"ป้าเลื่อม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบางหว้า
สมัยสาวๆ ป้าอยู่คลองบางหว้า ธนบุรี พวกผู้ใหญ่แต่ก่อนท่านเคยพูดกันว่า "ไกลปืนเที่ยง" เอาการ เพราะในพระนครจะมีการยิงปืนบอกเวลา 12.00 นาฬิกา หรือเที่ยงตรง แต่บอกตามตรงว่าป้ากับเพื่อนๆ น่ะไม่มีใครเคยได้ยินหรอกค่ะ
เนื่องจากเราเล่นน้ำกันตูมๆ จนตัวไม่แห้ง เหมือนชาติก่อนเป็นปลา! ถ้าไม่มีแม่มาตะโกนเรียกพร้อมกับถือไม้เรียวกำกับก็อย่าหวังเลยว่าจะยอมขึ้นกันง่ายๆ ตอนนั้นอายุ 12-13 แล้วนะคะ แต่กระโดดน้ำตูมๆ กับเด็กผู้ชายจนแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
อ้อ! พวกเพื่อนๆ ป้าน่ะ บางคนก็มีหน้าอกแล้ว แต่ยังแก้ผ้าโดดน้ำกันตูมๆ แถมไม่ค่อยชอบนุ่งผ้านุ่งผ่อนอีกต่างหาก โดนพ่อแม่เอ็ดตะโรเข้าก็คว้าผ้านุ่งมาพันกายอย่างเสียไม่ได้ ปล่อยหน้าอกหน้าใจรับแดดรับลมตามใจชอบ...สมัยนี้ต้องบอกว่า อิสรเสรีเหลืออื่นใด
ยกเว้นแต่บางคนที่ความเป็นสาวมันชักจะตู้มๆ เตะตาขึ้นทุกที พวกแม่ๆ ก็จะคว้าไม้เรียวมากระหนาบบนตลิ่ง ร้องว่า...มึงโตเป็นกาบปูเลแล้วยังไม่รู้จักนุ่งผ้าอาบน้ำ ไม่อับอายผีสางเทวดา เดี๋ยวเงือกหงอนก็มาลักเอาไปทำเมียอยู่ใต้น้ำเท่านั้นเอง!
มีการวี้ดว้ายกันพอสมควร ผู้ใหญ่ส่ายหน้า บอกว่ากระแดะมาก
การเล่นน้ำของพวกเรามีเรื่องสนุกๆ หลายอย่าง ทั้งเล่นไล่จับ เอาเถิด หมาเน่าลอยน้ำ ใช้ผ้านุ่งทำโปงแล้วลอยตะลุบตุ๊บป่องไปเรื่อยๆ พอโปงแตกทีก็ตาลีตาเหลือกขึ้นมาที...เพื่อนๆ ก็จะหัวเราะลั่นไปทั้งคุ้งน้ำเชียว
พวกเด็กผู้ชายเล่นอะไรกัน พวกเราก็เล่นไอ้นั่น จำได้ว่าเพื่อนป้าสองคนชื่อนังเปียกับนังแหวนแก่นแก้วที่สุดในกลุ่ม แม่ยิ่งดุมันยิ่งซุกซนเป็นลิงเป็นค่างขึ้นทุกที
เล่นแข่งว่ายน้ำข้ามฟากกันก็มีค่ะ
ข้างตลิ่งที่เลยหาดไปหน่อยมีต้นมะขามโค่นลงน้ำแต่ปีก่อน กลายเป็นสะพานให้เราไปวิ่งไปโดดน้ำมั่ง เหนื่อยขึ้นมาก็ว่ายไปเกาะกิ่งไม้ลุ่นๆ บางทีก็โหนตัวขึ้นไปนั่งแกว่งขาเล่นในน้ำ...หนักเข้าก็กลายเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับวิ่งไปกระโดดน้ำเพื่อแข่งกันว่ายไปที่ฝั่งตรงข้าม ราว 20 เมตรเห็นจะได้ แต่สำหรับเด็กๆ ก็ไกลโขแล้วนะคะ
