เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่จังหวัดอุดรธานี วันที่เกิดเรื่อง คุณเสกได้เอาของไปลงที่เวียงจันทร์ และช่วงเย็นก็ได้ข้ามกลับมาที่ฝั่งไทย ช่วงเวลาประมาณเดือนธันวาคม ปี 2556 และช่วงนั้นเป็นช่วงที่กำลังตัดอ้อยกัน
ทางบริษัทสั่งให้ไปขึ้นน้ำตาลที่อำเภอนึง ในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ คุณเสกไปกับภรรยาสองคน และไปถึงที่หมายก่อนเวลากำหนด จึงได้ไปนอนรอขึ้นน้ำตาล กว่าจะเสร็จก็ประมาณตีหนึ่ง ภรรยาถามว่าจะนอนต่อมั้ย จะวิ่งตอนเช้าหรือว่าจะวิ่งตอนนี้เลย คุณเสกตอบไปว่ายังไงก็ได้นอนแล้ว เดี๋ยววิ่งออกไปเลย
คุณเสกจึงขับรถออกมา พอหลุดออกมาจากหมู่บ้านนั้น จะเข้ามาในเขตจังหวัดอุดรธานี เป็นช่วงต่อระหว่างหมู่บ้านนึงไปยังอีกหมู่บ้านนึง ระยะทางประมาณหกถึงเจ็ดกิโลเมตร ตามข้างทางจะมีป่าอ้อยและดงมัน พอเข้าดงป่าอ้อย
คุณเสกรู้สึกง่วงขึ้นมาทันที ง่วงชนิดที่ว่าจะหลับให้ได้ สักพักนึงคุณเสกสังเกตเห็นทางแยกข้างหน้า เหมือนเป็นทางแยกลงไปที่ไหนสักแห่ง แล้วมีเวิ้งช่องว่างพอที่จะให้รถจอดได้ คุณเสกจึงเลี้ยวรถเข้าไปแล้วจอดรถชิดขอบทาง โดยพยายามเอารถหลบออกห่างจากถนน
ภรรยาได้ถามคุณเสกว่า จะนอนตรงนี้เลยหรอ คุณเสกตอบว่า ไม่ไหวแล้ว ขอสักงีบก่อน ปกติเวลานอนคุณเสกจะยกผ้าม่านมาปิดหน้ารถและหน้าต่างข้างรถหมด แต่วันนั้นคุณเสกง่วงมาก จอดรถได้ ดับเครื่องยนต์ ปิดไฟ เอนเบาะนอนเลย แล้วก็หลับ
มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนภรรยาปลุก ภรรยาตะโดนลั่นเลย แล้วบอกว่าตอนที่คุณเสกหลับ ประมาณสามสิบนาทีได้ แต่ภรรยาไม่หลับ ได้ยินเสียงหญ้าข้างทางแหวกออกเหมือนมีคนเดิน ภรรยาจึงชะโงกมอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเพราะข้างนอกมืดมาก และก็มีเสียงเดินรอบรถ เดินไปเดินมา
ซักพักนึงภรรยาของคุณเสกก็เริ่มจะมองเห็นลาง เห็นเป็นผู้ชายสองคน จึงเริ่มตกใจและรีบปลุกคุณเสก และบอกว่ามีคนมาปีนรถเราอยู่ คุณเสกสดุ้งตื่นขึ้นมา มองไปข้างหน้าต่าง เห็นขาคนปีนบันไดข้างรถขึ้นไปด้านบนหัวรถ (รถสิบล้อจะมีบันไดติดอยู่ข้างรถใกล้ๆประตูด้านคนขับ)
คุณเสกเห็นอย่างนั้นก็ตกใจคิดว่าเป็นโจร จึงรีบสตาร์ทเครื่องทันที แล้วคลำดูที่ประตูรถก็ยังล็อกอยู่ เปิดไฟหน้ารถแล้วขับออกมาเลย เพราะ ณ ตอนนั้นอยู่กลางป่า ไม่สามารถเปิดประตูออกไปดูได้ ภรรยาก็บอกว่ามันยังอยู่บนหลังคารถสองคนเลย คุณเสกรีบขับรถออกมาจากตรงนั้น
จนไปถึงตัวอำเภอวังสามหมอ พอพบป้อมตำรวจ คุณเสกเลยจอดรถทันที แต่ไม่กล้าเปิดประตู เลยแง้มกระจกแล้วส่องขึ้นไปดู แต่กลับไม่เห็นอะไรเลย สักพักนึงคุณเสกเห็นตำรวจอยู่ในป้อม จึงเปิดประตูแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง แล้วหันกลับมามอง ก็ไม่เจอใครอยู่ข้างบนหลังคารถ คุณเสกลองเดินสำรวจรอบรถแต่ก็ไม่เจออะไร สักพักคุณเสกก็กลับเข้ามาในรถ แล้วขับออกไปนอนที่ปั้มน้ำมัน
