เรื่องของคุณต่ายได้เกิดขึ้นจริงเมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2012 คุณต่ายประกอบอาชีพทำทัวร์ วันนั้นคุณต่ายได้พาลูกทัวร์ไปด้วยตนเอง เครื่องสายการบินดีเลย์ 3-4 ชั่วโมง ก็เลยเลื่อนไฟท์ และเปลี่ยนสายการบิน โดยให้ลูกทัวร์กับไกด์เดินทางไปก่อน
คุณต่ายจะตามลูกทัวร์ไปทีหลังเพราะเริ่มหงุดหงิด อารมณ์เสียกับสายการบินนี้ กลุ่มที่ลงเครื่องมากับคุณต่าย จะมี 4 คน ตกลงว่าจะขอกลับไปหาที่พัก เพื่อนอนก่อน แล้วค่อยมาสนามบินใหม่อีกครั้ง จึงจะนั่งแท็กซี่กลับที่พัก มีคนขับเป็นผู้หญิง ตอนนั้นเวลาประมาณ ตี 3 จะเดินทางไปคอนโดที่รัชดา
ระหว่างทางก็มีการพูดคุยกับป้าแท็กซี่ ป้าได้แนะนำให้หาที่นอนโรงแรมใกล้ๆ สนามบิน คุณต่ายและเพื่อนก็เห็นด้วย จึงให้ป้าแท็กซี่พาไปหาโรงแรม ช่วงเวลานั้นเงียบและมืดมากป้าแท็กซี่ก็เงียบ คุณต่ายได้สังเกตุว่าในรถของป้าแท็กซี่โล่งมาก ปกติในรถแท็กซี่จะมีพระ พวงมาลัย หรือผ้ายันต์ ฯลฯ ตามสไตล์คนไทย แต่ในรถป้าแท็กซี่ ไม่มีอะไรเลย…
อยู่ดีๆก็มีแสงสีเขียวๆตัดผ่านหน้ารถไปทางขวามือ ซึ่งเป็นตึก ตึกหนึ่ง ด้วยความสงสัย คุณต่ายก็เลยถามป้าแท็กซี่ ป้าเห็นแสงสีเขียวมั้ย ป้าถามกลับว่า น้องเป็นใคร ต้องมีครูแน่ๆ ใช่มั้ยเพราะจุดที่เห็นแสงสีเขียว จะเป็นสถานที่ศักด์สิทธิ์ ที่มีพญางู ที่ถูกตรึงไว้ทั้ง 4 จุด ปกติสจ๊วต หรือแอร์จะมากราบไหว้ ก่อนที่จะขึ้นบิน เพื่อให้บินปลอดภัย
ป้าถามว่า จะไปไหว้มั้ย แต่คุณต่ายปฎิเสธไป เพราะง่วง และดึกมากแล้ว ให้ป้าขับตรงต่อไป ไปได้สัก 50 เมตร ก็เจอสะพานลอย
ระหว่างที่คุณต่ายและเพื่อนๆคุยกัน ก็หันไปเห็น คนกระโดดลงมาจากสะพานลอย ทุกคนตกใจมาก แต่ป้าแท็กซี่นั่งนิ่ง ไม่พูดอะไร
เลยไปนิดเดียว ก็ถึงโรงแรมแรก เป็นโรงแรมที่ติดอยู่กับโชว์รูมรถ ป้าแท็กซี่จอดที่ด้านหน้า เพื่อนที่มาด้วยสะกิดและดึงมือคุณต่าย
ให้หันไปมองในโชว์รูม เห็นผู้หญิงสภาพเละ และเลือดไหลเต็มไปหมด ยืนอยู่ในโชว์รูม ยืนมองออกมานอกกระจก
คุณต่ายกับเพื่อนที่สะกิด เห็นเหมือนกัน แต่อีก 2 คนที่เหลือไม่เห็น จึงรีบบอกป้าแท็กซี่ให้พาไปที่อื่นดีกว่า
คุณต่ายกับเพื่อนเริ่มใจคอไม่ดี อยู่ๆ ป้าแท็กซี่ก็พูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อเรารู้ ในเมื่อเราเห็น ทำไมไม่แผ่เมตตาให้เขาล่ะ เขาอยากได้ เราเห็นตั้งแต่ตอนมาแล้วไม่ใช่หรอ ตั้งแต่เสียงสีเขียว ตั้งแต่สะพาน” ตอนนั้นคุณต่ายกับเพื่อนรู้สึกกลัว เพราะป้านั่งนิ่งมาก พูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งมากจนน่ากลัว