ฝั่งโน้นยังเป็นสวนเปลี่ยว มีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆ ร่มครึ้ม บ้านช่องก็อยู่ลึกเข้าไป แถมปลูกอยู่ห่างๆ กัน
ที่นั่นมีหาดแคบๆ กับพงอ้อกอหญ้าดกหนา เว้าๆ แหว่งๆ อยู่ตามชายน้ำ เหมาะจะเล่นซ่อนหาชะมัดเลย...เสียแต่มีศาลไม้เก่าๆ โดดเด่นอยู่เหนือตลิ่ง เห็นผ้าเหลืองผ้าแดงขาดๆ ห้อยพันรุ่งริ่ง...บางเย็นก็ได้กลิ่นธูปหอมกรุ่นลอยมาเข้าจมูกด้วยค่ะ
พวกผู้ใหญ่เล่ากันว่า เด็กผู้หญิงฝั่งโน้นตกน้ำตายมาสิบกว่าปีแล้ว พ่อแม่ยังรักอาลัยก็ตั้งศาลไว้ให้อยู่ แหม! ป้ากลัวผีเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่ไม่กลัว แต่เราไปถึงก็เงยหน้าขึ้นยกมือไหว้ เป็นการขอขมาลาโทษไว้ก่อน
มีคนเห็นเด็กผู้หญิงที่ว่ายืนอยู่หน้าศาลตอนเย็นๆ บางทีก็ลงมาเดินเล่นที่ชายหาดเหงาๆ น่าสงสารเหลือเกิน
บางวันขึ้นจากน้ำหนาวๆ ไปนั่งพัก ป้ายังเคยเห็นใบหน้าเล็กๆ ของเด็กหญิงโผล่ออกมาจากข้างศาล มองเราอายๆ เหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าเด็กแถวนั้นอยากจะมาเล่นน้ำกับเรา แต่พอเห็นหัวจุกกับหน้าซีดๆ ตาดำขลับ เกิดรู้สึกขนลุกซ่าที่ต้นคอกับตามท่อนแขน...อ้าปากค้างยืนตัวแข็งเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหิน...
เข่าอ่อนจนต้องนั่งแผละ ใจเต้นตึ้กๆ เหมือนจะพังออกมานอกอกยังงั้นแหละค่ะ!
พวกเด็กผู้ชายนำโดยเจ้าเก่งกับปื๊ด ชอบชวนเพื่อนๆ มาอวดศักดาว่าว่ายน้ำเร็วกว่าพวกเรา แน่ละซีคะ! เด็กผู้หญิงจะว่ายน้ำสู้ได้ยังไง แถมขึ้นฝั่งส่งเสียงเอะอะเอ็ดตะโรเยาะเย้ยเราจนน่าโมโห...ป้าเจ็บใจจนต้องนึกหาทางแก้เผ็ดเอาจนได้
เย็นนั้น เรากำลังเล่นน้ำกันอยู่ดีๆ ก็มีตัวป่วนมากวนอารมณ์อีกแล้ว ป้าเลยชวนเพื่อนๆ ว่ายไปฝั่งโน้น พอถึงก็รีบแอบตามหลังเนินดินกับพงอ้อกอหญ้าสูงๆ ไม่ให้พวกเจ้าเก่งเจ้าปื๊ดมาเจอตัวเอาง่ายๆ
"เฮ้ย! พวกผู้หญิงไปไหนหมดวะ? สงสัยมันจะเล่นซ่อนแอบให้พวกเราหาละมั้ง? ไปหากันโว้ย!"
