===Not Click=== ===Not Click===

The Shock Story เรื่อง เพื่อนที่ระลึก - คุณชิ


สวัสดีพี่ๆทีมงานเดอะช็อคทุกคน ผมชื่อชิครับ เรื่องที่จะนำมาเล่าวันนี้เป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับผมเองครับ

เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมกับเพื่อนอายุ 25 ปี ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อเลี้ยบครับ ผมกับเลี้ยบสนิทกันมากเพราะว่าบ้านเราอยู่ใกล้กัน เดินไปแปบเดียวก็ถึงบ้านเลี้ยบแล้ว แล้วพ่อแม่เรากับพ่อแม่มันก็สนิทกันมาก ต้องบอกว่าผมกับเลี้ยบเรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาล ประถมก็เรียนด้วยกัน มัธยมก็เรียนด้วยกัน จนมา ปวช. เราก็เรียน รร เดียวกันครับ

ตอนเช้ามันก็จะมารับผมแล้วเดินไปป้ายรถเมล์พร้อมกัน เพื่อรอขึ้นรถเมล์ไป รร นั่นเอง วันนั้นผมจำได้ดีครับ เป็นวันจันทร์ เลี้ยบก็มารับผมตามปกติ แต่ครั้งนี้มันมาแปลกครับ ทุกครั้งที่เดินไปหน้าปากซอยมันจะเป็นคนเฮฮา ตลก ชอบเล่นอะไรแผลงๆ วันนั้นมันนิ่งมากครับ เดินก้มหน้าก้มตา

ผมก็ถามว่าเลี้ยบเป็นอะไรวะ มันก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ไปเหอะ รีบไปเรียนดีกว่า ก็ไปเรียนกันครับ พอรถมาก็นั่งรถไปเรียน แต่ท่าทีที่แปลกของมัน มันไม่คุยกับผมเลย เป็นอะไรที่ผมแปลกใจมาก ผมพยายามถามมันก็ไม่บอก บอกแต่ว่าไม่เป็นอะไร ถามว่าไม่สบายรึเปล่า มันก็บอกว่าไม่ สบายดี แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร พอถึง รร ก็ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป

ผมเรียนก่อสร้าง ไอ้เลี้ยบเนี่ยเรียนช่างไฟ พอมาถึงช่วงเย็นผมก็จะรอเลี้ยบอยู่หน้า รร วันนั้นผมรอนานมาก เลี้ยบไม่มาสักที

จังหวะนั้นพอดีหันไปเห็นเพื่อนเลี้ยบกำลังเดินมาพอดีเลยบอก “เห้ย ไอ้เลี้ยบไปไหนอ่ะ” เพื่อนมันก็ตะโกนกลับมาบอกว่า

“เมื่อตอนเที่ยง ไอ้เลี้ยบมันโดดเรียนไปไหนก็ไม่รู้” ผมก็สงสัยว่าเอ๊ะทำไมเลี้ยบไม่บอกเรา ก็ได้แต่คิดว่ามันไปไหน อะไร กับใคร ยังไง

ผมก็กลับบ้านไป พอกลับไปถึงบ้านผมก็รีบไปหาเลี้ยบไฃที่บ้านก่อนเลย วิ่งไปหามัน ไปเคาะบ้านมัน พ่อแม่มันก็ลงมาครับ

บอกว่าเลี้ยบยังไม่กลับเลย เราก็แปลกใจ เอ๊ะทำไมเลี้ยบยังไม่กลับ พ่อก็ถามว่า “อ้าว แล้วไม่ได้กลับพร้อมกันนหรอ”

ผมก็อ้ำอึ้งครับ บอกไม่ถูก จะบอกว่าลูกเขาโดดเรียนก็กระไรอยู่ ก็เลยบอกว่าเลี้ยบไปทำรายงานบ้านเพื่อน แล้วผมก็เดินกลับบ้าน

ในระหว่างที่เดินกลับมาบ้านนั้นผมมีความรู้สึกว่ามันแปลกๆนะ เราก็ได้แต่ครุ่นคิดครับว่าเลี้ยบไปไหน…

กลับมาบ้านผมก็อาบน้ำอาบท่า กินข้าว และเตรียมจะเข้านอนครับ ตอนนั้นเป็นเวลาซักประมาณ 5 ทุ่มเกือบเที่ยงคืน

ลักษณะห้องของผมจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าครับ เตียงผมจะอยู่ด้านในสุดซึ่งติดกับหน้าต่าง ประตูจะอยู่ด้านขวาสุด ฉะนั้นถ้าขึ้นบันไดมาจะเจอประตูก่อน เปิดเข้ามาแล้วค่อยเจอที่นอนผม

