===Not Click=== ===Not Click===

กระทู้ผีพันทิป เรื่อง จิตอาฆาต



ผมขอเกริ่นก่อนนะคับ ว่าผมเป็นเกย์ สาเหตุที่ต้องเกริ่นแบบนี้ไว้รอตามในเรื่องละกันเนาะ เข้าเรื่องเลยแล้วกันครับ

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปประมาณ4-5ปีที่แล้ว สมัยยังเรียน ปวช.อยู่ช่วงปี2-ปี3 เรื่องมีอยู่ว่า ผมรู้จักกับรุ่นน้องต่างวิทยาลัยฯอยู่คนนึง ซึ่งน้องคนนี้เขาเป็นคนทรง นับถือพระแม่ต่างๆ เทพต่างๆของทางศาสนาพราหมณ์ น้องเขาค่อนข้างมีเซนส์เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

แล้วมีอยู่วันนึง ช่วงวันหยุดไม่ได้ไปเรียน เลยชวนกันไปทำบุญที่วัดหลวงพ่อโต(บางพลีใหญ่) วันนั้นก็ไปทำบุญกัน แล้วเดินเล่นกันเรื่อยเปื่อยหลังทำบุญเสร็จที่ตลาดนํ้าโบราณต่อ เป็นสถานที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเลย พอสักประมาณบ่าย3-4โมงเย็น น้องก็ชวนไปนั่งเล่น กินข้าวเย็นที่บ้านน้องแถวซอยมังกร ผมยังไม่เคยไปเที่ยวบ้านน้องด้วย ตั้งแต่รู้จักกันมา เลยตกลงไป

พอไปถึงบ้านน้อง ผมก็รู้สึก ผงะ! กับศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่หน้าบ้านน้อง คือมันบอกไม่ถูกอะ มันก็เป็นศาลพระภูมิปกติทั่วไปแบบบ้านอื่นนะครับ แต่ความรู้สึกแรกของผมที่มาบ้านหลังนี้แล้วเจอศาลหลังนี้คือ ที่นี่แรงมากอะคับ คือมันรับรู้ได้เลยอะ กับความรู้สึกและบรรยากาศแรกที่มา มันรับรู้ได้เลยว่าที่นี่เจ้าที่แรง ศาลพระภูมิต้องไม่ธรรมดา พอทีนี้ผมผงะไปนิดนึง แล้วก็เดินเข้าบ้านไป

ต้องขออธิบายลักษณะบ้านน้องนิดนึงนะคับพี่ บ้านน้องเปิดเป็นบ้านให้เช่า เป็นบ้าน2หลังติดกันอยู่ในรั้วบ้านเดียวกันอะคับ หลังแรกที่อยู่ด้านหน้าตรงศาลเลยปล่อยให้เช่า ส่วนหลังที่สองเป็นบ้านไม้สองชั้นข้างล่างเป็นปูน ปกติบ้านหลังนี้น้องจะอยู่กับแม่ แต่แม่น้องไปทำงานต่างจังหวัดช่วงนั้น

ถ้าผมจำไม่ผิดนะ น้องก็เลยเป็นคนคอยดูแลบ้านเช่า แล้วก็พักอยู่บ้านหลังที่สองคนเดียว อ่ะที่นี้พอผมเข้ามาถึงในบ้านน้องใช่ไหมคับ ข้างในบ้านก็กว้างดีคับ ซ้ายมือจะเป็นโซนโซฟานั่งดูทีวี แล้วมีห้องนํ้าอยู่ด้านใน ขวามือจะเป็นโซนครัวและโต๊ะกินข้าว มีบันไดอยู่กลางบ้านระหว่างสองโซนนี้พอดี

