===Not Click=== ===Not Click===

The Ghost Radio เรื่อง ผีแม่ลูกอ่อน - พี่บ่าวตูน


เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีที่แล้วที่อำเภอปากพนังบ้านเกิดของคุณตูน ย้อนกลับไปตอนที่คุณตูนเจอกับลุงหมื่นใหม่ๆ (ลุงหมื่นเป็นสัปเหร่อ) ในช่วงที่คุณตูนนั้นตามหลังลุงหมื่น คุณตูนก็ได้รู้ว่ากรรมวิธีในการทำศพ จะมีหลักๆอยู่ 2 อย่าง อย่างแรก ศพเผา ตายปุ๊ป ไว้ 3 วัน 5 วัน 7 วัน พอถึงวันเผาก็เผา และอีกแบบนึงคือ ศพแห้ง ต้องฝังไว้ก่อน 2,3,5,10 ปีก็แล้วแต่

แล้วจะผนวกดวงกัน และดูว่าศพก่อนคนนี้ว่าเผาได้หรือเผาไม่ได้ ถ้าเผาไม่ได้ก็จะฝังรอไว้ ตอนนั้นคุณตูนก็ได้ทำพิธีฝังศพแห้ง ศพเดียว แต่ตอนที่ขุดขึ้นมาคุณตูนได้ทำไป 3 ศพ การทำศพแห้งนั้น จะนำศพไฟฝังไว้ในบล็อคที่หล่อขึ้นมากว้าง 1.5 เมตร ยาว 2 เมตร พอดีสำหรับโลงที่จะเอาโลงไปตั้ง ก่อนที่จะเอาศพลงไปฝังได้

ศพที่มีโลงก็จะฝังทั้งศพทั้งโลง แต่ก่อนจะฝังต้องยกขึ้นจากโลง ต้องผสม กากชา การบูร เมนทอล คลุกเคล้ากันเป็นกะละมังใหญ่ๆรองพื้นไว้เป็นชั้นแรก ชั้นที่ 2 ใช้กากชาโรย แล้วก็ใช้ปูนขาวทับปิดเป็นชั้นที่ 3 แล้วเอายกศพลงไปตั้งแล้วก็ทำปิดอีกชั้นเหมือนที่ทำก่อนหน้านี้ ของทั้ง 3 อย่างนี้จะช่วยในการดับกลิ่น และย่อยศพ

ตอนนั้นคุณตูนด้วยความอยากรู้ก็ถามลุงหมื่นว่า ตั้งแต่ลุงเผาศพมา ลุงเคยเห็นผีแบบจะๆบ้างมั๊ย และเป็นยังไง แกก็บอกว่า อยากรู้จริงๆหรอตูน ถ้าอยากรู้จะเล่าให้ฟัง แต่จะเชื่อหรือเปล่า ลุงหมื่นก็เล่าว่า ผีที่แกเจอจะๆ เป็นผีที่แกทำพิธีเองด้วย ฝังเอง ผีตัวนี้ชื่อ อีแห้ง คุณตูนก็ถามว่า แล้วคนชื่อแห้งมาหลอกลุงหมื่นยังไง

ลุงหมื่นก็บอกว่า อีแห้งมันไม่ได้มาหลอก แต่ก่อนตาย มันเป็นคนที่น่าสงสาร และวันที่เขาตาย ตอนเย็นเขาเสียชีวิต ลุงหมื่นบอกว่า ตอนเย็นของวันนั้น ลุงยังไม่รู้ว่าเสีย แต่พี่แห้งเดินมาหาลุงที่บ้าน มายืนเรียกที่หน้าบ้านแล้วก็พูดว่า ถ้าหนูตายไปเนี่ย โลงศพที่วัดหนูไม่เอานะลุง หนูอยากได้ โลงศพที่ห่อด้านในด้วยกำมะหยี่

ลุงก็หัวเราะแล้วบอกว่า เออ ถ้าตายเมื่อไหร่ก็ค่อยมาบอกกู ปรากฎว่า พี่แห้งเดินกลับไปยังไม่ทันลับตาเลย ก็มีมูลนิธิมาบอกว่า มีหญิงสาวคนนึงเสียชีวิต ไม่มีเงินทำศพ พอลุงหมื่นไปที่วัด ก็เป็นพี่แห้งที่เสียชีวิต ลุงก็จัดการตามที่ให้สัญญา แล้วคุณตูนก็ถามว่า แล้วพี่แห้ง เผาไปเมื่อไร ลุงก็บอกว่า กูยังไม่ได้เผาเลย นั่นแหละที่เห็นอยู่ข้างๆ เมรุหลังเก่า นั่นแหละ ศพอีแห้ง