ป้าแท็กซี่ก็ขับไปเรื่อยๆ จนไปถึงอีกโรงแรม คุณต่ายรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจ เพราะมืด และมีกลิ่นอับ เลยบอกให้ป้าแท็กซี่พาไปที่อื่นต่อ
พอไปถึงโรงแรมที่ 3 สวยมากไตล์ล้านนา ก็เลยโอเคที่โรงแรมนี้ จึงบอกป้าแท็กซี่ว่าโอเคแล้ว จะจ่ายเงินค่าแท็กซี่ ป้าบอกว่า ยังไม่ต้อง ป้าจะรอ ให้เข้าไปดูก่อน คุณต่ายรู้สึกว่า ป้าต้องจงใจพามาแน่ๆ คุณต่ายเข้าไปคุยกับทางโรงแรม โรงแรมแจ้งว่าไม่เหลือห้องว่างเลย เต็มหมดแล้ว แต่จะมีอยู่ 1 ห้อง ค่าห้องประมาณ 1500 บาท จะลดให้เหลือ 700
ตอนนั้นคุณต่ายเริ่มไม่โอเคแล้ว เพราะผิดปกติ ที่อยู่ๆจะมาลดให้ขนาดนี้ หันไปคุยกับน้องๆที่มาด้วยกัน ว่ากลับไปนอนที่สนามบินกันดีกว่า แต่น้องอีก 2 คนบอกว่าไม่ไหว ง่วงมากเลย อยากจะนอนที่โรงแรมนี้ ก็เลยตกลงจะพักที่นี่
ห้องพักอยู่ชั้น 3 ก็วิ่งตามเจ้าหน้าที่ไป เพราะเจ้าหน้าที่วิ่ง คุณต่ายยังนึกสงสัย ว่าจะวิ่งทำไม เจ้าหน้าที่โรงแรมวิ่งเข้าไปที่ห้อง 205
คุณต่ายกับเพื่อนที่กำลังวิ่งตามหลังไป ก็เห็นเหมือนกันหมด ว่าเจ้าหน้าที่ วิ่งเข้าไปที่ห้อง 205 พอพวกคุณต่ายวิ่งไปถึงหน้าห้อง 205 กลับกลายเป็นว่า ห้องนั้นยังล๊อคและคล้องกุญแจด้านนอก
เพื่อนคุณต่าย 2 คน ที่ไม่เชื่อเรื่องผี ถึงกับน้ำตาไหล ก้าวขาไม่ออก ทุกคนหยุดอยู่หน้าห้อง 205 จะกลับลงไปก็ไม่กล้า
จะเดินไปต่อก็ไม่กล้า เวลาผ่านไปแปบเดียว ก็มีเจ้าหน้าที่คนที่วิ่งนำพวกคุณต่าย เดินลงมาจากชั้น 3 ถามพวกคุณต่ายว่า พวกคุณทำอะไรอยู่
เห็นพวกคุณอยู่ชั้น 2 นานแล้ว เพราะดูจากกล้องวงจรปิดด้านบน อยู่ดีๆวิ่งๆมาก็หยุดอยู่หน้าห้องนี้ ทั้งๆที่ก็วิ่งตามกันมา ทำไมไม่ตามเขาขึ้นไป พวกคุณต่ายก็รู้สึกกลัว แต่มาขนาดนี้แล้ว ก็ต้องนอนที่นี่ละ จึงเดินตามเจ้าหน้าที่ขึ้นไปชั้น 3 ใจก็คิดว่า ช่างมันละ ไม่ต้องไปสนใจ
ไปถึงห้องชั้น 3 เจ้าหน้าที่จัดเตียงให้เรียบร้อยห้องสวยมาก เพื่อนคนนึงของคุณต่าย พูดกับคุณต่ายว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะห้อง 205 กับห้องที่นอนอยู่ มันตรงกัน คือห้องตำแหน่งเดียวกัน แต่อยู่คนละชั้น เลยบอกกับเจ้าหน้าที่ ไม่พักแล้วได้มั้ย ขอยกเลิก เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่เป็นไร คือไม่ว่า ไม่บ่นอะไรเลย
พอพวกคุณต่ายลงมาข้างล่าง ก็เห็นป้าแท็กซี่รออยู่ ป้าหัวเราะ ด้วยน้ำเสียงที่แบบว่าสะใจมาก จากนั้นก็ขึ้นรถป้าแท็กซี่
เพื่อจะกลับไปที่สนามบิน ตอนจะออกไป คุณต่ายสังเกตุเห็นศาลพระพรหมที่ใหญ่มาก เท่าที่คุณต่ายรู้มา ศาลพระพรหมขนาดใหญ่แบบนี้ จะตั้งอยู่ตรงสถานที่ ที่แรง เท่านั้น….