คืนนั้นผมเคลิ้มหลับไปประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ เหมือนได้ยินเสียงครับ เป็นเสียงผู้ชายร้องไห้ เราก็แปลกใจว่าทีวีที่บ้านที่อยู่ข้างล่างไม่ได้ปิดหรือเปล่า เราก็ไม่ได้สนใจอะไรพยายามจะหลับ แต่ทีนี้มันดังเข้ามาใกล้ๆขึ้นทุกที ผมก็เริ่มรู้สึกแปลกใจก็หันไปดูรอบห้องก็ไม่มีอะไรครับ คืนแรกที่ได้ยินก็ได้ยินแค่นั้นครับ แล้วก็หายไป

พอตื่นเช้าขึ้นมาจะไป รร ผมไม่เจอเลี้ยบมารับ ก็เลยกะจะไปเจอมันที่ รร กะจะรีบไปถามมันว่าไปไหนมา พอไปถึง รร เพื่อนๆช่างไฟของเลี้ยบทุกคนต่างแตกตื่นกันมากผมได้ยินอะไรสักอย่างไม่ชัดเจน ผมก็เลยวิ่งเข้าไป มารู้ความเอาทีหลังครับ มารู้ว่าเลี้ยบเนี่ยโดดเรียนเพื่อจะไปตกปลาแถวบึงแห่งหนึ่ง และเลี้ยบพลัดตกน้ำกับเพื่อน เลี้ยบเสียชีวิตครับ แล้วก็ยังหาศพไม่เจอ แทบทรุดเลยครับพอรู้ว่าเพื่อนตาย เราก็คิดว่าจริงรึเปล่า โม้รึเปล่า เพื่อนที่ไปกับเลี้ยบก็ยืนยันว่าเลี้ยบจมน้ำจริงๆ

ยังไม่เจอเลี้ยบเลยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมเนี่ยไม่เรียนแล้วครับ รีบไปบอกพ่อแม่เลี้ยบ แล้วก็ไปที่บึง บึงนั้น พาตำรวจไป พี่ๆอาสาไป

เขาก็ดำกันอยู่นาน หาศพเลี้ยบไม่เจอ พ่อแม่เขาเลยจุดธูปบอก แปบเดียวเองครับ ศพเลี้ยบลอยขึ้นมา  ห่างจากตรงจุดที่ยืนกันอยู่ไม่ไกลมากครับ ประมาณ 100 ม.เห็นจะได้ พี่มูลนิธิก็ไปนำศพเลี้ยบขึ้นมา  สภาพศพหน้าตาเขียวอืดหมดเลยครับ เหมือนคนจมน้ำมานาน มือมันเกร็งครับ พอมันขึ้นมาเสร็จตำรวจก็นำไปชันสูตร แล้วก็ไปทำพิธีตามประเพณีครับ

คืนแรกเนี่ยผมได้ยินคนร้องไห้ แต่คืนที่ 2 พอผมไปงานศพเลี้ยบผมรู้สึกเสียใจในการจากไปเพื่อนผม
งานศพเสร็จประมาณ 3 ทุ่มได้ครับ ผมก็กลับบ้านมากับพ่อแม่ผมแล้วก็ขึ้นห้องอาบน้ำ แล้วก็คิดในใจว่าทำไมเลี้ยบต้องจากเราไปด้วย

ผมก็เข้านอน พอนอนได้แปบนึงก็มีเสียงผู้ชายสะอื้นร้องไห้อยู่ ผมฟังไม่ผิดแน่ๆว่ามาจากตรงแถวหน้าห้อง แถวประตู ตอนนั้นในใจผมคิดถึงเลี้ยบเลยครับ แต่ก็ไม่ได้หันไปมอง ได้ยินเสียงมันร้องไห้ ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกครับ ใจนึงก็อยากจะหันไปมอง อีกใจนึงก็กลัว ทีนี้เสียงที่ได้ยินเริ่มร้องโหยหวนหนักกว่าเดิมอีกครับ

ผมก็เลยกลั้นใจ รวบรวมสติที่มีทั้งหมด หันไปมอง ภาพที่เห็นคือ เลี้ยบนั่งชันเข่า กอดเข่าก้มหน้าร้องไห้อยู่ แต่มันไม่ได้หันมาทางผมครับ มันนั่งอยู่ตรงประตู ที่ที่มันเคยมานั่งเล่นทุกครั้งไป มันนั่งก่ฃ้มหน้าอยู่และร้องไห้ สิ่งที่แปลกไปกว่านั้น มีน้ำหยดเต็มพื้นเลยครับ ทั้งตัวมันมีแต่น้ำเปียกไปหมดทั้งตัว มันร้องไห้ครับ