ขาดเสียง ลมกลุ่มใหญ่ก็พัดฮือมาจากบนตลิ่ง เย็นยะเยือกจับใจ ก่อนจะกลายเป็นเสียงซ่า...เคล้ากับเสียงคลื่นในคลองที่ทยอยเข้ากระทบฝั่ง เกิดเสียงน่าง่วงงุนบอกไม่ถูก
"ฉันอยู่นี่..." เสียงเย็นๆ ดังวู่หวิวมาเข้าหู...เอ๊ะ! เสียงใคร? ป้านึกขณะที่เจ้าเก่งโผล่ขึ้นมาเหลียวซ้ายแลขวา ป้าหลบเข้ากับเนินดินที่มีทางคดเคี้ยว ค่อนข้างชันไปสู่บนตลิ่ง...เจ้าเก่งแหงนหน้ามองแล้วหัวเราะชอบใจ
"โธ่เอ๊ย! นึกว่าจะแอบอยู่ที่ไหนซะอีก ที่แท้ก็..." เสียงนั้นขาดหาย เจ้าเก่งย่นคิ้วเอียงคอมอง ป้าก็มองตามสายตาของมันไป...อุ๊ย! เด็กผมจุกหน้าขาวๆ โผล่ออกยืนที่ข้างศาลในชุดตุ๊กตาชาววัง เสื้อผ้าแดงสด ทาปากแดงแก้มแดง มองลงมาตาแป๋วเชียว
"ขอเล่นด้วยคนได้มั้ยยย..." เสียงเย็นๆ จากปากยิ้มแป้นดูน่ารักดีหรอก แต่ทำไมรูปร่างเธอสูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเลยหลังคาศาล...เจ้าเก่งร้องเฮ้ย! หงายหลังตึง กลิ้งหลุนเป็นลูกขนุนพลางร้องจ้าไม่ขาดเสียง ป้าเองก็หันขวับ กระโจนลงน้ำไม่คิดชีวิต แว่วเสียงเจ้าเก่งร้องโหวกโหวยตามหลัง...รอด้วย! รอกูด้วย...
เรื่องอะไรจะรอให้โง่! ไม่ใช่เสียงเจ้าเก่งร้องอย่างเดียวนี่คะ มีเสียงหัวเราะแหบโหยดังไล่หลังมาอีกต่างหาก...กว่าจะข้ามฝั่งมาได้ก็เหนื่อยแทบขาดใจ อย่าว่าแต่พวกเด็กผู้ชายเลยค่ะ พวกเราเองก็ไม่มีใครกล้าข้ามฟากอีกเลยตั้งแต่นั้นมา!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด
สมัยสาวๆ ป้าอยู่คลองบางหว้า ธนบุรี พวกผู้ใหญ่แต่ก่อนท่านเคยพูดกันว่า "ไกลปืนเที่ยง" เอาการ เพราะในพระนครจะมีการยิงปืนบอกเวลา 12.00 นาฬิกา หรือเที่ยงตรง แต่บอกตามตรงว่าป้ากับเพื่อนๆ น่ะไม่มีใครเคยได้ยินหรอกค่ะ
เนื่องจากเราเล่นน้ำกันตูมๆ จนตัวไม่แห้ง เหมือนชาติก่อนเป็นปลา! ถ้าไม่มีแม่มาตะโกนเรียกพร้อมกับถือไม้เรียวกำกับก็อย่าหวังเลยว่าจะยอมขึ้นกันง่ายๆ ตอนนั้นอายุ 12-13 แล้วนะคะ แต่กระโดดน้ำตูมๆ กับเด็กผู้ชายจนแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
อ้อ! พวกเพื่อนๆ ป้าน่ะ บางคนก็มีหน้าอกแล้ว แต่ยังแก้ผ้าโดดน้ำกันตูมๆ แถมไม่ค่อยชอบนุ่งผ้านุ่งผ่อนอีกต่างหาก โดนพ่อแม่เอ็ดตะโรเข้าก็คว้าผ้านุ่งมาพันกายอย่างเสียไม่ได้ ปล่อยหน้าอกหน้าใจรับแดดรับลมตามใจชอบ...สมัยนี้ต้องบอกว่า อิสรเสรีเหลืออื่นใด
ยกเว้นแต่บางคนที่ความเป็นสาวมันชักจะตู้มๆ เตะตาขึ้นทุกที พวกแม่ๆ ก็จะคว้าไม้เรียวมากระหนาบบนตลิ่ง ร้องว่า...มึงโตเป็นกาบปูเลแล้วยังไม่รู้จักนุ่งผ้าอาบน้ำ ไม่อับอายผีสางเทวดา เดี๋ยวเงือกหงอนก็มาลักเอาไปทำเมียอยู่ใต้น้ำเท่านั้นเอง!