หลังจากที่ลุงหมื่นเสียไป ช่วงที่คุณตูนเป็นสัปเหร่อใหม่ คุณตูนก็เดินเข้าเดินออกป่าช้าอยู่บ่อยๆแต่คุณตูนไม่เดินเฉี่ยวในระยะ 5 เมตรจากศพของพี่แห้ง และมีเรื่องเล่าต่างๆ ว่า มีหญิงสาวหน้าตาดี มานั่งอยู่ที่หลุมบ้าง แล้วก็มีหมาดำตัวนึง ชอบมานอนอยู่ใกล้ๆหลุมศพของพี่แห้ง แต่ไม่ใช่หมาวัด เป็นหมาที่มาจากไหนไม่รู้ วันดีคืนดี หมาตัวนี้จะขึ้นไปนั่งบนหลุมศพของพี่แห้ง

ในช่วงแรกๆคุณตูนก็กลัว แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปก็เริ่มชิน กับหลุมศพ กับเมรุ คุณตูนก็เริ่มเข้าไปใกล้นิดนึง ซึ่งถ้าไม่ได้คิดอะไร มองดีๆก็เหมือนม้านั่ง คุณตูนก็เริ่มนั่งบนบล็อคที่เก็บศพ หอบของมานั่งกินบ้าง บางทีก็ปูเสื่อนอนทับก็มี ความกลัวก็ค่อยๆจางหายไป แต่คนอื่นก็ยังพอเจอบ้าง แต่ตัวคุณตูนไม่เจออะไร

แล้วในสมัยนั้นช่วงที่คุณตูนมาอยู่วัดแรกๆ คุณตูนก็จะไปนอนกุฏิเดียวกับเจ้าอาวาส ถ้าปีไหนที่มีพระบวชใหม่เยอะๆ พระอาจารย์จะให้ขึ้นมานอนบนกุฏิท่าน คุณตูนก็เลยต้องออกไปนอนที่กุฏิเก่าๆ แล้วคุณตูนก็ไปได้อยู่หลังนึงที่ยกเสาสูงไม่กว้างมาก ด้านหน้ากุฏิจะมีต้นจำปีอยู่ต้นนึง ข้างๆต้นจำปี ก็จะมีประตูที่เว้นช่องไว้ให้คนเดินได้ ซึ่งอยู่ติดกับโรงงานโรงงานนึง และประตูตรงนี้จะมีคนที่ทำงานในโรงงานเท่านั้นจะเดินผ่านไปผ่านมาได้

คุณตูนนอนอยู่ได้ซัก 2 ปี คุณตูนก็รู้สึกสบายเลยไม่กลับไปนอนกับพระอาจารย์ นอนไปนอนมาก็ได้ยินเสียงของคนเดินไปเดินมา ส่วนใหญ่คนงานในโรงงานจะมาจากเพื่อนบ้าน แต่คุณตูนก็มาสะดุดตากับผู้หญิงคนนึงที่สวยมาก คุณตูนก็เห็นคนนี้อยู่เป็นปีๆ เขาจะเดินผ่านเฉพาะช่วงค่ำของทุกวัน แต่งตัวบ้านๆ ใส่ผ้าถุงเป็นหลัก

ในช่วงแรกๆก็ไม่เคยได้คุยกัน แต่พอเข้าปีที่ 2 คุณตูนก็เริ่มทัก ผู้หญิงเขาก็คุยกับคุณตูนดี ก็สานความสัมพันธ์กัน ทำความรู้จักถามชื่อ ก็รู้ว่า ชื่อ ปราณี และเวลาที่แกเดินผ่านต้นจำปีแกจะชอบหยิบดอกจำปีที่หล่น เอามาทัดหูไว้ พอหลังๆคุณตูนก็รู้มุขว่าเขาจะต้องหยิบดอกจำปี คุณตูนก็เลยไปหยิบรอไว้ให้เลย พอเขามา คุณตูนก็ส่งให้ แล้วคุณตูนก็ชวนนั่งตรงไม้หินอ่อน ชวนคุย ก็ได้รู้ว่า แกเป็นคนจังหวัดศรีษะเกศ แกก็ค่อยๆเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังทีละนิด

ด้วยความที่เขาเป็นคนสวย ตอนนั้นพี่ปราณีอายุประมาณ 30 คุณตูนก็เริ่มแอบชอบ และถือว่าเป็นรักแรกเลยก็ว่าได้ จนแกมาเล่าให้ฟังว่า แกเป็นหญิงม่ายนะ แกอ่ะมีสามีแล้ว แต่สามีทิ้งแกและลูกไว้ คุณตูนก็ถามว่าเป็นยังไง แกก็บอกว่า แกได้กับแฟนคนนี้ตั้งแต่อายุ 16 ปี และก็ขายของเร่ตามงานทั่วไป

จนแฟนขอให้พี่ปราณีขายที่ที่เป็นมรดกของตัวเอง แฟนบอกให้ขายแล้วเอาเงินมาลุงทุนขายของเร่ ด้วยความที่พี่ปราณีรักแฟนมาก ก็เลยขายที่แล้วก็เอาเงินมาลงทุนใช้ชีวิตกับแฟน พอแฟนมีเงินก็เริ่มติดเหล้า เมา เริ่มใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย จนไปติดพันกับผู้หญิงคนใหม่ ครั้งแรกพี่ปราณีจับได้ ก็เคลียร์กันว่าจะไม่ทำแบบนี้ แฟนก็เลิกทำไป

แต่ก็มีครั้งที่ 2 แฟนก็ทำเหมือนเดิมอีก คราวนี้พี่ปราณีแค้นมากเพราะเงินที่มีเป็นก้อนสุดท้าย เขาก็เอาไปให้ผู้หญิงคนใหม่แล้วผู้ชายก็หนีไปกับผู้หญิงคนใหม่ พี่ปราณีก็เลยต้องมาใช้ชีวิตทำงานอยู่ที่โรงงานนี้ คุณตูนก็ถามว่า แล้วพี่มีลูกหรอ พี่ปราณีก็บอกว่า มี นั่นหนะ มันมีแคมป์คนงานที่อยู่ด้านนอกของโรงงานนี้ ซึ่งอยู่ไม่ไกล

รุ่งเช้าของวันที่แกเล่าให้ฟัง คุณตูนก็ตัดสินใจเดินไปดูที่แคมป์คนงานนี้ อยากจะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า คุณตูนก็ไปเจอลูกสาวของพี่ปราณี ชื่อน้อง ข้าวเม่า อายุประมาณ 2 ขวบครึ่ง และก็มีป้าที่เป็นใบ้ที่ดูแลลูกพี่ปราณีอยู่ ป้าใบ้นี่จะสื่อสารยากมาก หนังสือก็เขียนไม่ได้

คุณตูนก็มองๆดูในห้องก็ไม่มีอะไรมากมาย คุณตูนก็คิดว่าจะช่วย นิดๆหน่อยๆก็ยังดี ตอนเช้าคุณตูนก็พายเรือบิณฑบาตกับพระอาจารย์ พอกลับมาคุณตูนก็เลือกกับข้าว และข้าว วิ่งไปให้ที่แคมป์คนงาน ตอนเที่ยงก็ต้องเอาปิ่นโตไปให้ พอพี่ปราณีเห็นว่าคุณตูนทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะมีใจให้หรือเปล่า แกก็เริ่มจะดีกับคุณตูนละ

แล้วก็มีวันนึงพี่ปราณีเดินมาที่ต้นจำปี คุณตูนก็เรียกแกนั่งเหมือนเดิม แกก็คุยเรื่องแฟนเก่าให้ฟัง ครั้งนี้พี่ปราณีคุยแบบโกรธแค้น แล้วแกก็บอกว่า แกรักเขาขนาดนี้ เขายังทำได้ขนาดนี้ แกพูดถึงขนาดที่ว่า บัญชีนี้ต้องล้างกันด้วยเลือด คุณตูนก็พยายามปลอบว่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ก็แล้วกันไป

ทีนี้พี่ปราณีก็บอกว่า ข้าวเม่าไม่สบายหนัก เป็นไข้ แล้วแกก็ไม่มีเงิน เหมือนแกจะเอ่ยหยิบยืมเงินจากคุณตูน ตอนนั้นคุณตูนก็เรียนอยู่แค่ปวช. เงินก็ไม่มี แต่คุณตูนมีแหวนนพคุณอยู่วงนึงแหวนนพคุณ เป็นแหวนทอง 100% ซึ่งปู่ของคุณตูนได้มา แล้วก็มาให้กับคุณตูน คุณตูนก็เลยตัดสินใจให้แหวนวงนี้กับพี่ปราณี ให้เอาไปขายหรือเอาไปจำนำก็ได้ไม่ว่า เอาไปรักษาข้าวเม่า