จนผมทำอะไรไม่ถูก รู้สึกว่าตัวเองสั่นไปหมด ระหว่างนั้นผมก็หันกลับมาแล้วพยายามคิดว่าที่เห็นนั้นเพื่อนเรานะ อย่ากลัวๆ ก็เลยกลั้นใจหันไปมองอีกทีหนึ่ง ภาพที่เห็นเลี้ยบไม่อยู่แล้วครับ หลังจากนั้นเราก็เลยภาวนาครับ ลุกขึ้นมาพนมมือบอกว่า “ไอ้เลี้ยบ ถ้าเลี้ยบมาก็อย่าทำให้เรากลัวเลย ถ้าจะมาคุย อยากให้รู้ ให้ช่วยอะไร ก็บอกได้ มาเข้าฝันได้” เหตุการณ์ในคืนที่ 2 ก็หายไป

มาถึงวันที่ 3 คืนวันที่ 3 ผมไปเรียนตามปกติกลับมาบ้านตอนเย็นก็ไปงานศพเลี้ยบ ก็ธรรมดา ก็ไปจุดธูปบอก “ไอ้เลี้ยบ เพื่อนมาแล้วนะ ต้องการอะไรก็ไปเข้าฝันแล้วกัน อย่ามาเหมือนเมื่อคืน เรากลัว”  เสร็จงานศพประมาณ 3 ทุ่มก็กลับบ้าน อาบน้ำ ขึ้นนอนตามปกติ ทีนี้เรามีความเชื่อว่าคืนที่ 3 เพื่อนจะกลับมาหาเรา

ก็เลยเอาพระมาแขวนคอแล้วก็นอน ผมได้ยินเสียงเหมือนตรงหน้าประตูมีคนมาเปิดแล้วก็ทำอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ เราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็หันไปมอง ก็ไม่มีอะไรครับ พอหันกลับมากำลังจะนอน ได้ยินเสียงคนสะอื้น ร้องไห้อยู่ครับ ตรงที่เดิมเลย ผมคิดในใจแวบแรก “ไอ้เลี้ยบมาแน่ๆ” ด้วยความโมโห เราก็บอก “เห้ยเพื่อน ทำไมต้องมาหลอกเราด้วย”

ผมหันไปครับ ภาพที่เห็นเป็นเลี้ยบจริงๆครับ นั่งชันเข่า กอดเข่า ก้มหน้าร้องไห้อยู่ ตัวมันมีแต่น้ำครับ เปียกน้ำหมดเลย มันนั่งร้องไห้อยู่นาน ผมได้ยินมันพูดมาว่า “ไอ้ชิ กรุหนาว เมิ ง ช่วยกรุหน่อย กรุอยู่ตรงนั้น กรุยังไม่ได้กลับมาบ้าน”  ผมเนี่ยกลัวก็กลัว เป็นห่วงเพื่อนก็เป็นห่วงครับ ผมพูดออกไปว่า “ไอ้เลี้ยบ เดี๋ยวพรุ่งนี้กรุจะไปบอกพ่อกับแม่เมิ ง ให้”

ภาพที่เห็นตรงหน้าก็หายไปเลยครับ ผมก็นอน แต่นอนไม่หลับหรอกครับ พอถึงเช้าผมรีบไปบอกพ่อกับแม่มัน พ่อกับแม่เขาก็เชื่อผมครับ ก็พากันไปที่บ่อน้ำนั้น ให้พระไปทำพิธีเรียกวิญญาณกลับบ้าน ซึ่งก็ทำไม่นานมาก

กลับมาพอเย็นวันนั้นทีนี้ไม่เห็นเลี้ยบแล้วครับ เลี้ยบมาเข้าฝัน “กรุขอบใจเมิ ง มากนะ เมิ ง จะเป็นเพื่อนรักของกรุตลอดไป”

“กรุขอบใจเมิ งมากนะ..ชิ กรุฝากพ่อกับแม่ด้วยแล้วกัน” แล้วเลี้ยบก็หายไป ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ผมไม่เคยเจอเลี้ยบอีกเลยครับ

แต่ผมมีความรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมคบกับมันแล้วเต็มร้อย มันไม่เคยทิ้งผม เวลาผมลำบากผมจะเห็นหน้ามันตลอด

วันนี้ผมไม่มีมันแล้วก็ขอให้มันไปสู่สุขคติครับ เรื่องราวก็มีประมาณนี้ครับ….

ขอบคุณเรื่องเล่าจาก : คุณชิ