มีการวี้ดว้ายกันพอสมควร ผู้ใหญ่ส่ายหน้า บอกว่ากระแดะมาก
การเล่นน้ำของพวกเรามีเรื่องสนุกๆ หลายอย่าง ทั้งเล่นไล่จับ เอาเถิด หมาเน่าลอยน้ำ ใช้ผ้านุ่งทำโปงแล้วลอยตะลุบตุ๊บป่องไปเรื่อยๆ พอโปงแตกทีก็ตาลีตาเหลือกขึ้นมาที...เพื่อนๆ ก็จะหัวเราะลั่นไปทั้งคุ้งน้ำเชียว
พวกเด็กผู้ชายเล่นอะไรกัน พวกเราก็เล่นไอ้นั่น จำได้ว่าเพื่อนป้าสองคนชื่อนังเปียกับนังแหวนแก่นแก้วที่สุดในกลุ่ม แม่ยิ่งดุมันยิ่งซุกซนเป็นลิงเป็นค่างขึ้นทุกที
เล่นแข่งว่ายน้ำข้ามฟากกันก็มีค่ะ
ข้างตลิ่งที่เลยหาดไปหน่อยมีต้นมะขามโค่นลงน้ำแต่ปีก่อน กลายเป็นสะพานให้เราไปวิ่งไปโดดน้ำมั่ง เหนื่อยขึ้นมาก็ว่ายไปเกาะกิ่งไม้ลุ่นๆ บางทีก็โหนตัวขึ้นไปนั่งแกว่งขาเล่นในน้ำ...หนักเข้าก็กลายเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับวิ่งไปกระโดดน้ำเพื่อแข่งกันว่ายไปที่ฝั่งตรงข้าม ราว 20 เมตรเห็นจะได้ แต่สำหรับเด็กๆ ก็ไกลโขแล้วนะคะ
ฝั่งโน้นยังเป็นสวนเปลี่ยว มีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆ ร่มครึ้ม บ้านช่องก็อยู่ลึกเข้าไป แถมปลูกอยู่ห่างๆ กัน
ที่นั่นมีหาดแคบๆ กับพงอ้อกอหญ้าดกหนา เว้าๆ แหว่งๆ อยู่ตามชายน้ำ เหมาะจะเล่นซ่อนหาชะมัดเลย...เสียแต่มีศาลไม้เก่าๆ โดดเด่นอยู่เหนือตลิ่ง เห็นผ้าเหลืองผ้าแดงขาดๆ ห้อยพันรุ่งริ่ง...บางเย็นก็ได้กลิ่นธูปหอมกรุ่นลอยมาเข้าจมูกด้วยค่ะ
พวกผู้ใหญ่เล่ากันว่า เด็กผู้หญิงฝั่งโน้นตกน้ำตายมาสิบกว่าปีแล้ว พ่อแม่ยังรักอาลัยก็ตั้งศาลไว้ให้อยู่ แหม! ป้ากลัวผีเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่ไม่กลัว แต่เราไปถึงก็เงยหน้าขึ้นยกมือไหว้ เป็นการขอขมาลาโทษไว้ก่อน
มีคนเห็นเด็กผู้หญิงที่ว่ายืนอยู่หน้าศาลตอนเย็นๆ บางทีก็ลงมาเดินเล่นที่ชายหาดเหงาๆ น่าสงสารเหลือเกิน
บางวันขึ้นจากน้ำหนาวๆ ไปนั่งพัก ป้ายังเคยเห็นใบหน้าเล็กๆ ของเด็กหญิงโผล่ออกมาจากข้างศาล มองเราอายๆ เหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าเด็กแถวนั้นอยากจะมาเล่นน้ำกับเรา แต่พอเห็นหัวจุกกับหน้าซีดๆ ตาดำขลับ เกิดรู้สึกขนลุกซ่าที่ต้นคอกับตามท่อนแขน...อ้าปากค้างยืนตัวแข็งเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหิน...