พอเข้าไปถึงผมก็ไปนั่งเล่นดูทีวี คุยกันกับน้องที่โซฟากันปกติ ตอนนั้นก็เริ่มเย็นแล้ว น้องเลยไปทำกับข้าว ผมก็ตามไปดูน้องทำ เผื่อจะได้ช่วยกันทำ เสร็จแล้วก็นั่งกินข้าวกินอะไรกันปกติ กินเสร็จ ก็มาเปิดทีวี นั่งคุยสัพเพเหระกันต่อ จนเริ่มคํ่าอ่ะครับ เลยคิดว่าได้เวลากลับแล้วกลัวไม่มีรถ ผมเลยให้น้องพาไปส่งขึ้นรถ

น้องก็พาเดินออกมาจากซอยบ้าน พาไปจุดเรียกวิน พี่เชื่อไหมตอนนั้นเวลาแค่ประมาณไม่เกิน 2ทุ่มเอง แต่วินไม่มีเลยสักคัน ในซอยเงียบกริบ นึกถึงแถวต่างจังหวัดนะคับ ที่เวลาหัวคํ่า คนก็เข้าบ้านนอนกันหมดแล้ว ถนนก็เปลี่ยวไปเลย คือเป็นแบบนั้นเลย ในซอยบ้านน้องนะ บ้านคนเยอะนะคับ มันเป็นซอยหมู่บ้านอ่ะเนาะ แต่บรรยากาศสภาแวดล้อมตรงนั้นคือเหมือนต่างจังหวัดเลยอ่ะ ดีหน่อยที่ยังมีไฟตามเสาไฟและหน้าบ้านคน ที่บางบ้านเขาก็เปิดไว้

แล้วพอคราวนี้จุดที่เรามารอดักวินนะ อยู่ตรงทางสามแพร่งเลยคับ แล้วมีต้นโพธิ์ใหญ่มากขึ้นตรงทางสามแพร่งพอดี ผ้าสามสีนี่ผูกเต็ม มีศาลเพียงตาเล็กๆตั้งอยู่ นํ้าแดงของไหว้ตุ๊กตาอะไรก็มี บรรยากาศตรงนั้นมันเงียบมากอ่ะพี่ ผมยืนตรงนั้นนี่วังเวงมาก ถ้าอยู่คนเดียวคงหลอน แต่นี่ดีที่น้องมาคอยส่ง ด้วยความที่ผมไม่ใช่คนในพื้นที่เนาะ ผมก็เลยมองนู่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อยเหมือนธรรมดาของคนที่มาต่างถิ่นอ่ะพี่ หันซ้ายหันขวาดูนู่นนี่นั่นไปเรื่อย

เรื่องมันอยู่ตรงนี้พี่ ช่วงที่ผมหันหน้ามาทางซ้ายเพื่อสังเกตอะไรไปเรื่อยใช่ไหมคับ จังหวะที่ผมกำลังหันหน้ากลับมาจะมองไปอีกทางอ่ะ นึกถึงเหมือนจังหวะแพลนกล้องในหนัง ประมาณนั้นแหละ ตาผมเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึง ใส่ชุดขาว ผมหยิกเหมือนหยักศกอ่ะ ยืนก้มหน้าอยู่ตรงบ้านหลังนึงที่อยู่ตรงทางสามแพร่งฝั่งซ้ายมือ

ตอนนั้นผมนี่ผงะ นิ่งอึ้งไปเลยนะ ขานี่ถอยหลังไปนิดนึงแบบคนผงะตกใจอ่ะพี่นึกออกใช่ไหมคับ แล้วสิ่งที่ผมเห็นอ่ะ คือเขายืนก้มหน้า ผมของเขาก็ต้องลงมาปิดหน้าอยู่แล้ว  แล้วคือนึกภาพตามนะ เค้ายืนก้มหน้า ผมลงมาบังหน้า แต่ผมเค้าหยักศก มันเลยดูเป็นช่อๆ มันมีช่องว่างระหว่างผมตรงช่วงตาเขาพอดี

สิ่งที่ผมเห็นคือดวงตาเขาที่จ้องเขม็งมาทางผมอ่ะ แปลกมากพี่ระยะห่างตรงผมกับเขาห่างกันประมาณเกือบ100เมตรได้ครับ แต่ผมกับเห็นแววตาเขาชัดเจนมาก เหมือนกับมันมีภาพอยู่ในหัวเลย แล้วไม่แค่นั้นไง แววตาเค้าที่มองมา มันมีความรู้สึกแรงมาก เป็นความรู้สึกเหมือนจิตอาฆาตอ่ะคับ

