นกันช่วงโพล้เพล้” คุณโน๊ตจึงถามกลับไปว่า “ทำไมอ่ะ” ภารโรงบอกว่า “พิธีกรรมที่ทำเฉพาะตอนเย็นก็คือการสวดศพ แล้วรู้หรือเปล่า ช่วงที่วิญญาณเค้ากำลังเดินทางอยู่ พวกเอ็งเรียกใคร ถ้าใครผ่านอยู่แถวนั้น เค้าก็มาหาพวกเอ็งกันหมด คำโบราณที่เค้าพูดกันว่าตะวันทับฟ้า คือเป็นช่วงเปิดกับปิด แล้วเอ็งรู้มั้ย ทุกวันนี้เค้าตามพวกเอ็งอยู่ เพราะพวกเอ็งไม่ได้เชิญเค้าออก แล้วเค้าจะไปไหนได้”
คุณโน๊ตใจหายแวบ รู้สึกขนลุกตั้งทั้งตัว ภารโรงพูดต่อว่า “รู้มั้ย ตอนเที่ยงที่พวกเอ็งนั่งกินข้าวกันอยู่ ข้าเห็นเค้านั่งแย่งข้าวพวกเอ็งกินอยู่บนโต๊ะ รีบไปหาหลวงตาซะ ให้ท่านช่วยก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น”
คุณโน๊ตและเพื่อนๆจึงเดินน้ำตาไหลไปหาหลวงตาที่วัด พอไปเจอหลวงตาที่วัด ท่านก็พูดว่า “เอ็งอย่าพึ่งเข้ามา รอข้างนอกก่อน” คุณโน๊ตกับเพื่อนๆก็งง จึงถามหลวงตาว่า “รออะไรครับหลวงตา”
ท่านบอกว่า “ข้าไม่ได้หมายถึงพวกเอ็ง ข้าหมายถึงผู้หญิงที่เดินตามพวกเอ็งมา” คุณโน็ตรู้สึกเสียวสันหลังวาบ หันไปมองข้างหลัง แต่ก็เจอแค่ความว่างเปล่า หลวงตาท่านก็ถามว่า “ไปทำอะไรกันมา”
คุณโน๊ตจึงเล่าเหตุการณ์ให้หลวงาฟัง ท่านบอกว่า “ตอนนี้ไม่ทัน เดี๋ยวข้าจะผูกสายสินญ์ข้อมือให้ แล้วพวกเอ็งก็กลับไปนอนกันก่อน พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยมาใหม่ จะทำบังสุกุลให้”
หลังจากที่คุณโน๊ตและเพื่อนๆเข้าพิธีบังสุกุลแล้ว ก็กลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ส่วนผีผู้หญิง หลวงตาท่านก็ได้สวดส่งวิญญาณให้ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
ขอบคุณเรื่องเล่าจาก : คุณโน๊ต