ซึ่งตอนนั้นคุณตูนก็เริ่มสนิทกับข้าวเม่าแล้วด้วย ตอนแรกพี่ปราณีแกก็ยึกยัก คุณตูนก็บอกให้เอาไปเหอะพี่ อย่าไปคิดว่ามาก ถือว่าผมช่วยละกัน แกก็รับแบบกระอิดกระออดแต่สุดท้ายแกก็รับแหวนไป แต่ก่อนจะรับแกบอกว่า พี่ยืมนะตูน พี่ไม่ได้เอา ถึงเวลาเดี๋ยวพี่คืนให้

หลังจากได้แหวนไป ทุกอย่างก็เดินเนินไปแบบปกติ แต่ไม่ปกติตอนที่ครั้งนึง คุณตูนนั่งอ่านหนังสือธรรมะอยู่ข้างกุฏิ ซึ่งข้างแคมป์ของพี่ปราณีมีต้นมะม่วงต้นนึงและมีไฟหลอดกลมๆห้อยไว้ คุณตูนมองไกลๆก็เห็นเป็นพี่ปราณีและก็มีผู้ชายคนนึงสะพายเป้ ใส่เสื้อยีนส์สีดำ กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าคอนเวิร์ส ผลักกันไป ผลักกันมา

คุณตูนก็คิดว่าคงเป็นแฟนพี่ปราณีแน่เลยที่หนีไป แล้วกลับมาเพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่เขาทะเลาะค่อนข้างรุนแรง ด้วยความที่คุณตูนก็ชอบๆพี่ปราณี พอแฟนกลับมา ก็รู้สึกนอยด์และเข้าห้องไป หลังจากที่แฟนพี่ปราณีมาวันนั้น คุณตูนก็ไม่เจอกับพี่ปราณีอีกเลยร่วม 3 เดือน

มาเห็นอีกครั้งก็เห็นพี่ปราณียืนทะเลาะกับพี่ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ครั้งนี้พี่ปราณีทั้งผลักทั้งตี ทีนี้พี่ผู้ชายก็เดินมาทางกุฏิที่คุณตูนอยู่ คุณตูนเห็นแบบนั้น ผัวเมียทะเลาะกัน ไม่อยากเข้าไปยุ่ง คุณตูนก็เดินเลี่ยงเข้าไปในกุฏิ พี่ผู้ชายก็เรียก ไอน้อง เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งไป มาฟังเรื่องพี่ก่อน มาช่วยพี่ก่อน คุณตูนก็ไม่ค่อยอยากฟังเท่าไร แล้วก็เข้าห้องไป

จนมาถึงวันที่พระอาจารย์บอกว่าศพของพี่แห้งได้ฤกษ์ที่จะขุดขึ้นมาทำพิธีแล้ว หลังจากครบกำหนดสามารถทดได้อีก 6 เดือนเพื่อเสี่ยงทาย เพื่อถามดูว่าเจ้าที่เจ้าทาง จะคืนดวงวิญญาณดวงนี้ให้มาทำการฌาปนกิจหรือเปล่า

แล้วคุณตูนก็ได้ทำการเสี่ยงทาย โดยการใช้เหรียญอธิษฐานจิต แล้วตั้งเครื่องบูชานิดๆหน่อยๆ แล้วก็เสี่ยงทายลงพื้น ซึ่ง 4 เดือนไม่มีวันไหนได้เลย แล้วเวลาเหลือแค่ 2 เดือน คุณตูนก็คิดว่าทำไม คุณตูนก็ทำการเสี่ยงทายไปเรื่อยๆจนถึงเดือนที่ 6 ของสัปดาห์ที่ 2 เหรียญที่เสี่ยงทายก็ได้อนุญาตให้ขุดศพเขามาเผาได้แล้ว ซึ่งถ้าภายในเดือนที่ 6 นี้ไม่ได้ ก็จะต้องชะลอไปอีก 1 ปี