เต็มไปด้วยความโกรธแค้นอาฆาต คือมันรับรู้ได้ขนาดนั้นเลยนะ เหมือนเขาทำให้เรารับรู้ความรู้สึกของเขา หรือว่าเพราะความรู้สึกของเขามันรุนแรงมากจนเรารับรู้ได้เองก็ไม่รู้นะคับ พอผมเห็นผมตั้งสติได้ ผมก็หันหลังมาหารุ่นน้องผมเลย พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ชวนเขาคุยนู่นนี่ จนสักพักมีวินมาพอดี น้องเขาเลยส่งผมขึ้นวินกลับมา พอผมกลับมาถึงบ้าน อาบนํ้าอาบท่าเสร็จ ผมก็มานอนคุยแชทกับน้องเขา ว่าถึงบ้านแล้วนะ

อยู่ๆน้องก็พิมพ์แชทมาหาผมว่า ลืมอะไรหรือเปล่า ผมก็งงถามว่าลืมอะไร ของก็เอากลับมาหมดนะ น้องเขาก็บอกว่า ลืมพาใครกลับไปด้วยรึเปล่า? ผมนี่งง สตั๊นไปเลยตอนนั้น ในหัวนี่คิดกังวลไปหมดเลยว่าผมโดนใครตามอยู่หรือเปล่า ผมก็พยายามคุยปกติ ถามน้องเขาไปว่า ลืมอะไร ไปคนเดียว กลับคนเดียว พูดเรื่องไร? เขาก็บอกว่า มีเด็กตามผมมาด้วย2คน เขามากับผม แต่ผมไม่ได้พาเขากลับ ตอนนั้นผมไม่ไหวแล้วรู้สึกพิมพ์ไม่ทันใจ เลยโทรคุยเลย เลยถามน้องเขาว่า ที่พูดมาคือยังไง

น้องเขาก็เล่าให้ฟังว่า ความจริงตอนที่ผมมาถึงบ้านน้องเขาอ่ะ มีผู้หญิงคนนึงสวยมากใส่ชุดนักศึกษาตามผมมาด้วย แต่เขาเข้าบ้านไม่ได้เพราะเจ้าที่ ที่นี่แรงมาก เลยได้แต่ยืนอยู่หน้าบ้านแล้วสักพักก็หายไป ตอนที่ผมเดินเข้าบ้านไป เขาก็เห็นมีเด็กผู้ชาย2คน เดินตามผมไปด้วย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

เชื่อไหม ตอนนั้นในหัวผม ผมคิดไปไกลต่างๆนาๆ ว่าผมเคยไปทำใครท้องหรือเปล่าวะ เคยทำผู้หญิงที่ไหนท้องแล้วเขาไปทำแท้งหรอ แต่มันเป็นไปไม่ได้ไง คือเข้าใจใช่ไหม ผมเป็นเกย์ไง เข้าใจใช่ป่ะ 555+ นี่แหละเหตุผลที่ผมเกริ่นนำมาตั้งแต่แรกว่าผมเป็นแหละ มันเอาไว้มาขยายความตรงส่วนนี้ไง

นั่นแหละพี่ผมจะไปทำผู้หญิงที่ไหนท้องได้ไง ผมยังไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงด้วยซํ้า ผมก็บอกน้องเขาไปว่าผมไม่เคยทำผู้หญิงที่ไหนท้องนะ แล้วผู้หญิงที่ตามผมมาคือใคร น้องเขาบอกว่า น่าจะเป็นวิญญาณเร่ร่อนแถวนั้นมั้ง เพราะวันนี้เราไปทำบุญกันมา เค้าคงรับรู้ได้ เค้าเลยตามผมมาเพื่อมาขอส่วนบุญ

