===Not Click=== ===Not Click===

นิยายสยองขวัญ : ซอครวญ ตอนที่ 2 โดย ธีร์ วรรณกร






“เฮ้ย!!!!บ….บ้าแล้ว!!! กลิ่นนี่..มัน…มันมาได้ยังไงกันเนี่ย!!!” วีระตะโกนลั่นอยู่ในห้วงแห่งความคิด
และก่อนที่เขาจะสามารถตั้งสติรับอะไรได้ทันนั้นเอง มันก็เหมือนกับถูกผีซ้ำด้ำพลอยเข้าไปอีก เพราะทันใดนั้นหูเจ้ากรรมของเขาดันไปได้ยินเสียงๆหนึ่งเข้า มันดังเรื่อยๆเอื่อยๆฟังโหยหวนพิลึก เมื่ออดทนเงี่ยสดับอยู่ชั่วครู่มันก็ต้องทำให้ครูเวรคนใหม่ถึงกับขนลุกซู่ตั้งชันไปทั่วทั้งร่างกายแม้กระทั่งทรงขนบนหัว เพราะเสียงที่ดังมาจากที่ลึกลับแห่งใดมิอาจทราบได้นั้นมันก็คือ

ท่วงทำนองเสียงซอสำเนียงอีสานที่โอดครวญน่ารันทดหดหู่ใจเป็นที่สุด แต่ก็แฝงไปด้วยความลึกลับน่าสะพรึงพรั่นจนทำให้เย็นวาบไปทั้งกระแสเลือด มันค่อยๆสอดประสานกับเสียงหมาจรจัดที่มาอาศัยอยู่ในบริเวณโรงเรียนซึ่งพร้อมใจกันหอนระงมกันซะเหมือนกับว่ามันเป็นเสียงบทเพลงที่บรรเลงจากฝีมือของภูติผี

ในตอนนี้เขาแทบคลั่งหัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะเสียงซอที่จะว่าไพเราะหรือน่ากลัวดีนั้นก็ยังคงดังมาเรื่อยๆอยู่ไม่ขาด แต่เขานี่สิคือผู้ที่จะขาดใจอยู่รอมร่อ เพราะเสียงซออันน่าขวัญบินที่โหยหวนครวญรำพันอยู่นั้น มันทำให้เขาต้องเอามืออุดหูไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียงของโน้ตเพลงแม้แต่ตัวเดียว
เหงื่อกาฬไหลพรากๆราวกับออกกำลังกายมาหมาดๆ สองขาสั่นระริกอ่อนระทวยแทบล้ม

“นี่….นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นนี่ ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย!!!!” ครูวีระแผดตะโกนลั่นจ้ำอ้าวๆเปิดประตูหนีออกมาแทบไม่ทัน และเมื่อออกมาข้างนอกเสียงซอที่แสนรันทดในท่วงทำนองนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

ใช่….ใช่แล้ว….เจ้าเสียงซอจากโลกอมนุษย์นั้นมันต้องมาจากที่ใดสักที่ๆสามารถมีเครื่องดนตรีเป็นแน่….!!!!! คิดได้ดังนั้นเขาก็ต้องถึงกับตาเบิกโพลงอ้าปากค้างเพราะที่ๆมีเครื่องดนตรีทุกประเภทก็คือ..ห้องดนตรีซึ่งอยู่ติดๆกับห้องหมวดที่เขาเข้ามาพักนอนเข้าประจำเวรอยู่นั่นเอง

เสียงซอที่เอื้อนเอ่ยร่ำสำเนียงลายซอเศร้าอีสานอันกำลังถูกบรรเลงอยู่ในยามนี้ก็ยังทำหน้าที่สร้างความเขย่าขวัญของมันให้กับเขาอย่างไม่ขาดช่วง วีระตัวสั่นเพราะความกลัวเหลือเกินบรรยาย

และในช่วงวินาทีแห่งการเผชิญเหตุการณ์อันน่าพิศวงอยู่นั้นเอง ครูหนุ่มตัดสินใจกลั้นลมหายใจแล้วหลับตาลงนับหนึ่งถึงสาม จากนั้นเขาก็หันกลับหลังขวับในทันทีนั้น ซึ่งสถานที่เบื้องหลังก็คือห้องดนตรีที่เป็นที่มาของเสียงซออันน่าขนลุกนั้น และในที่สุดเมื่อลืมตาขึ้นเขาก็แทบจะต้องเป็นลมสิ้นสติไปในบัดนั้น เพราะภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา ณ ตอนนี้ก็คือ… ภายในห้องดนตรีอันเป็นประตูกระจกใสสามารถมองทะลุไปถึงด้านในได้นั้น ร่างหนึ่งอันดำเป็นเงาทะมึนเด่นชัดซึ่งถูกแสงไฟที่สาดส่องจากด้านนอกเข้าไปเล็กน้อยนั้น แสดงให้เห็นชัดว่าเป็นร่างของบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งหันหลังให้พร้อมกับสีบรรเลงซออันสุดที่จะขนพองสยองเกล้าอยู่ตรงนั้น