พอตกกลางคืนวันนั้น คุณตูนก็นอนอยู่กุฎิหลังเดิมแล้วพี่ปราณีก็เดินมาที่หน้ากุฏิ แกถามว่าทำไมอ่ะ เดี๋ยวนี้ไม่อยากเจอหน้ากันแล้วหรอ คุณตูนก็บอกว่าเปล่า ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ในใจก็รู้สึกนอยด์ แต่เห็นว่าสามีเขามีแล้ว ข้าวเม่าจะได้มีพ่อซะที แล้วคุณตูนก็เลี่ยงเข้าไปในกุฏิ แล้วแกก็พูดตามหลังว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามานั่งคุย มาเจอกันนะ

พอรุ่งเช้า คุณตูนก็นัดแนะกับลูกทีมในวัดที่จะขุดศพพี่แห้งขึ้นมาเผา การทำพิธีต้องขอพระแม่ธรณี แต่การตีบล็อคลุงหมื่นเคยสั่งไว้ว่า 3 ครั้งแรกไม่ว่ายังไงก็ตาม ต้องตีให้ทะลุถึงข้างในจนมองเห็นศพได้ ถ้าตี 3 ครั้งแล้วไม่ทะลุ เขาถือกันว่าการตีปูนเป็นการเรียก ไม่ว่าดวงวิญญาณดวงนั้นจะอยู่ที่ไหน การตีปูนถือว่าเป็นการเรียกหรือเชิญวิญญาณให้กลับมาอยู่ที่ศพ เพราะว่าจะทำฌาปนกิจเขาแล้ว

คุณตูนก็ตั้งใจเพราะว่าเป็นศพที่เฮี้ยนมากของลุงหมื่น ค้อนที่ใช้ตีเป็นค้อนปอนด์ และคนที่จะตีได้ต้องเป็นสัปเหร่อเท่านั้น ผ่าน 3 ครั้งแรกที่ตีแตกแล้ว ครั้งหลังๆก็ช่วยกันรุมตีได้ ครั้งแรก คุณตูนก็ตีลงไป ก็แตกทะลุไปถึงข้างในเลย

ปกติแล้ว ศพที่คุณตูนเคยทำมาก่อนแล้ว จะไม่ค่อยมีกลิ่น แต่ศพของพี่แห้งรู้สึกว่ากลิ่นมันแรง จริงๆศพ 3 ปีไม่ควรจะกลิ่นแรงละ พอทุบบล็อคออกก็เห็นโลงใส่ศพปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ ดันมีอีกศพนอนอยู่คู่กันในซองปูนอันเดียวกันพอเจออีกศพคุณตูนก็ทำอะไรไม่ถูก ก็เลยไปแจ้งพระอาจารย์

พระอาจารย์ก็บอกว่าเป็นจริงหรอ แล้วก็แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในส่วนของคดีความจะขอข้ามไป แต่ตอนที่ยกออกมาอีกศพนึง คุณตูนก็เห็นกระเป๋าเป้หนึ่งใบ ศพก็แห้ง หนังหุ้มกระดูก ศพนั้นใส่เสื้อยีนส์สีดำ กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าคอนเวิร์ส ซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับที่แฟนของพี่ปราณีใส่ ที่คุณตูนเห็นตอนที่เขาทะเลาะกัน

หลังจากนำศพของพี่ผู้ชายออกไปแล้ว เขาก็สั่งห้ามทำอะไรกับบล็อคปูน ให้สังกะสีปิดไว้ก่อน พอศพผู้ชายผ่านไป เขาอนุญาตให้เผาศพของพี่แห้ง จากตอนแรกที่ตีได้แค่ครึ่งเดียวก็เห็นศพผู้ชายซะก่อน หลังจากนั้นก็ตีออกหมดเลยก็พบศพของพี่แห้งนอนอยู่ในโรง ก็เหมือนที่ลุงหมื่นเคยบอกว่ามีผ้ากำมะหยี่สีแดงอยู่ข้างใน ด้านบนของปูนขาวชั้นแรก ก็เจอดอกจำปี กำใหญ่ๆหนึ่งกำวางอยู่ข้างบน และการนำศพแห้งขึ้นมาต้องนำมาทำความสะอาดก่อน ต้องขัดเนื้อออกให้เหลือแต่กระดูกแล้วนำไปเผา

คุณตูนก็นำศพพี่แห้งขึ้นมาล้าง ล้างมือ คุณตูนก็ตัดตรงข้อมือออกมาล้าง และสิ่งที่คุณตูนเจอก็คือ แหวนนพคุณที่คุณตูนเคยให้อยู่ในกำมือด้านซ้ายของพี่แห้ง ซึ่งเป็นแหวนวงเดียวกับพี่คุณตูนให้แน่นอน เพราะแหวนนพคุณนี้ด้านในเรือนจะสลักนามสกุลของคุณตูนไว้