แต่ไม่ต้องห่วง น้องเขาบอกว่าเขารับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้มาดี มาแบบรูปร่างหน้าตาสวยเหมือนคนปกติทั่วไปเลย ผิวพรรณดีมาก น้องเขารับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้คิดร้ายกับผม คือพี่งงไหมทำไมต้องตามผม ทั้งๆที่ไปทำบุญกัน2คน ผมนี่แปลกใจมาก ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือกลัวดี ที่เราทำบุญแล้วได้บุญจนมีวิญญาณตามมาขอแบบนี้

แล้วคราวนี้ผมก็เลยถามต่อว่าแล้วเด็ก2คนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงตามผมมา น้องเขาบอกว่าเด็ก2คนนั้นน่าจะมากับผม เพราะถ้าเป็นวิญญาณเร่ร่อนทั่วไป คงเข้ามาที่บ้านหลังนี้ไม่ได้เหมือนที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาไม่ได้แน่นอนเพราะเจ้าที่แรง แต่ที่เข้ามาได้แบบนี้ แปลว่าต้องมากับผม

ผมเลยถามว่าลักษณะเด็กคนนั้นเป็นยังไง น้องเขาก็บอกว่า เป็นเด็กผู้ชาย2คน หน้าตาน่ารัก นุ่งโจงกระเบนแล้วมีสังวาลย์พาดที่ตัว ผมนิ่งคิดสักพักนึงแล้วถึงกับอ๋อเลยพี่ เพราะผมนึกได้แล้ว ว่าที่บ้านผมเนี่ย ย่าผมเค้าเลี้ยงกุมารไว้2องค์ ปลุกเสกเบิกเนตรโดยพระ ตั้งชื่อให้ด้วยนะเพราะมาก แต่ผมจำไม่ได้ เพราะปกติผมไม่ได้เป็นคนคอยดูแลหิ้งพระไง เลยไม่ค่อยได้สนใจ

พอผมนึกออกผมเลยบอกว่าต้องเป็นกุมารที่บ้านแน่ๆที่ย่าผมเลี้ยงไว้ น้องเขาบอกว่าก็คงใช่เพราะลักษณะเหมือนกุมารเลย น้องก็บ่นกับผมว่าเนี่ยน้องกุมารอ่ะ ซนมากเลย พอผมกลับไปแล้ว น้องกลับบ้านมาตอนที่กำลังอาบนํ้า ก็มีเสียงคนเคาะประตูห้องนํ้าเบาๆ ปังๆๆ น้องเค้าก็เปิดประตูไปดู ก็ไม่เห็นอะไร คือน้องเขาอ่ะเป็นร่างทรงเขาเลยไม่ค่อยกลัวอะไรแบบนี้ ออกแนวเห็นจนชิน

แล้วทีนี้น้องก็กลับมาอาบนํ้าต่อก็มีเสียงเคาะห้องนํ้าอีก แต่น้องก็ไม่ได้สนใจอาบนํ้าต่อเหมือนรู้แล้วไงว่าคืออะไร แต่เสียงเคาะก็มาอีก แต่มันแรงขึ้นมาสเต็ปนึง จนมันกลายเป็น ปัง ปัง ปัง!!! รัวๆเลย น้องเลยออกแนวหงุดหงิดแล้ว เปิดประตูไปอีกกะจะว่าให้เลย แต่ไม่เจอใคร แต่น้องบอกว่าเห็นเงาเด็กวิ่งหลังไวไว ไปหลบทางบันไดบ้านเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆด้วย น้องเขาก็ไม่ได้สนใจนะคับ แล้วก็มาคุยแชทกับผมตามที่เล่าไปก่อนหน้านี้แหละ

น้องเขาก็บอกว่าให้เอาน้องกุมารกลับไปด้วย ผมเลยถามว่าทำไง น้องเขาก็บอกให้เรียกกลับไปแหละ ผมก็ทำไม่เป็น เลยนึกในใจว่ากุมารที่ตามผมไปน่ะ ให้กลับมาได้แล้ว อย่าดื้อ ทำตัวดีๆจะซื้อของเล่นให้ อ่ะเรื่องกุมารจบไป

