===Not Click=== ===Not Click===

The Shock เรื่อง อะไรอยู่ในถัง - นิรนาม


เรื่องราวมีอยู่ว่า พ่อแม่ผมเลิกกันและต่างคนต่างก็มีลูกใหม่ ทะเลาะกันแย่งเป็นผู้ดูแลผม จนกระทั่งมีเรื่องทำร้ายร่างกายกัน พ่อกับแฟนใหม่แม่ต่อยกันจนพ่อเอาปืนออกมายิงเขาได้รับบาดเจ็บ แม่เอง ก็บุกไปตบแฟนใหม่พ่อหลายทีจนต้องย้ายหนี ผมเลยต้องไปนอนอยู่บ้านย่าบ้าง บ้านยายบ้าง บ้านป้าบ้าง น้าบ้าง แล้วแต่ว่าใครจะว่างและสะดวกให้ผมร่อนเร่ไปพักด้วยช่วงนั้น

ปิดเทอมปีนี้พ่อโทร.มาไซโคผม ว่าถ้ามาอยู่กับพ่อที่ภูเก็ตจะพาไปเที่ยวที่ที่มีสาวๆ สวยๆ ส่วนแม่สัญญาว่าจะพาผมไปเที่ยวทุกที่ที่ผมเคยรบเร้าอยากไปเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ พ่อแม่ยังไม่เลิกกัน จะพากินทุกอย่างที่อยากกิน แต่ในที่สุดแล้ว ผมเลือกที่จะไปอยู่บ้านน้าขิมที่กทม.แทน ไม่ใช่ว่าอยากเที่ยวกทม. แต่ผมเซ็งพ่อกับแม่เต็มกลืน เซ็งขนาดที่ยอมรับได้ทุกอย่างแม้จะต้องติดรถน้าขิมไปเก็บขยะด้วย ทุกวันแบบนี้แหละ

น้าขิมเป็นคนขับรถเก็บขยะของกทม.ฮะ ชีวิตแกวนเวียนอยู่กับตรอกซอกซอยและถังขยะ เป็นนิจ และผมว่าจมูกแกคงวิวัฒนาการชินกับกลิ่นขยะไปแล้วด้วย ในขณะที่ผมยังคงต้องใส่ผ้าปิดปากมาด้วยทุกวัน แม้กันกลิ่นไม่ได้ แต่ช่วยเรื่องความรู้สึกได้พอสมควร

น้าขิมเล่าว่า จะว่าจำเจมันก็ไม่ได้จำเจเสียทีเดียวหรอก เพราะบางทีเราก็จะเจออะไรที่คาดไม่ถึง อยู่ในถังขยะหรือข้างถังขยะบ้างเหมือนกัน ผมถาม แกว่าไอ้ที่ว่าแปลกนี่แปลกระดับไหน แกเล่าว่า ถ้าแบบสิ่งไม่มีชีวิต แกเคยเจอผู้หญิงเอากระเป๋ามาฝากทิ้งทั้งกระเป๋า ข้างในมีเสื้อผ้าแบรนด์เนมผู้ชาย รองเท้า นาฬิกา ของใช้แพงๆ เต็มกระเป๋า บอกว่าเป็นของแฟนเก่าที่เพิ่งทิ้งเธอไป เลยขนของออกมาทิ้ง

“โห น้าขิมก็เปรมเลยดิ” ผมว่า

“ที่เปรมน่ะไอ้สองตัวข้างหลังโน่น” แกพยัก พเยิดไปที่ท้ายรถซึ่งมีพนักงานขนขยะห้อยโหนอยู่สองคน “น้าไม่กล้าใช้หรอกของมือสอง จะไปรู้ได้ไงว่าแฟนแม่คนนั้นจากเป็นหรือจากตาย อ่านมาเยอะฟังมาเยอะว่า พวกของมือสองที่เจ้าของตามมาทวง ขนลุกไงไม่รู้ ไม่เสี่ยงดีกว่า”

นอกนั้นก็ยังมีเค้กยี่ห้อดังราคาหลักพันที่ทางร้านเขียนหน้าเค้กผิด เจ้าของเค้กโมโหเลยเอามาฝากทิ้งเพราะกินไม่ลง มีลูกหมาฝรั่งเป็นๆ สี่ห้าตัว ถูกจับใส่กระสอบวางข้างถังขยะ ซากหมาเซนต์เบอร์นาร์ดตัวเท่าลูกวัวยืนตายอยู่ในถัง หัวโผล่ออกมาถึงหน้าอก ทีวี เครื่องเสียง ที่ยังใช้ได้ดี แม่บางบ้านก็ชอบลากลูกดื้อๆ ออกมาขู่ว่าจะให้รถขยะเก็บลูกไปเพราะดื้อ ทำให้เด็กละแวกนั้นร้องไห้จ้า หรือไม่ก็ดักเอาหินขว้างรถแก