พอเจอแหวนแล้ว คุณตูนก็ไปค้นหาข้อมูลว่าพี่คนที่ชื่อแห้งว่ามาจากไหน มาได้ยังไง ทำไมถึงมาอยู่ในหลุมศพนี้ ต้องการหาที่มาของแหวนว่าทำไมถึงมาอยู่ในหลุมศพนี้ ปรากฏว่าคุณตูนไปหาลูกของลุงหมื่น แล้วลูกของลุงหมื่นก็ให้สมุดมาเล่มนึง สมุดเล่มนั้นจะเป็นสมุดที่จดว่าศพนี้เป็นของใครๆ ตายวันไหน

ซึ่งศพของพี่แห้งก็คือ นางสาว ปราณี และพี่แห้งของลุงหมื่น จริงๆแล้วแกชื่อปราณี เพราะแกเรียกในสรรพนามของแกที่เห็นพี่ปราณี ผอมๆ แกเลยเรียกว่า อีแห้ง ซึ่งถ้าลุงหมื่นเรียกว่า ปราณีทุกอย่างจบไปตั้งนานแล้ว พอรู้เรื่องแล้ว คุณตูนก็ถึงกับช็อค เพราะในระยะเวลา 2-3 ปี คุณตูนเจอพี่ปราณีบ่อยมาก แล้ววันนี้มารู้ว่าแกนั้นตายไปตั้งนานแล้ว

ทีนี้คุณตูนก็เลยโฟกัสไปที่ป้าใบ้ แต่ป้าใบ้ไม่สามารถโต้ตอบได้เลย ช่วงที่คุณตูนส่งข้าวให้ข้าวเม่า ตอนนั้นข้าวเม่าอายุ 2 ปีครึ่ง จนวันที่ขุดศพ ข้าวเม่าก็ประมาณ 4 ขวบ พอขุดศพพี่ปราณีขึ้นมาได้แล้ว คุณตูนก็ทำศพไปตามปกติ และวันที่เผาฝนตกหนักมาก

คุณตูนใส่ฟืนเพื่อที่จะเผาศพ แต่ว่าฝนก็สาดเข้ามาเปียกหมด คุณตูนราดน้ำมันก๊าซ เกือบท่วมถ่าน จุดไฟก็ไม่ติด เหมือนเขาไม่ยอมไป แล้วพี่ปราณีเคยบอกกับคุณตูนว่า หนี้นี้เป็นหนี้เลือดนะ จะต้องล้างกันด้วยเลือดจริงๆ ไม่รู้ว่าคุณตูนคิดไปเองหรือเปล่า ในเมื่อแฟนของพี่ปราณีมาแล้ว

แต่แฟนใหม่ของแฟนแก ยังไงก็ตามหา ถ้ารู้ว่ามาที่นี่แฟนใหม่ก็ต้องตามมา แฟนของพี่ปราณียังขนาดนี้ ถ้าแฟนใหม่มาจะเป็นยังไง คุณตูนก็ไม่รู้จะทำวิธีไหน รอจน 5 โมง ฝนก็ยังตกไม่หยุด ถ่านก็เปียกหมด จนคุณตูนตั้งจิตอธิษฐานถึงพี่ปราณีบอกแกประมาณว่า พี่ปราณี ถือว่าเรื่องมันแล้วก็แล้วกันไปนะ ถ้าว่าดวงจิตของพี่ ถ้าพี่คิดจะฆ่าใครซักคน สิ่งที่ต้องฆ่าไม่ใช่แฟนใหม่ของแฟนพี่นะ แต่สิ่งที่พี่ต้องฆ่าคือต้องฆ่าความโกรธความแค้นของดวงจิตพี่เองมากกว่า

แล้วคุณตูนก็พูดอีกว่า ถ้าพี่ลุ่มร้อนอยู่ด้วยโทสะ สุดท้ายแล้วดวงจิตจะนำความวิบัติมาให้พี่นะ พี่อย่าให้เป็นแบบนี้เลย ถ้าหนี้นี้เป็นหนี้เลือดของพี่จริงๆ เดี๋ยวผมเอาเลือดของผมสละให้ละกัน แล้วคุณตูนก็ใช้คัทเตอร์กรีดนิ้วตัวเอง หยดเลือดลงไป 2 หยด ที่กองถ่านที่จะเผากระดูก ปรากฏว่าจุดไฟติด เผาได้ เหมือนกับว่าแกรับรู้ได้ คืนนั้นก็เสร็จไปได้ด้วยดี