คิดว่าตอนเช้าค่อยเดินทางต่อ หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ คุณเสกเอาของไปลงในตัวเมืองจังหวัดของแก่น ครั้งนี้เดินทางคนเดียว พอลงเสร็จ บริษัทโทรมาบอกว่า ให้ไปขึ้นไม้ยูคาที่อำเภอนึง เป็นเขตติดต่อระหว่างอำเภอสีชมพูกับศรีบุญเรือง ก็คือจังหวัดขอนแก่นกับหนองบัวลําภู
คุณเสกบอกกับทางบริษัทว่า นี่มันก็บ่ายแล้วนะ น่าจะไปถึงประมาณสี่โมงเย็น เค้าจะขึ้นให้มั้ย ทางบริษัทบอกว่าขึ้นให้ คุณเสกก็เลยขับออกไป ลักษณะจะเป็นไร่ป่าไม้ยูคาทั้งสองข้างทาง ตัวไร่ห่างจากหมู่บ้านไปประมาณสองกิโลเมตร
คุณเสกนำรถวิ่งเข้าไปในไร่ ทางเข้าไร่จะเป็นทางเกวียน ถึงที่หมายประมาณสี่โมงเย็น เค้าก็นำไม้ขึ้นรถให้ จนถึงเวลาประมาณหกโมงเย็น แสงแดดโพ้เพ้ แต่ก็ยังขึ้นไม่เสร็จ ไม้ไม่พอต้องรอขึ้นพรุ่งนี้อีก คุณเสกเลยบอกว่า แล้วจะนอนที่ไหนหละ เค้าบอกว่า เดี๋ยวเข้าไปนอนในหมู่บ้านกับพวกเค้าก็ได้ คุณเสกก็บอกว่า แล้วรถของผมหละ เค้าบอกว่า รถอะจอดไว้นี่ก็ได้ ไม่มีอะไรหรอกพี่ แต่คุณเสกเป็นห่วงรถ เลยถามออกไปว่า พี่มานอนเป็นเพื่อนผมไม่ได้หรอ แต่ก็ไม่มีใครอาสามานอนด้วย
สุดท้ายคุณเสกตัดสินใจนอนในรถคนเดียว ประมาณทุ่มนึง มืดมาก คุณเสกลงไปปัสสาวะแล้วรีบขึ้นมานอน ปิดผ้าม่านรอบรถ เปิดพัดลม แล้วก็หลับ วันนั้นร้อนมาก คุณเสกสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกที เหมือนมีคนมาขย่มรถ ลักษณะเหมือนมีคนเดินขึ้นเดินลงรถ และเสียงดัง ตุ๊บ เหมือนมีคนกระโดดลงจากรถ ทั้งซ้ายทั้งขวา คุณเสกตาสว่างขึ้นมาทันที เลยเอาผ้าห่มคลุมโปง แล้วปิดพัดลมเพื่อไม่ให้มีเสียง เงียบมากจนได้ยินแม้แต่เสียงแมลงที่อยู่ในป่า
ซักพักคุณเสกเปิดโทรศัพท์ดูนาฬิกา เวลาประมาณตีสามกว่าๆ เหมือนมีคนเดินในลักษณะเดิม เสียงเดินรอบรถ สักพักมาหยุดเดินอยู่ที่หน้ารถ แล้วก็มีเสียงผู้ชายคุยกัน แต่จับใจความไม่ได้ คุณเสกเริ่มนึกไปถึงเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ไปประสพมาที่ไร่อ้อย ณ ตอนนั้นคุณเสกทำอะไรไม่ได้เลยเพราะอยู่ในป่าคนเดียว ได้แต่ฝืนนอนแต่ก็นอนไม่หลับ เสียงคุยกันก็ยังดังต่อเนื่องแต่ก็จับใจความไม่ได้ จนกระทั่งคุณเสกได้ยินเสียงนกกระพือปีกดัง พรึ่บ คุณเสกก็เริ่มจับใจความเสียงที่คุยกันอยู่นอกรถได้ความว่า กินมั้ย ไม่ได้กินนานแล้ว พอได้ยินแบบนั้น คุณเสกคิดในใจว่า ยังไงก็ไม่ใช่คนแน่ๆ ได้แต่นอนตัวสั่นคลุมโปงน้ำตาไหลอยู่ในรถ แต่ก็นอนไม่หลับ เพราะเสียงคนเดินอยู่รอบรถ เสียงลมพัดต้นไม้ แต่ในรถร้อนมาก จนคุณเสกหลับไปตอนไหนไม่ทราบได้
ตื่นมาอีกทีตอนเจ็ดโมง คนขึ้นไม้มาเรียก คุณเสกกะจะเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่เล่าให้ฟัง แต่มันอดใจเก็บไว้ไม่ได้ เลยต้องเล่าให้คนขึ้นไม้ฟัง คนขึ้นไม้บอกว่า ที่แรกพวกเค้าก็มาตั้งแคมป์ตรงนี้เหมือนกัน แต่เค้าไม่ใช่คนพื้นที่ มารับจ้างตัดไม้เฉยๆ ก็เจอแบบที่คุณเสกเจอเหมือนกัน เค้าบอกว่า เค้ามากันสิบคน มาตั้งแคมป์ทำงานตัดไม้ กลางดึกปวดปัสสาวะ ก็เดินออกมาปลดทุกข์ เค้าก็เจอในลักษณะเงาคนเดินไปเดินมาในป่า เวลาคืนเดือนหงายมันยังพอจะมีแสงให้มองเห็นได้บ้าง และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
ขอบคุณเรื่องเล่าจาก คุณเสก