“ยังมีอีกเยอะ” แกว่า ขณะที่จอดรถเตรียมจะพักกินข้าวเที่ยงกัน

“น้าขิมไม่เล่าเรื่องถังขยะหมู่บ้านปารมีอ่ะ  หลอนสัส” เด็กท้ายรถลูกน้องน้าขิมคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเดินมาได้ยินว่าเรากำลังคุยอะไรกัน

น้าขิมชำเลืองตามองนายคนนั้นตาเขียว เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมก็ไปหมู่บ้านนี้มาแล้วนี่ ผมพยายาม นึกแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าผิดปกติตรงไหน หมู่บ้านนั้นเป็นหมู่บ้านแรกที่เราต้องเก็บทุกวันพฤหัสฯ โดยเริ่มเข้าไปเก็บตอนตีสามผมยังว่าอากาศเย็นสบาย หมู่บ้านสวยเรียบร้อย ถนนโล่งดี

วันนั้นเราไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่ตีสามวันรุ่งขึ้น ผมก็ได้นั่งรถไปกับน้าขิมที่หมู่บ้านที่ว่า จำได้ว่าตอนที่เลี้ยวรถเข้าซอยห้า เด็กท้ายรถทั้งสองคนพากันเอะอะ โวยวายเกี่ยงอะไรกันสักอย่าง จนในที่สุด ก็พากันโดดขึ้นมาเบียดกันที่หน้ารถ น้าขิมด่ายังไงก็ไม่ยอมลงไปท่าเดียว

“น้าขิมอยู่แต่บนรถก็ไม่กลัวดิ ไม่ได้ ลงไปเก็บถังนั่นเองเหมือนพวกผมนี่” คนหนึ่งว่า หน้าตาตื่นๆ พิกล ส่วนอีกคนเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมลงไปเก็บจนแล้วจนรอด

จนน้าขิมโมโห “เออ งั้นกูลงไปเอง ไปไอ้หนู ไปกับน้า” แกพยักหน้าเรียกผม

ผมลงรถไปพร้อมน้าขิม แล้วช่วยแกยกถังขยะมาเทที่รถทีละถัง น้ำหนักแต่ละถังมันมากโขอยู่ ระหว่างนั้นผมเหมือนได้ยินเสียงร้องไห้ ดังมาจากที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ ผมทำท่าจะถามแต่น้าขิมหน้าซีดเหงื่อแตกและทำท่าห้ามไม่ให้ผมพูดอะไร จนกระทั่งถึงถังขยะใบสุดท้าย น้าขิมรีบบอก “แกช่วยน้ายก มีอะไรอย่าทักอย่าชะโงกลงไปดู”

ถังนั้นจำได้ว่ามันหนักมาก กว่าจะยกไปเทได้แทบตาย ระหว่างที่กำลังจะเท ผมได้ยินเสียงร้องไห้ดังออกมาจากในถังเลยตกใจปล่อยมือ จนถังขยะกลิ้งตกลงมาที่พื้น น้าขิมร้องเสียงดังและรีบวิ่งไปที่หน้ารถ ในขณะที่ผมยังคงยืนตะลึงมองสิ่งที่กลิ้งออกมาจากถัง เป็นวัตถุกลมๆ ดำๆ มีเส้นรุ่ยร่าย ยิ่งดูยิ่งคล้ายและยิ่งใช่…หัวคน!! น้าขิม วิ่งกลับมาลากผมขึ้นรถและขับไปอย่างรวดเร็ว

“บ้านนี้เคยมีฆาตกรรม หั่นศพผัวแล้วเอามาทิ้งถังหน้าบ้าน เนี่ย ย้ายเปลี่ยนมือหลายคนแล้ว แต่น้ามาเก็บขยะส่วนใหญ่ไม่ค่อยเจออะไรหรอก นานๆ จะแจ๊กพอตแตกที วันนี้คงเห็นว่าเอ็งหน้าใหม่เลยมาแนะนำตัว อย่าเพิ่งเข็ดล่ะ น้ายังไม่ได้พาไปหมู่บ้านทิศา อันนั้นเด็ดกว่า?”

น้าขิมยังมีกะใจเล่าต่อในขณะที่ผมขวัญหนีดีฝ่อ และกำลังเลือกว่าพรุ่งนี้จะไปบ้านพ่อหรือบ้านแม่ดี แต่บ้านน้าขิมไม่เอาอีกแล้ว


ขอบคุณเรื่องเล่าจาก : นิรนาม