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเมื่อตอนเลิกเรียนครูวีระจำได้ว่าเขานั่นแหละที่เป็นคนล็อคประตูห้องดนตรีเองกับมือ แล้วชายคนนั้นเป็นใครกัน? มาจากที่ไหน? และเข้าไปในห้องได้อย่างไรในเมื่อประตูถูกล็อคอยู่แท้ๆ!!!??

วีระอ้าปากค้างด้วยความตะลึงงันพลันก็ร้องว้าก…..!!!!ลั่นขึ้นแทบจะหมดลม หันหน้ากลับมาดังเดิมวิ่งหน้าตั้งฝ่าเสียงซอปีศาจและเสียงหมาหอนหนีออกจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองสิ่งใดๆอีกทั้งสิ้น ปล่อยให้ประตูห้องหมวดเปิดอ้าซ่า พร้อมกับแสงไฟที่สว่างโร่อยู่อย่างนั้น ในความคิดของเขาตอนนี้จุดหมายก็คือป้อมยามของลุงยามที่ตรวจตราด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้นั่นเอง และเขาก็หวังว่าเมื่อไปถึงเขาก็จะพบตัวลุงแกเพื่อเป็นที่พึ่งหนีผีให้ได้เช่นกัน สองเท้าจ้ำอ้าวๆอย่างกับแข่งวิ่งสี่คูณร้อยก็ไม่ปาน ปากก็แหกตะโกนลั่นเกือบจะไม่เป็นภาษา

“ลุง…!!!ลุงยามครับ…!!!ช่วยผมด้วย!!!ผม…ผมโดนผีหลอก…!!!ลุง!!!”

วีระทั้งเหนื่อยทั้งหอบกินอยู่แทบขาดใจ เมื่อถึงหน้าป้อมยามก็ทรุดลงพาร่างแผ่หลาไม่เป็นท่า ทันใดนั้นเองร่างของคนยามวัยกลางคนซึ่งเข้าเวรประจำที่ป้อมอยู่แล้วก็ถลันออกมาจากประตูอย่างร้อนรนและงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“อ้าว!!!คุณครูนี่เอง….อะไรกันครับเนี่ย…ร้องซะลั่นเชียวผีเผออะไรที่ไหนมาหลอกเล่า….?เอ๊อ…มาๆครับมาๆเข้ามาข้างในนี่มานั่งพักคุยกันให้หายเหนื่อยหายตกใจก่อน”

พูดพลางคนยามก็เดินเข้าไปพยุงกายของวีระให้ลุกขึ้นพร้อมกับประคองไปถามอาการไป แล้วก็เชิญให้เขาเข้าไปนั่งพักที่ภายในป้อม

ครูหนุ่มผู้ขวัญกระเจิงไปเมื่อหมาดๆนี้ทิ้งก้นลงบนเก้าอี้ของคนยามที่นำมาจัดไว้ให้อย่างแรงแทบจะทะลุเพราะความเหนื่อยหอบ เขาพยายามผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติอยู่ครู่พร้อมกับการตั้งสตินั้นเองพลันก็ค่อยๆเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“เอ่อ….ลุงครับ…ที่…ที่ผมแหกปากลั่นเมื่อกี้ว่าผีหลอกน่ะครับ คือ…ผมโดนผีหลอกมาจริงๆจังๆประจันหน้าเลยนะครับลุง… ผมไม่ได้ล้อเล่นนา…”

“ครูคงจะเจออะไรก๊อกๆแก๊กๆธรรมดาตามประสากลางค่ำกลางคืนที่อาจจะมีหมาแมวที่ไหนมันมาเดินชนโน่นชนนี่ กัดกันขู่กันไปปกติละมั้งครับผมว่า แล้วครูอาจจะคิดมากไปเองก็ได้…” คนยามวัยห้าสิบต้นๆเอ่ยกับเขาอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ

“โถ่…..ลุงครับก๊อกๆแก๊กๆธรรมดาอะไรที่ไหนกันล่ะครับ ทั้งเสียงทั้งภาพทั้งกลิ่นทั้งหมาก็หอน มาครบจัดเต็มเลยนะครับลุง!!!” ครูวีระยืนยันเสียงแข็ง