คราวนี้ผมก็คิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วพูดเรื่องนี้กันแล้ว ผมเลยตัดสินใจจะเล่าเรื่องตรงทางสามแพร่งให้น้องฟัง ผมเลยเกริ่นๆกับน้องไปว่า รู้ไหมตอนที่มารอวินตรงทางสามแพร่งอ่ะทำไมพี่ดูแปลกๆ พูดแปลกๆ น้องก็ถามกลับมาว่าทำไมหรอ? ผมเลยบอกว่าก็พี่เห็นอ่ะดิ พอผมพูดแค่นี้แหละ น้องมันสวนขึ้นมาเลยว่า เห็นผู้หญิงผมหยิกยืนก้มหน้าตรงบ้านหลังนั้นมองตรงมาใช่ไหม?

ผมอึ้งไปเลยพี่ ตกใจมาก เห๊ยยยย! แบบน้องมันรู้ได้ไง แถมเราแค่บอกว่าเราเห็น  ยังไม่ได้บรรยายอะไรเลย แต่น้องมันบรรยายสวนมาเสร็จสรรพแบบตรงกับที่ผมเห็นเป๊ะ ผมนี่มือสั่นใจสั่นนํ้าตาคลอเบ้า เสียงตะกุกตะกักถามน้องมันเลยว่า น้องมันรู้ได้ไง เห็นด้วยหรอ?

รู้ไหมน้องมันตอบกลับมาว่าไง น้องมันบอกว่า น้องเห็นก่อนผมอีก เห็นตั้งแต่มาแล้ว แต่น้องมันไม่ได้สนใจ ผมเลยบอกทำไมไม่บอกกันบ้าง มันก็บอกว่า กลัวบอกแล้วผมกลัว ผมบอกใช่ ผมกลัวมาก เพราะผมเห็นแล้วความรู้สึกที่ผมได้รับ มันรู้สึกถึงแรงอาฆาตพยาบาท มันเหมือนจิตคุกคามอ่ะ ทำให้ผมกลัวมาก

น้องมันก็มาเฉลยให้ฟังพี่ ว่าไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้สึกอาฆาตแบบนั้น เพราะเขาฆ่าตัวตาย โดนการผูกคอตายที่ชั้น2ของบ้านหลังนั้นที่เขายืนอยู่นั่นแหละ น้องผมก็บอกอีกว่า แต่รู้สึกเหมือนเขาจะไม่ได้ฆ่าตัวตาย เหมือนจะโดนข่มขืนแล้วเอาไปแขวนคอให้เหมือนกับการฆ่าตัวตาย วิญญาณเขาเลยมีความอาฆาตแค้นรุนแรงแบบที่ผมรับรู้ได้นั่นแหละ ไม่แปลกหรอก น้องมันพูดงี๊อ่ะ

ผมนี่นํ้าตาไหลเลยด้วยความกลัว แบบเขาจะตามเรามาไหม เขาจะทำอะไรเราไหม ตอนที่เราเจอเขาความอาฆาตของเขาที่พุ่งมาให้เรารับรู้มันมากจริงๆ เลยกลัวว่าเขาจะมาทำอะไรเรา น้องก็บอกว่า อย่าไปคิดมาก อย่าไปนึกถึงหรือสนใจ เขาทำอะไรผมไม่ได้หรอก ต่างคนต่างอยู่

ผมก็มีสิ่งศักดิ์คุ้มครองอยู่ เขาทำอะไรไม่ได้หรอก อย่าไปกลัว ผมฟังแล้วผมก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่ด้วยความที่เรารับรู้ถึงจิตคุกคามเขามาเต็มๆ มันเลยมีหวั่นๆบ้างอ่ะพี่ตอนนั้น เรื่องก็ประมาณนี้ครับ


ขอบคุณเรื่องเล่าจาก : สมาชิกหมายเลข 4306186