ปิดเทอมหลอน : คุณโอ๋

ปิดเทอมหลอน

เล่าโดย : คุณโอ๋

    เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่คุณโอ๋อายุประมาณสิบขวบ ราวๆยี่สิบห้าปีที่แล้ว ตอนนั้นคุณโอ๋ที่เป็นเด็กอยู่ คุณพ่อคุณแม่ ได้พาคุณโอ๋ไปฝากไว้กับคุณปู่คุณย่า เพื่อช่วยเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก

    ส่วนน้องชายของคุณโอ๋นั้น คุณพ่อกับคุณแม่จะเป็นผู้เลี้ยงดูเอง เป็นธรรมดาที่คุณโอ๋จะต้องคิดถึงทางบ้าน จะมีโอกาศได้พบเจอกัน ก็ต่อเมื่อถึงช่วงปิดเทอม

    และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นในช่วงที่คุณโอ๋กำลังปิดเทอม คุณโอ๋จะต้องไปนอนค้างที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่ ทุกๆเช้าคุณโอ๋กับน้องชาย มักจะแอบมานั่งวางแผนกันว่า จะเล่นอะไรกันดี สาเหตุที่ต้องมาแอบเล่นกันนั้น เนื่องจากว่าคุณแม่ จะไม่ค่อยยอมให้พาน้องไปเล่นที่ไหนไกลๆ

    เนื่องจากบริเวณโดยรอบนั้น จะเป็นสวน แล้วก็มีท้องร่อง ซึ่งเอาไว้ปลูกผักบุ้ง เป็นของเพื่อนบ้าน ที่อาศัยอยู่ในระแวกเดียวกันนั่นเอง คุณโอ๋กับน้องชายก็ได้ตกลงกันว่า จะไปจับปลาหางนกยูงเล่นกัน

    สองพี่น้องก็เลยพากันไปชวนเพื่อนบ้านแถวนั้น ที่สนิทกันไปด้วยอีกสองคน และในขณะที่เด็กๆทั้งกลุ่ม กำลังดักช้อนปลาอย่างสนุกสนาน ก็มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ไม่มีใครคุ้นหน้ามาก่อน มาขอเล่นด้วย

    เด็กคนนั้นได้แนะนำตัวว่า ตัวเค้าเองชื่อว่าต้น ซึ่งตามประสาเด็กๆ การมีเพื่อนใหม่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี เด็กๆทั้งหมดจึงรวมกลุ่มจับปลากันอย่างสนุกสนาน จู่ๆ ต้นก็บ่นขึ้นมาว่า "ปลากัดหายไปไหนหมด เมื่อกี้ก่อนที่จะเจอกับพวกนาย เรายังได้มาสามตัวเลย"

    แล้วต้นก็เปิดกระป๋องนมที่ถือมาให้ทุกคนดู ข้างในมีปลากัดอยู่สองสามตัว แล้วพูดต่อว่า "เอาไปปล่อยไว้ที่บ้านสิบกว่าตัวแล้ว" พวกเพื่อนๆรวมทั้งคุณโอ๋ต่างไม่มีใครเชื่อ เพราะปลากัดมันจะมาอยู่แถวนี้ได้ยังไง

    ต้นจึงพูดว่า "เราจะพาไปดูที่บ้านก็ได้ ถ้าเกิดไม่เชื่อ แล้วจะแบ่งให้คนละตัว" ทุกคนจึงพากันเดินลัดสวนออกมา จนถึงคลองใหญ่ ต้นชี้ข้ามไปฝั่งตรงข้าม แล้วบอกว่า "สังกะสีกั้นรั้วนั่นแหละ หลังบ้านเราเอง มาสิ อาก๋งของเราไม่ว่าหรอก"

    คุณโอ๋และน้องชาย รวมไปถึงเพื่อนอีกสองคน หันหน้าเข้าปรึกษากัน แต่ยังไม่ทันได้คุยกันรู้เรื่อง พอหันกลับไปมอง เห็นต้นไปยืนอีกฝากหนึ่งของคลองแล้ว แทบไม่น่าเชื่อ ทางปูนที่พาดอยู่บนคลอง หน้ากว้างประมาณไม้บันทรรครึ่ง ความกว้างของคลองเกือบสิบห้าเมตร

    ทำไมต้นถึงข้ามไปเร็วมาก คุณโอ๋เก็บความสงสัยไว้ก่อน ต้นก็ตะโกนถามกลับมาว่า "ตกลงว่าไง พวกนายจะเอาปลากันมั้ย" ด้วยความที่อยากได้ปลากัด คุณโอ๋จึงรีบเดินข้ามไปทันที จนถึงอีกฝั่ง