“อืม….งั้นไหนครูลองเล่ามาให้ผมฟังหน่อยซิครับ ว่าครูไปเจอเหตุการณ์อีท่าไหนมาบ้าง ถึงได้เตลิดเปิดเปิงแทบอยู่ไม่ได้จนต้องวิ่งมาหาผมซะขนาดนี้น่ะ…”

“เอ่อ….คืองี้นะครับลุง ตอนแรกๆผมก็ได้กลิ่นคาวๆของเลือดมาก่อน หาต้นตอที่ไหนก็ไม่เจอ ต่อมาจากนั้นก็มีเสียงสีซอดังมาอีก ผมนี่ขนลุกขนชันสติสตังค์แทบบ้า ผมเลยตัดสินใจวิ่งออกมาจากห้องเสียก่อน จนกระทั่งได้ยินเสียงซอมันดังชัดเจนขึ้น ลุงครับสาบานให้ฟ้าผ่าผมเถอะ ทั้งเสียงหมาหอนทั้งเสียงซอมันสอดประสานกันจนน่ากลัวจับใจเลยครับลุง จากนั้นผมก็กลั้นใจหันหลังกลับไปทางต้นเสียงเพื่อดูให้รู้แน่ว่าอะไรเป็นอะไร พอลืมตาเท่านั้นแหละครับลุง โอ้ย!!!หัวใจจะวาย คือไอ้ที่ผมเห็นนะ คือตรงประตูห้องดนตรีมันเป็นกระจกลุงก็รู้ซึ่งมันมองเห็นอะไรค่อนข้างชัดเจนมาก แม้ในเวลากลางคืนก็ตามเถอะ ลุงรู้มั้ยผมเห็นอะไร?” วีระหยุดสาธยายไปเหมือนเป็นจังหวะเปิดถามให้ตอบ

“ว่าต่อไปครับครูผมฟังอยู่…” ลุงยามพูดขึ้นอย่างให้ความสนใจแต่น้ำเสียงราบเรียบ

“คือ….ผมเห็นมีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งสีซออยู่ในห้องดนตรีครับทั้งๆที่ผมก็ล็อคห้องแล้วตั้งแต่ช่วงหลังเลิกเรียน เห็นเป็นเงานะแต่สีซอ เสียงนี่ฟังชัดเจนมาก จะว่าเพราะก็เพราะจะว่าน่ากลัวก็เข้าที เนี่ย….อย่างเนี้ยแล้วลุงคิดว่าไม่ใช่ผีจะเป็นอะไรอีกล่ะครับ…?!!!”

เมื่อฟังคำพูดของครูวีระจบลุงยามนั้นก็มีสีหน้าอาการตกใจเล็กน้อยพลางแอบลูบแขนอยู่ไปมาเบาๆ ทำท่าทางตาโตเหมือนกับว่าจะสะกิดสะดุ้งใจขึ้นมาได้ในทันที แต่แล้วก็ส่ายหน้าเปลี่ยนอาการโดยเร็วกลับมาปั้นหน้าขรึมดังเดิมแล้วพูดออกมาในเชิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า

“เอ่อ….นี่ครูครับ…. ครูแน่ใจนะครับว่าครูไม่ได้คิดมากหรือหลอนจิตที่ปรุงแต่งไปเองน่ะ?”
“โอ้ยยย!!!ลุงครับเชื่อผมเถอะ ต่อให้ไปสาบานศาลไหนทั่วประเทศผมก็ไม่ตายครับ ผมยืนยันนอนยันเลยครับนี่เอ้า!!!….เนี่ยวิ่งมาก็มาหลบผีหวังมีที่พึ่งกับลุงนี่แหละครับ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ผมห่มผ้านอนหลับปิดไฟนอนกรนคร่อกไปเรียบร้อยแล้ว ไม่วิ่งหน้าตั้งมาหาลุงถึงป้อมหรอกครับ…” วีระยังคงยืนยันแข็งขันสาธยายจนหมดไส้

“อ่า….เอางี้ดีมั้ยครับ? เพื่อเป็นการยืนยันและพิสูจน์ในความเป็นจริง ผมจะให้ครูพาไปดูถึงจุดเกิดเหตุหน่อยจะได้มั้ยล่ะครับ?” ลุงยามเสนอขึ้นทำเอาครูหนุ่มหัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มในบัดดล

“ฮะ!!!?? อะไรนะครับลุง? นี่จะให้ผมพาไปดูอีกเรอะ? บ้าแล้วครับไม่เอาด้วยหรอก ถ้าจะไปก็เชิญลุงนำหน้าเลยครับ ผมยอมรับเลยว่าตอนนี้ปอดแหกปอดฉีกไปเรียบร้อยแล้วครับ ไอ้เรื่องพาไปเห็นทีจะเป็นหน้าที่ลุงแล้วล่ะ…” วีระโพล่งลั่นด้วยอาการหวาดผวาที่สุด

