===Not Click=== ===Not Click===

The Ghost Radio : ผมเตือนคุณแล้ว - คุณนุ๊ก






เรื่องนี้ย้อนกลับไปประมาณ 6 เดือน ที่จังหวัดนราธิวาส คุณนุ๊กนั้นเป็นทหารทำงานที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คุณนุ๊กนั้นรับผิดชอบในอำเภอรือเสาะ และก็จะมีเทือกเขาบูโดเป็นจุดศูนย์กลาง คุณนุ๊กก็จะรับผิดชอบตั้งแต่บริเวณเขาบูโดไปจนถึงอำเภอรือเสาะ แล้วจะมีทางเข้าทางออกทางเดียว คือ ถ้าขึ้นเขาแล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกซ๊ายออกขวา จำเป็นที่จะต้องตรงอย่างเดียว

ในการที่จะเข้าไปในเทือกเขาบูโดนั้นก็จะต้องใช้วิธีการเดินป่าขึ้นไป แล้วก็จะต้องมีทหารพรานนำทาง พอช่วงราวๆซัก 4 โมงเย็น พรานก็จะพาพวกคุณนุ๊กขึ้นไปตรวจบนเขาบูโด และก็จะกำหนดเวลาไว้ว่า ตี 1 ต้องถึงจุดนี้ ตี 3 ต้องถึงตรงนี้ 6 โมงเช้าต้องลงมา

กลุ่มคุณนุ๊กและพรานก็ใช้เวลาเดินจากตีนเขาขึ้นไปประมาณ 4 ชั่วโมง และก็จะเดินเป็นวงกลมค่อยๆขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนขึ้นบันไดวน และตรงหน้าผาตรงนี้จะเป็นพื้นที่ที่โจรจะมายิงและโยนทิ้งหน้าผาตรงนี้และก็จะเจอศพเยอะมากบริเวณนี้

พอช่วงราวๆซัก 2 ทุ่ม วันนั้นก็เกิดพายุเข้า ก็ต้องกางเปลสนาม พรานก็บอกทหารทุกคนว่า น้องทหาร วันนี้เราจะนอนกับพื้นไม่ได้ พอกางเปลเสร็จ แล้วก็มีความเชื่อนึงที่เวลานอนในป่า เวลาที่กินข้าวห่อใบตอง ก็จะต้องใช้มือโยนเข้าลงไปที่พื้นเพื่อให้เจ้าที่เจ้าทาง พรานก็สั่งทหารทุกคนก็บอกว่า

" น้องทุกคนที่มากินข้าวตรงนี้ รบกวนเสียสละข้าว คุณนุ๊กก็โยนทิ้งไปกำมือนึงจากในห่อใบตอง พอโยนเสร็จก็นั่งกินข้าวกันไป แล้วพรานก็บอกต่ออีกว่า คืนนี้ ถ้ามีเหตุการณ์อะไร ให้รวมตัวกันอยู่ที่กองไฟเท่านั้น แล้วพรานจะอยู่เวรเอง พรานก็ย้ำอีกครั้งว่า ผมเตือนพวกคุณแล้วนะ ขอให้เชื่อด้วย "

จนเวลาผ่านไป ประมาณตี 1 คุณนุ๊กก็ได้ยินเสียงทหารคนนึง ได้ยินเสียงเขาตะโกนขึ้นมาสุดเสียงว่า ช่วยด้วย พวกคุณนุ๊กก็สะดุ้งตื่นแล้วก็วิ่งไปดูที่ทหารคนนี้ แต่พอไปดู ก็เห็นว่าทหารคนนี้ก็นอนปกติ คุณนุ๊กก็ไปปลุกโดยการเขย่าเปลแต่ก็ไม่ตื่น พอพรานกลับมาถึงก็ถามว่า มีอะไร เป็นอะไร คุณนุ๊กก็บอกว่า อยู่ดีๆ น้องมันก็ละเมอออกมา แล้วพวกผมปลุกแล้ว แต่เขาก็ไม่ตื่น

พรานก็บอกให้ทุกคนถอยก่อน พรานก็ใช้ไม้ขีดเป็นกรอบสี่เหลี่ยมๆ แล้วพรานก็เข้าไปในบริเวณที่แกขีดรวมทั้งให้ทหารทุกคนเข้ามานั่งข้างในด้วย และห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด แล้วแกก็ใช้ข้าวห่อของแกที่แกไม่ทาน โยนๆ แล้วก็สวดเป็นภาษายาวี พอสวดไปแปปนึง พรานก็บอกทุกคนว่า ไม่ต้องเดินตาม นั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

แล้วพรานก็เดินก้าวข้ามเปล และก็เดินตามรอยอะไรของเขาไปซักอย่าง แล้วพรานก็ยกมือพนม แล้วก็หยิบดินขึ้นมากระจุกนึง มาแปะที่หน้าผากแก แล้วก็พูดอะไรซักอย่างเหมือนขอเจ้าที่เจ้าทาง ซักพักนึง ทหารที่หลับก็ตื่นขึ้นมา และก็ถามว่า มีอะไรกันครับพี่ พอดีผมฝัน

คุณนุ๊กก็ถามว่า แล้วน้องฝันว่าอะไร น้องก็บอกว่า มีผู้หญิงแต่งตัวชุดมุสลิม มาเรียกให้เขาออกไป ผู้หญิงก็บอกว่า ให้เดินตามเขามา แล้วเขาจะพาไปกินน้ำ กินอะไรที่บ้าน น้องก็ตามเขาไป ตามไปได้ซักพัก พอถึงบ้านมีแต่โครงกระดูกเต็มบ้าน แล้วจากผู้หญิงมุสลิมสวยๆ กลายเป็นดวงไฟสีเขียวๆ คนใต้หรือคนที่นับถือศาสนาอิสลามจะเรียกว่า ชิน หรือว่าผี พรานก็เลยถามว่า ก่อนนอน น้องไปทำอะไรมา น้องก็บอกว่า เขาเอาหารที่กินเหลือ ขย้ำ แล้วก็เอาไปทิ้ง

พอถึงเวลาประมาณตี 4 พรานก็บอกว่า งั้นคืนนี้ไม่ต้องนอนละ ออกเดินทางกันต่อ คุณนุ๊กก็เดินต่อกันไปทั้งเปียก เปลก็ทิ้งไว้ตรงนี้ก่อน เพราะเปียกน้ำยังเอาไปไม่ได้ ก็เดินกันขึ้น จนไปถึงยอดเขาบูโด ซึ่งข้างบนยอดเขาก็จะมีพื้นที่ว่างๆไว้สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลง แล้วพอกลุ่มคุณนุ๊กไปตรง ก็เจอศพอยู่ 4 ศพ ก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่นำอุปกรณ์มารับศพไปตรวจสอบ

ทางกลุ่มคุณนุ๊กต้องนอนเฝ้าศพไม่ให้ศพหาย ทางเจ้าหน้าที่ก็ถามว่า จะมีใครที่จะกลับลงไปมั๊ย หรือว่าจะอยู่ปฎิบัติหน้าที่ให้เสร็จ แต่ถ้าจะกลับก็กลับได้ แต่ก็ไม่มีใครกลับ เพราะนายสั่งมาให้เคลียร์ภาระกิจนี้ให้เสร็จ แล้วอีกวันนึงก็จะได้พัก ได้กลับบ้าน ซึ่งทุกคนก็อยากกลับบ้าน อยากทำงานให้จบไวๆ เวลาที่ขนศพก็จะใช้ศพผูกกับเปลสนามผูกกับศพ แล้วดึงศพขึ้นไปเป็นแนวดิ่ง แต่วันนั้นมีลมหวนมา ทำให้ศพที่กำลังดึงขึ้นไปนั้นหล่นลงมา จนห่อแตก ซึ่งจากเดิมศพก็เละอยู่แล้ว พวกคุณนุ๊กก็ต้องใช้มือโกยกลับเข้าไปในผ้า แล้วก็ดึงขึ้นไปใหม่

แล้วก็ยังเหลืออีกศพนึง ตกลงไปเกี่ยวกับต้นไม้ ก็ต้องใช้คนลงไป กว่าจะขนศพ 3 ศพแรกเสร็จก็ทุ่มนึงแล้ว ในคืนนั้น พวกคุณนุ๊กและพรานก็ต้องอยู่บนยอดอีกคืนนึง ก็จุดกองไฟกันกินข้าว แล้วก็น้องคนเดิมก็รับข้าวมากิน คนอื่นเขาก็กินๆเสร็จก็ไปผูกเปลนอนกัน แต่น้องคนนี้เขากลัว ก็เลยนอนข้างๆกองไฟ พอราวๆซัก 4 ทุ่ม คุณนุ๊กกับทหารพรานก็เดินไปตรวจรอบๆ พอกลับมาก็เห็นทหารคนอื่นๆไปยืนล้อมรอบกองไฟ พอเขาเห็นคุณนุ๊กกับพราน เขาก็เรียกพราน หมวด รีบมาดูหน่อยมันเป็นอะไรไม่รู้ อาการเหมือนเดิม ปลุกไม่ตื่น เอาน้ำราดก็ไม่ตื่น

พรานก็บอกว่า สงสัยท่าจะไม่ดีแล้ว มัน 2 รอบแล้ว แสดงว่ามันต้องไปทำอะไรเกินเหตุ เกินเลยแน่ๆ เขาถึงตาม เขาถึงไม่ยอมแบบนี้ แล้วอยู่ดีๆ น้องทหารคนนั้นก็เกร็งตัว แล้วก็กลิ้งเข้าไปในกองไฟที่อยู่ข้างๆ พอเห็นแบบนั้น ไม่มีถังดับเพลิง ไม่มีอะไรที่จะดับไฟซักอย่าง ก็ต้องเตะดิน ตบๆไป พอมันดับ น้องก็รู้สึกตัว ปวดแสบ ปวดร้อน แต่ก็ไม่สามารถส่งกลับได้ เพราะห้ามเอา ฮ.ขึ้นในเวลากลางคืน สุดท้ายก็ต้องรอจนกว่าจะเช้า

พอถึงช่วงเวลาตี 2 พรานก็ผสมยาพื้นบ้านมาโปะๆให้น้องทหารคนนั้น แล้วก็หลับไป พรานก็สวดๆๆ ซักพัก็มีดวงไฟสีเขียวๆลอยขึ้นมา พรานก็บอกว่าห้ามทัก เพราะว่าเป็นตัวชิน ให้ดูเฉยๆ พรานก็สวดเป็นภาษายาวีบอกเจ้าป่าเจ้าเขาให้เบิกทางเพื่อที่จะสื่อสารกับเขา ซักพักพรานก็พูดขึ้นมาว่า มันไม่เชื่อกู ความหมายก็คือ น้องคนนี้วันที่กินข้าวแล้วเอาข้าวไปทิ้งนั้น แต่ตอนที่เอาไปทิ้ง น้องดันไปฉี่ใส่กระทงไว้ แล้วเขาก็ไม่ยอม เขาจะเอาไปให้ได้ พรานก็บอกอีกว่า ขอเขาแล้ว น้องคนนี้ยังไม่ถึงคราวตายด้วย แต่เขารนหาที่ตาย คุณนุ๊กก็ถามว่า มีวิธีไหนที่จะช่วยเขาได้มั๊ย พรานก็บอกว่า ช่วยไม่ได้ เขาไม่ยอม เขาจะเอาไป คุณนุ๊กก็บอกว่างั้นเดี๋ยวแบกไปหาหมอคืนนี้เลย

คุณนุ๊กก็พาทหารคนอื่นๆแบกลงเขาเลย ช่วงลงเขาอยู่ดีๆก็มีลมหวนพัดมา แรงมากจนต้องหาต้นไม้จับกัน จะลงต่อก็ไม่ได้ละ ถ้าลงต่อคงตายกันหมดแน่ๆ ก็เลยจำเป็นที่จะต้องพักตรงนี้ พอตื่นเช้ามา น้องทหารคนนี้ก็สิ้นใจตายแล้ว ซึ่งไม่น่าใช่การเสียชีวิตจากการทดพิษบาดแผลที่โดนไฟไหม้ เพราะจังหวะที่กลิ้งเข้าไปในกองไฟ ก็รีบดึงกันออกมาเลย แต่ก็มีรอยพองๆนิดหน่อย ซึ่งแผลเหมือนน้ำร้อนลวกไม่น่าจะทำให้ถึงเสียชีวิต

พอน้องเขาเสียชีวิต ก็จำเป็นที่จะต้องเดินลงเขา ซึ่งเดินลงเขาก็จะต้องใช้เวลาอีก 1 คืน วิทยุสามารถใช้งานได้ แต่ว่าเจ้าหน้าที่ก็มารอได้แค่ตีนเขา พวกคุณนุ๊กก็ต้องอยู่กับศพ เวลาเดินก็ต้องแบกศพลงไป พรานก็มาเดินนำ แล้วก็ได้มาพักกันที่เดิม จุดที่เกิดหตุ ก็วางน้องเขา พรานก็เดินไปที่กระทง ในกระทงก็ยังมีน้ำขังอยู่เลย

แล้วพรานก็ชี้ไปที่ต้นไม้และพูดเป็นภาษายาวี ประมาณว่า คุณทำแบบนี้ คุณทำไม่ถูก คุณมาพรากชีวิตเค้า ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน คุณก็ไม่ต้องได้ผุดได้เกิดเหมือนกันคนก็จะต้องอยู่ในต้นไม้ต้นนี้ หรือถ้าคุณอยู่ในต้นไม้ต้นนี้ ผมก็จะตัดทิ้ง แล้วพรานก็ใช้น้ำมันก๊าดราดและเผาต้นไม้นั้นเลย ต้นไม้ต้นนั้นก็ไม่ถึงกับใหญ่มาก พอเผาเสร็จ พรานก็ใช้เท้าเตะกระทงคว่ำ แล้วก็ใช้น้ำว่านเอามาหยดใส่พื้นดินตรงนั้น หลังจากนั้น พรานก็มาบอกกับทุกคนว่า คืนนี้ห้ามมาบริเวณนี้เด็ดขาด และพรานก็ย้ำอีกครั้งว่า ผมเตือนพวกคุณแล้ว คุณก็เห็นอยู่ว่าผลลัพท์มันเป็นยังไง คุณนุ๊กก็คิดว่าไม่มีอะไรแล้วก็นอน คนที่เฝ้าศพก็เฝ้าไป

พอประมาณซักตี 3 ก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก พรานก็บอกว่าให้อยู่เฉยๆ ตอนนั้นคุณนุ๊กก็ยังไม่กล้าลุกขึ้นไป คุณนุ๊กก็เคลิ้มๆเหมือนจะหลับต่อ ไม่แน่ใจว่า ในฝันหรือเรื่องจริง ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมาว่า

" มึงจะลองดีใช่มั๊ย มึงจะลองดีกับกูใช่มั๊ย ศพเดียวมึงไม่พอหรอ"

พอคุณนุ๊กได้ยินเสียงนี้ก็สะดุ้งตื่นและลุกขึ้น แล้วก็ปลุกพรานที่นอนอยู่ แล้วก็เล่าเรื่องที่ได้ยินให้ฟัง พรานก็บอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ น่าจะไม่ดีละ พรานก็ปลุกทหารเช็คยอด แต่ว่า ทหารหายไป 2 คน ไม่รู้ว่าหายไปไหน คุณนุ๊กก็บอกให้ไปช่วยกันตามหา พรานก็พูดดักขึ้นมาว่า หยุดเลย คุณรู้หรอว่าเขาไปไหน แล้วถ้ายิ่งออกไปยิ่งหลง เสีย 2 ยังดีกว่าเสีย 4 พรานก็บอกให้อยู่เฉยๆก่อน

สักพักพรานก็เรียกคุณนุ๊กและลูกน้องอีก 2 คนเดินตามไป พรานก็บอกอีกว่า เดินตามหลังไปเรื่อยๆ อย่าหลุดออกไปจากหลังเขา เดินไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอ ทหาร 2 คน ผูกคอตายอยู่ตรงบนกิ่งไม้ที่ไหม้ดำๆ แขวนคนละกิ่ง หันหน้าชนกัน โดยใช้เข็มขัดตัวเอง รัดคอและแขวนตัวเองลงมาทั้งคู่เลย และดูไปดูมาก็มีลอยบีบที่ข้อเท้าด้วย เวลาตอนนั้นก็ตี 3 ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ต้องเอามานอนเรียงราย อยู่ตรงนั้น ซึ่งจริงๆแล้ว คุณนุ๊กก็แค่ขึ้นไปเก็บศพ แต่กลับต้องเสียเพื่อนเป็นศพไปอีก 3 คน

คุณนุ๊กก็เริ่มไม่ไหวละ แบบนี้มันคืออะไร พรานก็บอกว่า เขาไม่ยอม ขนาดพระเขายังไม่กลัวเลย คุณนุ๊กก็ถามว่าทำไมเขาถึงไม่กลัว พรานก็บอกว่า เขาเป็นอิสลาม เราไทยพุทธ เขาไม่กลัวเรา เราก็ไม่กลัวเขา คุณนุ๊กก็ถามว่า แล้วศพเพื่อนผม พี่จะรับผิดชอบยังไง พรานก็พูดขึ้นมาว่า ก็ผมเตือนพวกคุณแล้ว ถ้าวันนั้นน้องคนนั้นไม่เอาข้าวไปทิ้งและไม่ไปยืนฉี่ใส่ เรื่องจะเกิดมั๊ย คุณนุ๊กก็ไม่ติดใจอะไร และก็ถามพรานต่อว่า แล้วพี่จะเอาไงต่อเรื่องต้นไม้ต้นนี้ พรานบอกว่า พระที่ดีที่สุดของเราก็คือแม่ แล้วพรานก็เอาชายผ้าถุงที่มัดอยู่ตรงหัวไหล่ แล้วก็ชายผ้าถุงของแม่คนอื่นๆ มัดๆรวมกัน แล้วก็เอาไปมัดต้นไม้ต้นนั้นไว้ ตอนนั้นทุกๆคนก็ไม่กล้านอนกันแล้ว

พอถึงช่วงประมาณตี 4 ตี 5 ก็มีน้องทหารคนนึงนั่งหลับแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา น้องก็เดินมาเล่าให้คุณนุ๊กและพรานฟังว่า เขาฝัน เขาบอกว่า เพื่อนมาบอกว่า มันมาเอากูไป มันมาดึงกูไปจากที่นอน แล้วเขาก็เอากูไปแขวนคอ แล้วเขาก็ดึงขาทำให้เข็มขัดที่อยู่ตรงคอมันแน่น ถ้ายังอยู่ที่จะฝืนที่จะอยู่ เขาก็จะมาเอาทีละคน และเขาก็จะตามจนกว่าต้นไม้ต้นนี้จะกลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง

พอคุณนุ๊กกลับถึงที่หน่วย ผู้พันก็บอกว่าเลอะเทอะ มึงประมาท คุณนุ๊กก็ไม่ว่าอะไร แล้วก็โดนขังคุกไปประมาณ7 วัน หลังจาก 7 วัน คุณนุ๊กก็ไปหาพราน พรานก็พาไปวัดๆนึง พระก็ให้ทุกคน ถอดเสื้อผ้าลงไปอาบน้ำในโอ่ง พออาบเสร็จ พระก็พูดขึ้นมาลอยๆตอนที่นั่งสวดบังสกุลเป็น บังสกุลตาย เวลาพระบอกให้หลับตาก็ต้องหลับ ให้ลืมตาก็ต้องลืม เหมือนว่าเกิดใหม่ แต่พระก็พูดขึ้นมาคำนึงว่า ไม่พ้น เพราะเขาก็ยืนอยู่ข้างหลังคุณ เขาก็เกาะคุณไปเกิด เหมือนว่าเขาจับผ้าไว้ด้วย เขาไม่ยอม และก็ไม่กลัวพระ

และเรื่องก็ไม่จบ ก็คิดว่าตัวเองจะเป็นอะไรกันหรือเปล่า บ้านก็ไม่ได้กลับ หลวงพ่อก็บอกว่า เขาช่วยไม่ได้ หลวงพ่อก็เลยพาไปที่กุโบร์ คุณนุ๊กก็เล่าให้กับโต๊ะอิหม่ามฟัง เขาก็พาคุณนุ๊กเดินไปที่ที่นึง แล้วโต๊ะอิหม่ามก็บอกว่า ผู้หญิงคนนี้เนี่ยถูกผู้ก่อความไม่สงบ พาขึ้นไปข่มขืนและแขวนคอตายที่ต้นไม้ต้นนั้น และตรงนี้ก็คือหลุมฝังศพของเขา

โต๊ะอิหม่ามก็บอกว่า ให้ขอขมาตรงนี้ พวกคุณนุ๊กก็ขอขมากัน พอขอขมาเสร็จ โต๊ะอิหม่ามก็บอกว่า ถึงทำแบบนี้เขาก็ไม่ยอมแล้ว เพราะเขาแค้นคุณมากที่ไปเผาต้นไม้ของเขา เนื่องด้วย คนตายเขามีวิบากกรรมอยู่แล้ว พอไปเผาต้นไม้เค้า เขาก็ไม่มีที่อยู่ และก็ไม่มีที่ที่จะต้องผูกคอตายซ้ำไปซ้ำมา แล้วทีนี้ไปเผาต้นไม้เค้า เขาจะผูกคอตายที่ไหน เขาจะทำวิบากกรรมของเขาที่ไหน คุณนุ๊กก็ถามต่อว่า แล้วจะทำยังไงครับ ทหารก็ทำงานกันไม่ได้หรอกครับ ถ้าเป็นแบบนี้ ทุกคนขวัญเสียกันหมดแล้ว คุณนุ๊กก็ขอว่า ช่วยทำให้มันดีขึ้น หรือทำบุญให้เขาได้มั๊ย ให้เขาอโหสิกรรมให้ โต๊ะอิหม่ามก็บอกว่า ทุกคนต้องเข้าศาสนาอิสลาม คุณนุ๊กก็บอกว่า แล้วจะต้องเข้ายังไงครับ ผมเป็นไทยพุทธ ซึ่งผมก็ไม่ยอมแน่ ยังไงผมก็นับถือไม่ได้ โต๊ะอิหม่ามก็บอกว่า ถ้าพวกคุณเข้าอิสลามไม่ได้ พวกคุณยอมตายอีกคนได้มั๊ย เพื่อให้เขาไปเกิดได้มั๊ย และทุกคนก็รักชีวิต ไม่มีใครที่จะยอมตาย โต๊ะอิหม่ามก็หมดหนทางไม่รู้จะทำยังไงกันแล้ว พรานก็บอกพวกคุณนุ๊กให้กลับ อย่าไปสนใจเลย

พอกลับมาถึงที่ค่าย ก็เจอลุงคนแก่ขับรถมอไซด์พ่วงข้างขับผ่านมา ลุงก็ทักว่า พี่ทหารไปไหนมา มีผู้หญิงตามมาด้วย พวกคุณนุ๊กก็ยิ้ม และก็ถามลุงว่า ลุงเห็นหรอ ลุงก็บอกว่า เห็นดิ เขานั่งท้ายกระบะหลังมาด้วยหนะ ลุงก็บอกว่า แล้วทำไมไม่ไปขอขมาเค้า เขาเป็นอะไรตาย คุณนุ๊กก็เล่าให้ลุงฟัง ลุงก็บอกว่า งั้นเดี๋ยวลุงไปด้วย ขอเวลาเตรียมตัวคืนนึง

พอตอนเช้าก็มาเจอกันที่ค่าย ก็ไปกัน 8 คน พอไปถึงตีนเขา ลุงก็ใช้เหล้าขาว และเอาข้าวหมกไก่ที่เหลืองๆวางไว้กล่องนึง แล้วก็เอาอีกกล่องนึงสาดบริเวณรอบๆนั้น แล้วลุงก็ก้มกราบ ซักพักลุงก็บอกว่า เดินตามมาเลย เดินขึ้นมาตรงๆไม่ต้องเลี้ยวซ๊ายเลี้ยวขวาไม่ต้องพัก พวกคุณนุ๊กก็เดินตามลุงขึ้นไป พอไปถึงที่ ก็ราวๆ 6 โมงเย็นละ และก็พาไปดูต้นไม้ที่เผา ลุงก็บอกว่า อยู่เฉยๆ แล้วลุงก็เอาเหล้าวางตั้งไว้ และใช้แป้งของอิสลามวาง แล้วก็เอาผ้าคลุมหัวของอิสลามมาวาง เอาชุดมาวาง เอารองเท้ามาวาง แล้วลุงก็บอกคุณนุ๊กว่า ให้ไปขุดต้นไม้มา เอามาทั้งรากเลย พอเอามาเสร็จ ลุงก็บอกให้เอาต้นไม้ต้นนี้มาวางไว้ เอาดินกลบ แล้วลุงก็สวดคุณนุ๊กก็ถามว่า ทำแบบนี้แล้ว เขาจะไม่มายุ่งกับพวกผมแล้วใช่มั๊ย ลุงก็บอกว่า ที่เขาสวดเพื่อให้วิญญาณดวงนี้หลุดพ้นจากต้นไม้ต้นที่ถูกเผา และก็ให้ไปอยู่ต้นที่ปลูกใหม่

หลังจากเหตุการณ์นี้ คุณนุ๊กก็ให้ทหารเขียนป้ายไว้ว่า เป็นศาลเจ้าแม่อะไรซักอย่าง แปะไว้ แล้วก็มีกระถางมาตั้งไว้ เพื่อไม่ให้คนไปยุ่ง และก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่ว่าก็มีทหารคนนึงที่ขึ้นไปด้วยก็ฝันเห็นผู้หญิงคนนี้ยืนอยู่ที่หน้าต้นไม้ต้นนี้ เขาบอกว่า ถ้าบอกเขาดีๆแต่แรก ก็ไม่ต้องเสียชิวิตกันแบบนี้หรอก สรุปตอนท้ายนิดนึง ก็คือ วันนั้นที่ขึ้นไปทั้งหมด 22 คน เสียชีวิตไป 3 คน กลับลงมา 19 คน และจากเหตุการณ์ที่ไปฉี่ลงข้าว ก็อาจจะเป็นการให้ข้าวเขากิน แล้วพอเขากินอยู่ ก็ดันไปฉี่ใส่เขา ทำให้เขาไม่พอใจ

เรื่องราวทั้งหมดก็ประมาณนี้ แล้วที่สำคัญ คุณนุ๊กนั้นมีรูปที่ทหาร 2 คนผูกคอตายอยู่จริงๆ แต่รูปนี้นั้นไม่ควรที่จะได้รับการเผยแพร่


Cr. The Ghost Radio เรื่อง ผมเตือนคุณแล้ว  คุณนุ๊ก