    แต่กลับไม่มีใครเดินตามคุณโอ๋ไปเลย เอาแต่ยืนจดๆจ้องๆกันอยู่ที่เดิม อาจเป็นเพราะว่า กลัวจะมีคนเอาเรื่องไปฟ้องที่บ้าน เพราะการเดินข้ามคลองในลักษณะนี้ มันค่อนข้างอันตรายมากสำหรับเด็กๆ ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาจริงๆ อาจถึงแก่ชีวิตได้

    คุณโอ๋เลยตัดสินใจ ตะโกนบอกทุกคนว่า "รออยู่ฝั่งนั่นแหละ ดูแลน้องเราให้ด้วย เดี๋ยวเอาปลากัดกลับไปให้เอง" เพื่อนสองคนก็ตกลงตามนั้น ต้นเดินเข้าไปอ้าแผ่นสังกะสี จนพอที่จะสามารถมุดตัวเข้าไปได้ แล้วคุณโอ๋ก็มุดตามเข้าไป

    บ้านของต้น เป็นบ้านไม้สองชั้น ทรงคล้ายๆกับอาคารโรงเรียน หลังใหญ่พอสมควร ทั้งคู่เดินไปจนถึงหน้าบ้าน คุณโอ๋สังเกตเห็นว่า ต้นแสดงท่าทางร่าเริงกว่าปกติ เหมือนกำลังดีใจเป็นอย่างมาก ที่มีเพื่อนมาเที่ยวบ้าน

    ต้นวิ่งนำขึ้นบันไดไปชั้นสองของตัวบ้านอย่างรวดเร็ว จนคุณโอ๋แทบมองตามไม่ทัน แล้วตะโกนเรียกให้คุณโอ๋ตามขึ้นมาเร็วๆ แล้วหันไปตะโกนเรียกก๋งว่า "ก๋ง ต้นพาเพื่อนมาเล่นที่บ้านด้วย"

    คุณโอ๋กำลังจะก้าวขาเหยียบขั้นบันได แต่ก็ต้องหยุดชะงัด เพราะได้ยินเสียงๆหนึ่ง "เพี๊ยะ!!" และตามด้วยเสียงของคนแก่ตะคอกว่า "ลื้อไปบอกให้มันออกไป" คุณโอ๋คิดว่า ต้นคงจะโดนตีแน่ๆ จึงตะโกนอยู่ที่หน้าบันไดว่า "เรากลับบ้านก่อนนะต้น"

    สายตาก็เหลือบไปเห็นฝุ่นผง เกาะอยู่ตามขั้นบันไดหนาเตาะ คุณโอ๋นั่งลงพินิจดูสักครู่ ถึงแม้ว่าคุณโอ๋ยังเด็ก แต่ก็พอจะแยกออก ว่าบ้านที่มีคนอยู่กับบ้านร้าง สภาพมันเป็นยังไง

    คุณโอ๋คิดได้เช่นนั้นก็รู้สึกขนลุกตั้ง ชาไปทั้งตัว ลมพัดต้นไม้ใหญ่ข้างตัวบ้าน เสียงดังซ่าๆ ลมเย็นยะเยือกพุ่งปะทะตัวเป็นระลอกๆ ทำให้คุณโอ๋จิตหลุดพอสมควร คุณโอ๋รีบเดินจ้ำกลับไปทางเดิมทันที โดยที่ยังก้มหน้าอยู่

    พยายามหาแผ่นสังกะสีที่สามารถเปิดออกได้ แต่ไม่ว่าจะงัดแผ่นไหน ก็ไม่เจอแผ่นที่จะสามารถเปิดอ้าออกได้เลย ระหว่างที่กำลังง่วนอยู่กับการหาทางออก เสียงของต้นก็ตะโกนลงมาจากตัวบ้านว่า "ไม่ต้องกลับไปแล้ว อยู่เล่นกันเราที่นี่เถอะ ไม่ต้องกลับเลย"

    คุณโอ๋เหลียวกลับไปมองที่ตัวบ้าน ก็เห็นเข้ากับสภาพของตัวบ้านผิดไปจากเดิม ไม้บางแผ่นข้างฝาบ้านผุพัง จนมองเห็นเป็นรูดำๆ คราบสีเทาๆขึ้นเกาะเป็นจุดๆ หน้าต่างบางแผ่น ห้อยพับลงมา เหมือนกับว่าพร้อมจะหลุดได้ทุกเมื่อ