“เอ้า…จะเอางั้นก็ได้ ในเมื่อเป็นความต้องการของครูผมก็จะนำครูไปดูเอง ว่าผีที่มาหลอกน่ะ ความจริงเป็นอะไรกันแน่ หรือมีจริงหรือไม่… ไป…ไปกันเดี๋ยวนี้เลยครับครูแล้วครูเองก็จะได้เห็นกับตาว่ามันไม่มีอะไรอย่างที่ครูคิดหรือเชื่อว่าเห็นมา..”

วีระนั่งทำใจและสงบสติอารมณ์ให้ดีขึ้นอีกหน่อยอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจ พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าพร้อมแล้วกับการไปตรวจจุดที่เขาโดนผีหลอกเมื่อครู่กับลุงยาม โดยมีเงื่อนไขที่ทำให้อุ่นใจขึ้นนิดหน่อยว่าต้องให้ลุงยามนั่นแหละเป็นคนนำไป ซึ่งการเจรจานั้นมันก็ง่ายดายกว่าที่เขาคาดคิดไว้แต่ต้นเสียอีก
จากนั้นทั้งสองคนจึงได้ออกจากป้อมพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องดนตรีอันเป็นแห่งที่ครูวีระได้บอกไว้ว่าพบเจอกับสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ที่นั่น โดยมีลุงยามเป็นผู้เดินนำหน้าก้าวอาดๆไปอย่างไม่สะทกสะท้านในมือก็ถือไฟฉายกราดไปตามทาง ส่วนตัวครูวีระเองนั้นก็เดินไปด้วยอาการที่หวาดหวั่นอยู่ไม่คลาย พลางมองหน้าสะดุ้งหลังอย่างไม่แคล้วระแวง

เสียงหมาหอนที่เคยระงมอื้ออึงอยู่ชั่วอึดใจก่อนก็ซาลงบ้างแล้ว ยังแต่เพียงส่งเสียงเห่ามาเป็นระยะๆอยู่เช่นนั้นตามประสา และในทันทีที่ร่างของลุงยามและครูหนุ่มก้าวมาถึงลานโล่งหน้าห้องซึ่งห่างจากประตูของห้องดนตรีไม่เกินห้าเมตร ลุงยามก็พยายามเงียบเหมือนจะนิ่งฟังอะไรอยู่สักพักพลันก็ถามขึ้นว่า

“อ่ะ..ไหนล่ะครับเสียงซอผีที่ครูว่าผมไม่เห็นได้ยินเลย?”

“โถ่ลุง!!ก็เมื่อหยกๆนี้มันยังมีอยู่นา…หรือไม่ว่าผีตนนั้นจะหายตัวไปแล้วก็ได้นะลุง” วีระยังคงหนักแน่นในคำพูดเช่นเดิม

“ยังหนุ่มยังแน่น….คนรุ่นใหม่แท้ๆไหงเชื่ออะไรง่ายๆแบบนี้ล่ะครับครู?” ยามอาวุโสพูดกลั้วหัวเราะพร้อมส่ายศีรษะไปมาช้าๆ

“ก็ไอ้เหตุการณ์ที่ได้เห็นกับตานี่แหละครับที่ทำให้เชื่อ..”

“เอ้า!!!แล้วไหนล่ะ..คนนั่งสีซอเป็นเงาที่ครูว่า….นั่น….มองไปผมก็ไม่เห็นมีอะไรเลย..?”

“ผมบอกแล้วว่าผีมันก็อาจจะไปแล้วก็ได้นะครับลุง แบบในหนังอ่ะอีกคนหนึ่งเห็นแล้วอีกคนมาดูก็ไม่พบอะไร”

“แหม….ถ้าครูเชื่อว่าเห็นจริงผมก็จะไม่แย้งอะไรต่อไปอีกแล้วล่ะครับ ว่าแต่…ครูเหอะจะนอนไหนล่ะครับเนี่ยหรือว่าในห้องหมวดที่เดิม?” ลุงยามโยนคำถามตัดบท

“โห….ใครมันจะไปนอนได้ล่ะครับเจอเข้าจังๆใกล้ตัวอีแบบนี้ ขืนนอนๆไปผีมาอีกผมนี่จะไม่ช็อคตายเสียเรอะครับคราวนี้?” ครูหนุ่มพูดพลางลูบแขนด้วยอาการขนลุก


อ่านต่อ ซอครวญ ตอนที่ 3