และระหว่างที่ป้าแท็กซี่ขับรถเพื่อพากลับสนามบิน ป้าสวดมนต์ตลอด กลุ่มของคุณต่ายเริ่มกลัว คิดว่าพวกเราไม่น่าโมโหสายการบิน และลงจากเครื่องเลย แล้วป้าแท็กซี่ก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนป้าเล่นของ มีเงิน 20-30 ล้าน แต่ก็หมดตัวแต่ตอนนี้ป้าเลิกแล้ว
ป้าถามคุณต่ายว่า ไปนอนค้างบ้านป้ามั้ยละ บ้านป้าทำพิธีกรรมหมดแล้ว ผีไม่มี…แน่นอนว่าคุณต่ายปฎิเสธ
ก่อนจะถึงสนามบิน อยู่ดีๆป้าก็ขอจอดลงไปทำอะไรแปบนึง พวกของคุณต่ายรู้สึกไม่ดี และรู้สึกแปลกมาก เหงื่อตกกันทุกคน เพราะว่าวันนี้เจออะไรกันมาเยอะ เลยตัดสินใจ จะวางเงินไว้ให้ป้าแล้วลงจากรถ ไปหารถคันอื่นดีกว่า ระหว่างที่ทุกคนกำลังเก็บของส่วนตัว เพื่อลงจากรถ คุณต่ายกำลังจะปลดสายเข็มขัดนิรภัย อยู่ๆ ป้าก็เข้ามาอยู่ในรถ แล้วพูดว่า จะไปไหน
ทุกคนตกใจมาก ป้าจะเข้ามานั่งในรถได้ยังไง เมื่อกี้ยังอยู่นอกรถ แล้วเสียงเปิด-ปิดประตู ไม่มีใครได้ยิน ทุกคนมองหน้ากัน แต่ไม่กล้าพูดอะไร เลยทนนั่งอยู่ในรถต่อไป บอกป้าว่าไปสนามบิน ขอไม่แวะตรงไหนแล้ว ตรงไปสนามบินเลย ป้าก็ตกลง แต่ระหว่างทาง ป้าก็พยายามชวนไปบ้านป้าตลอด
พวกของคุณต่าย ก็พยายามทนฝืนความกลัว นั่งต่อไปจนถึงสนามบิน เมื่อถึงสนามบิน ก็จ่ายเงินให้ป้า โดยไม่เอาเงินทอน ทุกคนบอกสวัสดีป้า
ป้านั่งอยู่ในรถและลดกระจกลง แล้วพูดว่าโชคดีนะลูก แล้วก็ออกรถไป ทุกคนหันไปมองป้าอีกรอบ ปรากฏว่า ป้าไม่ใช่ผู้หญิง กลายเป็นผู้ชายตัวอ้วนๆ ใหญ่ๆ ….
พวกคุณต่ายทั้งหมดเห็นเหมือนกัน คุณต่ายก็รื้อหาใบที่ทางสนามบินเขียนชื่อคนขับแท็กซี่มาดู ชื่อเขียนไว้ว่า สมหมาย.. ทุกคนคุยกันว่า สมหมาย (ไม่มีคำนำหน้าชื่อว่านาย หรือนาง) ชื่อนี้จะเป็นหญิง หรือชายก็ได้ ก็เลยชวนกันไปที่ท่ารถแท็กซี่ของสนามบิน เพื่อหาว่า สมหมาย นี่เป็นใคร ชาย หรือ หญิง
ก่อนจะเดินไปที่ท่ารถ ทุกคนก็หยิบกระเป๋าของตัวเอง เปิดดูและตรวจสอบสัมภาระอีกครั้ง ปรากฏว่า กระเป๋าของทุกคนที่เปิดมา จะเจอผ้ายันต์ผืนเล็กๆ และมีเม็ดข้าวสารคนละ 3 เม็ด
ทุกคนช็อคมาก ถึงแม้ว่าคุณต่ายจะเคยเจอเรื่องแบบนี้มาบ่อย แต่รอบนี้คือเจอเยอะมาก หลายเหตุการณ์มาก จึงคิดกันว่า จะทำยังไงกับของสิ่งนี้ดี ด้วยความกลัวจึงตัดสินใจ หยิบแค่ของสำคัญที่อยู่ข้างในออกมา และทิ้งกระเป๋าราคาแพงที่มีผ้ายันต์ไว้ที่สนามบิน
จากนั้นก็เดินไปที่ท่ารถ เพื่อถามหาคนขับแท็กซี่ชื่อสมหมาย ให้เจ้าหน้าที่ท่ารถช่วยหาให้ ว่าคนชื่อสมหมายเขาคือใคร หญิงหรือชาย เจ้าหน้าที่แจ้งว่า สมหมายคนนี้เขาเป็นผู้ชาย จะเป็นผู้หญิงได้ยังไง ทุกคนตกใจอีกรอบ แล้วป้าผู้หญิงที่พวกคุณต่ายเจอและคุยด้วยตลอดทางเขาเป็นใคร ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกคนเจอดีมาแน่นอน… ต่างก็ปลอบใจกัน จากนั้นก็เดินเข้าไปในสนามบิน
กลุ่มคุณต่ายคนนึง อยากเข้าห้องน้ำ ก็พากันไปห้องน้ำทั้งหมด ระหว่างที่เดินไปห้องน้ำ ทุกคนเห็นป้าที่ขับแท็กซี่ เดินผ่านหน้าไป โดยที่ไม่หันมามองพวกคุณต่ายเลย ด้วยความกลัวทุกคนรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ และไม่กล้าจะหันกลับไปมองป้าคนนั้นอีก
พอออกมาจากห้องน้ำ กลุ่มของคุณต่าย ก็ขอเจ้าหน้าที่สนามบิน เข้าไปนั่งพักกันที่ห้องรับรอง ทุกคนไม่มีใครข่มตาหลับได้ลง จน ประมาณ 8 โมงเข้า ก็ขึ้นเครื่องเพื่อไปเกาหลี
ขอบคุณเรื่องเล่าจาก : คุณต่าย