    คุณโอ๋พยายามสอดส่องสายตามองจนทั่ว แต่ก็ไม่พบตัวของต้น เริ่มทำให้คุณโอ๋แน่ใจขึ้นทุกที ว่าต้นต้องไม่ใช่คนแน่นอน แต่ก็คิดในใจว่า นี่มันพึ่งจะเที่ยงวัน ผีที่ไหนมันจะออกมาหลอกกลางวันแสกๆ

    แต่ยังไงซะ ก็ต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน ในเมื่อหาทางมุดออกไปทางหลังบ้านไม่ได้ ก็คิดว่าจะลองวิ่งไปออกทางรั้วหน้าบ้านดูสักตั้ง ระหว่างนั้น เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของต้น ก็เริ่มดังขึ้นที่ชั้นสองของตัวบ้าน

    เสียงนั้นดังระงมไปทั่วบริเวณของบ้าน สลับกับเสียงร้องเรียกชื่อของคุณโอ๋ ด้วยประโยคซ้ำๆว่า "อยู่กับเรา..อย่าไป..เราอยู่คนเดียว" คุณโอ๋คิดว่าถ้าช้ากว่านี้คงไม่ดีแน่ รีบพุ่งตัวเลาะกำแพงสังกะสีของบ้าน ไปให้ถึงประตูรั้วหน้าบ้านให้เร็วที่สุด

    ร้องสะอื้นในลำคอเบาๆ รู้ซึ้งถึงความกลัวสุดขีด จนไปถึงอีกฝั่งของบ้าน เสียงร้องเรียกอันเย็นยะเยือก ยังคงดังออกมาจากบ้านที่มืดทึบ คุณโอ๋มองไปตามรั้วบ้าน ก็ต้องเข่าทรุดลงทันที เพราะว่ารั้วทางฝั่งนี้ ก็ไม่มีประตูเช่นกัน

    เป็นรั้วสังกำสีเก่าๆ พันด้วยต้นตำลึงจนเป็นพุ่มหนา คุณโอ๋ตัดสินใจ เหยียบไม้โครงยึดสังกะสี ปีนข้ามไปอีกฝั่ง แล้วกระโดดลงพื้น พอเท้าแตะถึงพื้น เสียงเรียกชื่อเย็นยะเยือกนั่น กลับดังขึ้นอยู่อีกฝั่งของกำแพงสังกะสี เหมือนกับว่า ต้นมายืนร้องเรียกอยู่ข้างกำแพง

    ทำให้คุณโอ๋ผวา ถอยหลังจนเกือบจะเสียหลัก แต่ในใจก็เป็นห่วงน้องเช่นกัน จึงรีบวิ่งอ้อมไปยังอีกฝั่ง จนถึงจุดที่น้องชายและเพื่อนๆยืนรออยู่ แต่ก็ต้องตกใจ เพราะไม่เห็นใครยืนอยู่เลย แม้แต่คนเดียว

    จึงตัดสินใจ วิ่งไปหาบ้านเพื่อน ด้วยใจที่ร้อนรน จนไปถึงหน้าบ้าน คุณโอ๋ร้องตะโกนหาเพื่อนสุดเสียง จนเพื่อนเดินลงมาจากบ้าน คุณโอ๋นรีบถามว่า น้องชายของตนเองอยู่ไหน เพื่อนก็บอกว่า เดินไปส่งที่บ้านตั้งนานแล้ว เป็นคำตอบที่ทำให้คุณโอ๋โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก

    เพื่อนบอกว่า เห็นคุณโอ๋หายไปนาน จึงพากันแยกย้ายกลับบ้านก่อน หลังจากนั้นอีกสองวัน เพื่อนของคุณแม่มาหาที่บ้าน แล้วก็พูดกันถึงเรื่องนี้ เล่ากันไปเล่ากันมา ได้ความว่า

    เดิมที บ้านหลังที่ล้อมรั้วสังกะสี เคยมีปู่อาศัยอยู่กับหลานเพียงลำพัง แต่ปู่ได้เอายาฆ่าแมลงให้หลานกิน ก่อนที่จะผูกคอตายตามหลาน เพื่อหนีหนี้สิน กว่าจะมีคนมาพบศพ ก็เกือบจะครบเดือน

    เพราะชาวบ้านที่สันจรผ่านบ้านหลังนั้น ได้กลิ่นเหม็นเน่า โชยออกมาจากตัวบ้าน และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

0 Comments:

Post a Comment