เข่าอ่อนจนต้องนั่งแผละ ใจเต้นตึ้กๆ เหมือนจะพังออกมานอกอกยังงั้นแหละค่ะ!
พวกเด็กผู้ชายนำโดยเจ้าเก่งกับปื๊ด ชอบชวนเพื่อนๆ มาอวดศักดาว่าว่ายน้ำเร็วกว่าพวกเรา แน่ละซีคะ! เด็กผู้หญิงจะว่ายน้ำสู้ได้ยังไง แถมขึ้นฝั่งส่งเสียงเอะอะเอ็ดตะโรเยาะเย้ยเราจนน่าโมโห...ป้าเจ็บใจจนต้องนึกหาทางแก้เผ็ดเอาจนได้
เย็นนั้น เรากำลังเล่นน้ำกันอยู่ดีๆ ก็มีตัวป่วนมากวนอารมณ์อีกแล้ว ป้าเลยชวนเพื่อนๆ ว่ายไปฝั่งโน้น พอถึงก็รีบแอบตามหลังเนินดินกับพงอ้อกอหญ้าสูงๆ ไม่ให้พวกเจ้าเก่งเจ้าปื๊ดมาเจอตัวเอาง่ายๆ
"เฮ้ย! พวกผู้หญิงไปไหนหมดวะ? สงสัยมันจะเล่นซ่อนแอบให้พวกเราหาละมั้ง? ไปหากันโว้ย!"
ขาดเสียง ลมกลุ่มใหญ่ก็พัดฮือมาจากบนตลิ่ง เย็นยะเยือกจับใจ ก่อนจะกลายเป็นเสียงซ่า...เคล้ากับเสียงคลื่นในคลองที่ทยอยเข้ากระทบฝั่ง เกิดเสียงน่าง่วงงุนบอกไม่ถูก
"ฉันอยู่นี่..." เสียงเย็นๆ ดังวู่หวิวมาเข้าหู...เอ๊ะ! เสียงใคร? ป้านึกขณะที่เจ้าเก่งโผล่ขึ้นมาเหลียวซ้ายแลขวา ป้าหลบเข้ากับเนินดินที่มีทางคดเคี้ยว ค่อนข้างชันไปสู่บนตลิ่ง...เจ้าเก่งแหงนหน้ามองแล้วหัวเราะชอบใจ
"โธ่เอ๊ย! นึกว่าจะแอบอยู่ที่ไหนซะอีก ที่แท้ก็..." เสียงนั้นขาดหาย เจ้าเก่งย่นคิ้วเอียงคอมอง ป้าก็มองตามสายตาของมันไป...อุ๊ย! เด็กผมจุกหน้าขาวๆ โผล่ออกยืนที่ข้างศาลในชุดตุ๊กตาชาววัง เสื้อผ้าแดงสด ทาปากแดงแก้มแดง มองลงมาตาแป๋วเชียว
"ขอเล่นด้วยคนได้มั้ยยย..." เสียงเย็นๆ จากปากยิ้มแป้นดูน่ารักดีหรอก แต่ทำไมรูปร่างเธอสูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเลยหลังคาศาล...เจ้าเก่งร้องเฮ้ย! หงายหลังตึง กลิ้งหลุนเป็นลูกขนุนพลางร้องจ้าไม่ขาดเสียง ป้าเองก็หันขวับ กระโจนลงน้ำไม่คิดชีวิต แว่วเสียงเจ้าเก่งร้องโหวกโหวยตามหลัง...รอด้วย! รอกูด้วย...
เรื่องอะไรจะรอให้โง่! ไม่ใช่เสียงเจ้าเก่งร้องอย่างเดียวนี่คะ มีเสียงหัวเราะแหบโหยดังไล่หลังมาอีกต่างหาก...กว่าจะข้ามฝั่งมาได้ก็เหนื่อยแทบขาดใจ อย่าว่าแต่พวกเด็กผู้ชายเลยค่ะ พวกเราเองก็ไม่มีใครกล้าข้ามฟากอีกเลยตั้งแต่นั้นมา!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด