===Not Click=== ===Not Click===

กระทู้ผีพันทิป : คำผีบอก





เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ฉันประสบอุบัติเหตุ รถโดยสารที่ฉันนั่งไปได้ไถลลงไปที่เกาะกลางถนนแล้วชนเอาเข้ากับต้นไม้ ฉันที่นั่งอยู่ห้องโดยสารด้านหลังแต่นั่งในสุด ถูกผู้โดยสารท่านอื่นอัดกระแทกเข้าเต็มๆตามแรงชนของรถ ทำให้ฉันได้รับบาดเจ็บที่กระดูกค่ะ กระดูกเชิงกรานด้านขวาของฉันแตกออก ตาตุ่มที่ขาซ้ายก็ผิดรูปค่ะ เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องนานพอดู

แต่ก่อนหน้าที่จะเกิดอุบัติเหตุ ฉันฝันค่ะ ฉันฝันว่าได้เดินเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง (จะเรียกว่าฝันก็ไม่แน่ใจค่ะ เหมือนตัวฉันไปเองเลยมากกว่า ฮ่าๆ) เดินไปเรื่อยๆจนสุดทางก็พบกับกระท่อมหลังหนึ่ง ฉันเดินขึ้นไปบนกระท่อมหลังนั้น ก็พบผู้ชายแก่ๆคนหนึ่ง ในฝันเขาดูอายุมากก็จริงนะคะ แต่มีความน่าเกรงขามแผ่ออกมาด้วยยังไงก็ไม่รู้ เขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีขาวค่ะ มีสไบเล็กๆสีขาวพาดอยู่ที่หัวไหล่ (เหมือนสไบที่ผู้เฒ่าผู้แก่ชอบใส่ไปวัดเวลาทำบุญน่ะค่ะ) เหมือนว่าจะนุ่งโจงกระเบนสีขาวและนั่งชันเข่าขึ้นมาเข่าหนึ่งด้วยค่ะ

ฉันนั่งตรงหน้าชายคนนั้น เขายกยิ้มให้ ก่อนที่จะพูดกับฉันประมาณว่า “ฉันจะได้รับอุบัติเหตุนะ ถึงโดนรถชนก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ยังต้องเจอกับเรื่องราวต่างๆอีกมาก เพราะบุญฉันหมดแล้ว ฉันโดนเจอตัวแล้ว” ในฝันฉันรู้สึกตกใจ ฉันกลัวไปหมด ชายตรงหน้าฉันก็เพียงแค่ส่งยิ้มให้แล้วก็บอกว่าเขาช่วยฉันได้เท่านี้ ต่อจากนี้ให้วัดดวงเอา หลังจากจบประโยคฉันก็สะดุ้งตื่นค่ะ อย่างที่ฉันบอกไปว่าเหมือนั่นไม่ใช่ฝัน เหมือนฉันไปเองจริงๆ และฉันยังรู้สึกด้วยว่าฉันคุ้นเคยกับชายแก่คนนี้ที่มาเตือนฉันแต่ฉันก็นึกไม่ออก

ฉันเล่าเรื่องฝันให้แม่แล้วก็เพื่อนที่หอพักฟัง เพื่อนก็บอกว่าฉันคิดมากไป ใครจะดวงซวยได้ขนาดนั้น บางทีฝันก็ไม่แม่นไปสักทุกเรื่อง แม่ฉันเองก็พูดกับฉันคล้ายๆเพื่อนเลยค่ะ บอกว่าบางทีฝันก็เชื่อไม่ได้ อีกอย่างคนที่มาเตือนในฝันเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันคิดมากไปเอง

พอคนใกล้ตัวบอกกันแบบนั้นฉันเองก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ ใช้ชีวิตอยู่ไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในฝัน ขนาดวันที่ประสบอุบัติเหตุฉันยังลืมเลยค่ะว่าเคยฝันเรื่องนี้ไว้

แต่พอตอนที่ฉันนอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อรอแม่มาหา ก็มีเพื่อนมาอยู่ด้วยคนหนึ่งค่ะ เพื่อนฉันกับแม่เขาก็คุยกันเรื่องที่เกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้น ว่าอาจจะเกี่ยวกับที่ฉันฝันขึ้นมาจริงๆก็ได้ เท่านั้นแหละค่ะ ฉันขนลุกทั้งตัว เพราะฉันฝันคืนวันอาทิตย์ เช้าวันจันทร์เล่าให้แม่กับเพื่อนฟัง ตกเย็นวันพุธก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาทันที แม้จะคิดว่าอาจเป็นความประมาทของคนขับ แต่ลึกๆในใจก็อดคิดไม่ได้ค่ะ ว่าอาจจะเป็นฝันบอกเหตุจริงๆก็ได้

ฉันยังเฝ้าหาคำตอบอยู่เสมอว่าคนที่มาเตือนฉันในฝันเป็นใคร จนวันที่ฉันออกจากโรงพยาบาล กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ 2-3 อาทิตย์ และกลับมาพักฟื้นต่อที่สถานศึกษานั่นแหละค่ะ ถึงได้พบกับคำตอบโดยบังเอิญ

หลังจากที่ฉันกลับมาพักฟื้นที่สถานศึกษา อาจารย์ก็ให้ฉันย้ายจากหอพักที่เคยอยู่ก่อนเกิดอุบัติเหตุไปอยู่ที่อาคารอำนวนการในสถานศึกษาแทน เนื่องจากฉันเรียนอยู่ที่ตึกนั้น อีกทั้งที่ตึกก็มีลิฟต์ไม่ต้องขึ้นลงบันไดให้กระดูกกระทบกระเทือนหรือเคลื่อนไปมากกว่าเดิม ในช่วง 2-3 วันแรก ฉันพักที่ชั้นล่าง เนื่องจากห้องพักที่ฉันต้องย้ายขึ้นไปต้องทำเรื่องขอกับผู้อำนวยการก่อน ตอนพักอยู่ชั้นแรกฉันไม่เจออะไรที่เป็นสิ่งผิดปกติถึงแม้ว่าทั้งตึกจะมีแค่ฉันกับเพื่อนที่คอยมาดูแลอยู่กันแค่ 2 คนก็ตาม ฉันนอนหลับได้สบายมาก

จนกระทั่งเรื่องอนุมัติฉันได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการให้ขึ้นไปพักที่ชั้น 5 ของตึกได้ (ที่ตึกนี้ชั้น 5 จะเป็นห้องพักของพี่อบรมในแต่ละรุ่นรวมไปถึงเหล่าวิทยากรที่ทางสถานศึกษาได้เชิญมาในแต่ละครั้ง) เพื่อนฉันก็แวะเวียนมาเที่ยวหา พร้อมกับบอกฉันพลางๆว่า ฉันอยู่ที่ชั้น 5 นั้นไม่เหงาหรอก เพราะมีรุ่นพี่ของเราอยู่ด้วย ฉันก็หัวเราะไปกับเพื่อนแล้วก็บอกว่าจะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีใครอยู่ชั้นนั้นเสียหน่อย เพื่อนฉันคนเดิมก็พูดต่อว่า ลืมไปแล้วหรอพี่ที่เคยประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตนั่นไง แกก็รู้ว่าทุกวันนี้เขาก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน ฉันขนลุกขึ้นมาแล้วก็หันไปมองหน้ากันกับเพื่อนที่อาสาดูแลฉัน พวกเราลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท…

เพราะแบบนั้นฉันจึงเลือกย้ายขึ้นไปพักที่ห้องชั้น 5 ในตอนเช้า ก่อนหน้าที่จะย้ายขึ้นไปบนห้อง ฉันได้ขอให้อาจารย์ที่เป็นหัวหน้าภาควิชาที่ฉันเรียนอยู่เป็นคนอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันนำติดตัวมาด้วยขึ้นไปให้ก่อน (อาจารย์ท่านนี้เป็นคนที่ฉันให้ความเคารพ นับถือ และศรัทธา เหมือนท่านจะมีสัมผัสพิเศษด้วยมั้งคะ ไม่แน่ใจ) อาจารย์ท่านก็เชิญรูปหล่อองค์พ่อปู่ชีวก รูปหล่อท้าวเวสสุวรรณ เหรียญพระนเรศวร  และเหรียญสมเด็จพ่อ ร.5 ขึ้นไปให้ ก่อนเชิญอาจารย์ก็หันาหัวเราะแล้วก็บอกกับฉันว่ากลัวขนาดนี้เลย แน่นอนฉันตอบแบบไม่คิดว่า ค่ะ

ฉันยอมรับว่าตอนที่ขึ้นไปอยู่ชั้น 5 ฉันไม่เจออะไรเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งวันที่พี่อบรมรุ่นหนึ่งมาเข้าพักที่ชั้นนี้ ทำให้ฉันได้พบกับคำตอบทั้งหมดที่สงสัยมานาน

ระหว่างที่พี่อบรมมาพักฉันก็ออกไปข้างนอกห้องบ้าง เนื่องจากต้องออกไปกรอกน้ำดื่มบ่อยๆในเวลาที่เพื่อนไม่อยู่ ออกไปทุกครั้งก็จะเจอพี่อบรมมองมาด้วยความตกใจ เพราะฉันต้องหนีบไม้ค้ำไปด้วยเสมอ พี่อบรมคุ้นหน้าคุ้นตาฉันดี มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนฉันกลับไปทำธุระที่หอพัก ฉันเองก็ออกมาเดินข้างนอก แล้วก็ได้เจอกับพี่อบรมท่านหนึ่ง เขายืนจ้องหน้าฉันนานมากแล้วส่งยิ้มมาให้ ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรยิ้มตอบกลับไป

แต่ทุกครั้งที่ฉันเจอพี่เขา เขาจะจ้องฉันเสมอ ในที่สุดความอยากรู้ก็เอาชนะ ฉันเจอกับพี่เขาพอดี และก็เหมือนเดิม พี่เขาจ้องฉันอีก ถึงตอนนั้นฉันเลยถามไปว่า “พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ” พี่เขาก็มองหน้าฉันแล้วก็บอกว่า “อยากรู้มั้ยว่าคนที่มาเตือนเป็นใคร” ฉันขนลุกไปทั่วทั้งตัว เรื่องความฝันนี้ฉันไม่เคยเล่าให้คนที่ไม่รู้จักฟัง ฉันมั่นใจว่าฉันเพิ่งจะเจอกับพี่เขา แล้วเขารู้ได้ยังไง พี่เขาคงอ่านสีหน้าตกใจปนสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของฉันออก พี่เขาจึงบอกว่า “มาสิเดี๋ยวพี่จะบอก เขาอนุญาตแล้ว”

ที่ห้องพักชั้น 5 จะมีห้องรวมไว้ดูหนังฟังเพลง ฉันก็เดินเข้าไปคุยในห้องนั้นกับพี่เขา หลังจากที่จัดแจงที่นั่งเรียบร้อยแล้วพี่เขาก็ขอจับข้อมือข้างขวาของฉัน หลังจากที่ฉันยื่นให้พี่เขาก็จับแล้วก็หลับตา ในตอนนั้นฉันใจเต้นแรงมาก ไม่รู้สิ มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก มันหนาวๆร้อนๆแบบแปลกๆ พี่เขาจับอยู่สักพักแล้วก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับบอกฉันว่า “หนูรู้มั้ย ถ้าเกิดเหตุตอนกลางคืนหนูไม่รอดหรอกนะ หนูจะไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้แน่ๆ” พอฉันได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ ฉันไม่รู้ว่าที่ฉันกำลังเจออยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะอุบัติเหตุจริงๆหรือเกิดจากสิ่งอื่น

พี่เขาคงสัมผัสได้ถึงความกลัวปนสงสัย เขาจึงได้ยิ้มแล้วบอกฉันต่อว่า “คนที่เขามาเตือนหนู เขาช่วยไว้ หนูน่ะดวงตกจริงๆ บุญหนูเองก็หมดเหมือนกัน เพราะแบบนั้นเจ้ากรรมนายเวรของหนู เลยตามหาหนูเจอ” พอฉันได้ฟังฉันก็ยิ่งจิตตกเข้าไปใหญ่ ฉันเคยฟังผู้เฒ่าผู้แก่เล่ามาบ้างแหละว่าเมื่อใดก็ตามที่เราบุญหมดหรือดวงตก เมื่อนั้นจะถูกตามเจอ แต่ฉันไม่คิดว่าเร่องนี้จะเกิดขึ้นกับฉัน

ทีนี้ฉันก็ถามพี่เขาออกไปเลยว่าสามารถบอกฉันได้มั้ยว่าคนที่มาเตือนฉันเป็นใคร?

พี่เขาก็ยิ้มแล้วก็ถามฉันว่าคนที่มาเตือนฉันน่ะเป็นคนแก่ใช่มั้ย แล้วพี่เขาก็ยังบอกท่าทางการแต่งตัวได้ถูกหมดเลยด้วย พี่เขาบอกว่า “ถ้ารู้แล้วก็ลงไปไหว้ท่านซะนะ เพราะคนที่มาเตือนหนูเขานั่งอยู่ที่ศาลาข้างล่าง” ถึงตรงนี้ฉันขนลุกให้พรึ่บเลยค่ะ ขนนี่ลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่ศาลาข้างล่างในบริเวณอาคารอำนวยการนี้ เป็นที่ประดิษฐานองค์พ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์ บิดาแห่งการแพทย์แผนไทย หลักสูตรที่ฉันเรียนอยู่…

พี่เขาเสริมต่ออีกว่าเพราะฉันเป็นลูกของเขา ทุกคนที่เรียนที่นี่เป็นลูกขององค์พ่อปู่จึงไม่แปลกที่ท่านจะมาช่วยเหลือ แต่ท่านก็ทำได้แค่ในขอบเขตของท่าน ฉันถึงได้รับผลกรรมมาบ้าง

ฉันนิ่งอึ้งไป มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลยค่ะ และก่อนหน้าที่จะแยกย้ายกัน พี่เขายังบอกกับฉันอีกว่าไม่ใช่แค่องค์พ่อปู่นะที่คอยดูแล อีกองค์หนึ่งที่คอยดูแลอยู่ตลอดและคอยช่วยก็องค์ท้าวเวสสุวรรณนั่นแหละ  (ต้องขอบอกก่อนนะคะว่า ฉันเป็นคนกลัวผีขึ้นสมอง เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่ป้องกันภูตผีได้ ฉันจะหามาไว้กับตัว แน่นอนค่ะฉันขอท้าวเวสสุวรรณกับแม่ ตั้งแต่ที่ได้องค์ท้าวมาฉันก็ไม่เคยเจอกับสิ่งลี้ลับเลย อย่างมากก็มักจะมาในรูปแบบฝันมากกว่าค่ะ ฉันไม่ค่อยฝันบ่อยแต่ถ้าฝันก็จะเป็นประมาณนี้แทบทุกครั้งไปค่ะ แต่นั่นต้องเป็นฝันที่เป็นรูปเป็นร่างนะคะ ไอ้ที่ปะติดปะต่อไม่ได้นี่จะไม่ค่อยเกิด ฮ่าๆ) แล้วที่สำคัญฉันยังมีพ่อคอยอยู่ดูแลด้วย (พ่อฉันเสียชีวิตได้ประมาณ 8 ปีแล้วค่ะ) ถึงตรงนี้ฉันนั่งร้องไห้เลยค่ะ

หลังจากที่พี่เขาเล่าให้ฉันฟัง ฉันไม่รู้ว่านี่ใช่เรื่องจริงมั้ย เพราะมันเป็นเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้ด้วยหลักการหาเหตุและผล  แต่ลึกๆในใจฉัน ฉันก็เชื่อนะคะว่าไม่ว่าจะเป็นพ่อปู่หรือใครก็ตามที่มาเตือนฉันในฝัน ฉันอยากจะขอบคุณที่อย่างน้อยๆยังทำให้ฉันมีชีวิตอยู่


ขอบคุณเรื่องเล่าจาก : สมาชิกหมายเลข 1950985