พอรุ่งเช้าอีกวันนึง ข้าวเม่าลูกสาวของพี่ปราณีเดินมาทางประตูแถวๆกุฏิที่คุณตูนอยู่ พร้อมกับถือข้าวหมกไก่มาด้วย 1 กล่องและปีกไก่อีก 2 อัน มายืนยิ้มหวานอยู่หน้ากุฏิ แล้วข้าวเม่าก็บอกว่า ถ้าน้าตูนจะเอาอะไรซักอย่าง เดี๋ยวแม่จะเอามาให้

แล้วคุณตูนก็ถามข้าวเม่าว่า แม่หาหาข้าวเม่าบ่อยมั๊ย ข้าวเม่าก็ยิ้มหัวเราะแล้วก็ตอบว่า บ้าละน้าตูน ข้าวเม่านอนกับแม่ข้าวเม่าทุกคืน หลังจากที่ได้ข้าวหมก ข้าวเม่าก็กลับไปและคุณตูนก็นอนอยู่ที่กุฏิหลังเดิม แล้วคุณตูนก็นึกถึงคำที่ข้าวเม่าพูดว่า ถ้าน้าตูนจะเอาอะไรซักอย่าง เดี๋ยวแม่จะเอามาให้

คุณตูนก็นอนพนมมือ ในตอนนั้นเสนาสถานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เป็นอันที่ใหญ่มากและขาดเงินอยู่พอสมควร ขาดอีก 7 หลัก คุณตูนก็เลยบอกพี่ปราณีว่า ถ้าดวงจิตพี่มีอำนาจถึงขนาดนี้ ผมขอสิ่งนี้ได้มั๊ยก่อนที่ผมจะไปเรียนต่อที่อำเภอหาดใหญ่ ขอให้เสนาสถานอันนี้เสร็จได้มั๊ย

ซึ่งตอนนั้นวัดที่คุณตูนอยู่ ทอดกฐินทีนึงได้ 8 หมื่นก็ถือว่าเยอะแล้ว คืนนั้นคุณตูนก็อธิฐานจิตเสร็จแล้วก็นอนไปจนเกือบสว่าง คุณตูนก็ฝันเจอพี่ปราณีมายืนหยุดใต้ต้นจำปีแล้วแกบอกว่า ตูน ถ้าว่าสิ่งอันนี้ที่ตูนตั้งใจ ถ้ามันเสร็จจริงๆ บวชให้พี่ซัก 1 พรรษาได้มั๊ย

คุณตูนก็ตกใจแล้วตื่นขึ้นมา ปาดเหงื่อ คุณตูนก็ไม่ทราบว่าสิ่งที่ฝันคือเรื่องจริงหรือคิดไปเอง คุณตูนก็พูดลอยๆออกไปว่า พี่ปราณี ถ้าตรงนี้มันเสร็จได้ พรรษาเดียวน้อยไป ผมบวชให้พี่ 3 พรรษาเลย ปรากฏว่ามี ท่าน ม. เป็นนายร้อยหนุ่มติดยศร้อยโท พ่อของนายร้อยท่านนี้ก็สนิทกับพระอาจารย์ของคุณตูน และค่อนข้างที่จะรวยมาก พอพ่อแม่แกเสีย นายร้อยท่านนี้ก็อยากจะสละเพศของฆราวาสมาสวมจีวร สุดท้าย ท่านม.ก็ทิ้งยศร้อยโทของท่านปลงผมบวชกับพระอาจารย์ ซึ่งสมบัติของท่าน ม. เยอะมากๆ แล้วท่านม.ก็เอาเงินของท่านหลักล้านบาท มาทำเสนาสถานตรงนี้จนเสร็จสมบูรณ์

ทีนี้พอเสนาสถานเสร็จ ตอนนั้นคุณตูนยังไม่สามารถอุปสมบทได้ เพราะติดเรียนหนังสือต่อ ก็เลยผลัดผ่อนพี่ปราณีไปอีก 2 ปี หลังจากผ่านไป 2 ปี คุณตูนก็ได้กลับไปบวชให้พี่ปราณี 3 พรรษา 11 เดือน 2 วัน ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ปราณีหลังจากที่คุณตูนบวชได้ 2 พรรษา คุณตูนก็ได้รู้จักกับพระอาจารย์เสน่ห์

พระอาจารย์ท่านนี้เป็นพระอาจารย์ที่คุณตูนศรัทธามาก แล้วคุณตูนก็ได้ออกธุดงกับพระอาจารย์เสน่ห์ คุณตูนก็ได้เอากระดูกของย่า 1 ชิ้น และกระดูกของพี่ปราณี 1 ชิ้น ใส่ย่ามไป พาเขาไปปฏิบัติธรรม ซึ่งเวลาที่คุณตูนถามพระองค์ไหน ไม่มีใครเคยตอบคุณตูนเลย

จนมาถึงพระอาจารย์เสน่ห์ คุณตูนก็เล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้พระอาจารย์ฟัง พระอาจารย์ก็บอกว่า ท่านเชื่อเรื่องของอดีตชาติมั๊ย ถ้าว่ามาเป็นถึงขนาดนี้ คนเราต้องมีดวงที่ผูกมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แล้วท่านก็พูดว่า โยมคนนี้เคยช่วยชีวิตท่านไว้นะ ท่านจำเขาได้หรือเปล่า ตอนนั้นคุณตูนจำพี่ปราณีไม่ได้เลย จนคุณตูนคิดย้อนกลับไปว่าเคยเจอพี่ปราณีมาบ้างหรือเปล่า จนมานึกถึงเรื่องข้าวหมกปีกไก่ที่ข้าวเม่าเอามาให้ ก็เลยนึกขึ้นมาได้อยู่เรื่องนึง

ตอนที่คุณตูนอายุ 11 ปี ในสมัยนั้นผู้ใหญ่จะชอบจับกลุ่มดูมวย แล้วคุณตูนเกิดอยากกินข้าวหมกไก่ คุณตูนก็เลยบอกพ่อให้ซื้อข้าวหมกให้หน่อย รบเร้าแกจนโดนตี เพราะแกจะดูมวย คุณตูนก็เสียใจ และด้วยความเป็นเด็กเสียใจมาก คิดว่าพ่อรักมวยมากกว่ารักเรา คุณตูนเดินร้องไห้ไปตลอดทางจนไปถึงในวัด และไปเห็นราวตากจีวร

ก็นึกขึ้นมาเลยว่า ถ้ารักมวยมากกว่าเรา วันนี้กูต้องตาย คุณตูนก็ปลดเชือกที่พระทำราวตากผ้า เดินผ่านประตูที่อยู่ตรงหน้ากุฏิ เข้าไปในป่าข้างวัด คุณตูนก็คิดว่า วันนี้จะไม่มีไอตูนในโลกใบนี้แล้ว เดินถือเชือกไปกะว่าจะไปผูกคอตายแน่ๆ ซึ่งในตอนนั้น ก็มีพี่ผู้หญิงคนนึง

พอพี่เห็นเขาก็เลยถามว่าจะเอาสายเชือกไปไหน คุณตูนก็บอกว่า เรื่องเป็นแบบนี้ๆ เขาไม่ซื้อข้าวหมกให้ พี่ผู้หญิงก็บอกว่า อย่าไปสนใจเลย แค่เรื่องแค่นี้จะมาตายได้ไง อยากกินอะไรเดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้ คุณตูนก็บอกว่าเอาข้าวหมก แล้วก็ปีกไก่ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ซื้อข้าวหมกและปีกไก่มาให้ 2 ปีก ซึ่งตรงกับตอนที่น้องข้าวเม่าถือข้าวหมกไก่ และปีกไก่ 2 อันมาให้คุณตูน

ซึ่งถ้าไม่มีผู้หญิงคนนั้นก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และก็อาจจะไม่มีคุณบ่าวตูนอย่างทุกวันนี้ ส่วนผู้หญิงคนที่มาช่วยคุณตูน ก็น่าจะเป็นพี่ปราณีที่พระอาจารย์เสน่ห์เคยบอกไว้ ส่วนสาเหตุการตายของพี่ปราณีที่เสียชีวิตคือตรอมใจตาย และน้องข้าวเม่าตอนนี้ก็ได้ทุนจากผู้ใหญ่ใจดีไปเรียนต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ขอบคุณเรื่องเล่าจาก : พี่บ่าวตูน จากรายการ The Ghost Radio