ย้อนไปปี 2537 ตอนนั้นเรากำลังจะขึ้น ม.1 ย่าทวดหรือที่บ้านเราเรียกว่า ย่าแก่ กำลังอยู่ในช่วง ตรอมใจ เพราะอาเสียด้วย อุบัติเหตุรถประสานงา สภาพศพแทบจำไม่ได้ และอีกสาเหตุคือ อาคนเล็กที่ย่าทวดเลี้ยงมา หนีออกจากบ้าน
หลังจัดงานศพอาที่ตาย จากเดิมที่ย่าแก่มักจะอารมณ์ดี มีเรื่องราวสนุกๆ ในอดีตมาเล่าให้หลานๆ ได้ฟังอยู่เสมอ เสากลางบ้านจะเป็นที่นั่งประจำของย่าแก่ จะมีชุดเชี่ยนหมากวางไว้ รวมกับของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น เครื่องแต่งกายแปลกตา นุ่งจูงกระเบนตามแบบคนสมัยเก่า เข็มขัดนากคาดเอว สวมเสื้อเชิ้ตคอบัวแขนสั้น ทำผมมวยมีปิ่นปักเป็นเอกลักษณ์ที่ใครเห็นปุ๊ปเป็นจำได้
ย่าแก่เริ่มไม่พูดกับใคร ไม่กินข้าว และหมดแรงลงในที่สุด คืนสุดท้ายที่เราได้นอนกับย่าแก่ เราช่วยกันกับน้องสาวกางมุ้งพาย่าแก่เข้านอน พยายามพูดคุยซักถาม หวังว่าย่าแก่จะโต้ตอบเราบ้าง แต่ก็ไม่มีการโต้ตอบใดๆ ย่าแก่ได้แต่นอนลืมตานิ่งๆ เราทำได้แค่นอนกอดย่าแก่แล้วหลับไป จนเช้ามาร่างกายของย่าแก่ก็เย็นและแข็งแล้ว เมื่อทุกคนทราบแล้ว ใช้เวลาเศร้าโศกกันพอสมควร จึงช่วยกันตระเตรียมพิธี
เราจัดพิธีศพที่บ้าน ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ กว่าข่าวจะไปถึงอาคนเล็กที่หนีไป ต่อไปเราจะเรียกเขาว่าพี่สาว เพราะถูกให้เรียกพี่ตั้งแต่เด็ก ก็เป็นการสวดคืนที่ 3 แล้ว ด้วยงานศพ ที่ต้องช่วยกันจัด ต้องทำ ต้องเก็บล้างจนดึกดื่น เมื่อถึงเวลานอนทุกคนก็หลับสนิทไม่รู้สึกตัว พากันนอนกองรวมอยู่หน้าโลงที่ตั้ง ศw จัดพิธี เลยทำให้ลืมกลัว อยู่กันได้จนถึงวันเผา
หลังจากเผาศพเสร็จสิ้น ที่นอนเดิมของย่าแก่อยู่ชั้น 2 ของบ้าน เพราะบ้านมีลักษณะเป็นครึ่งปูนครึ่งไม้ ปกติเรากับน้องสาวจะนอนมุ้งเดียวกับย่าแก่ พี่สาวจะนอนกลางมุ้งอีกฝั่งบนบ้านชั้น 2 เช่นกัน แต่ในตอนนั้นไม่มีใครกล้าขึ้นไปนอนชั้น 2 เราจึงมากางมุ้งนอนบริเวณชั้นล่างข้างๆ เสากลางบ้าน ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของย่าแก่นั่นเอง ในตอนนั้นเรายังไม่ได้นึกกลัวอะไรมาก เพราะระหว่างงานศพ ก็ดูปกติดี
จนกระทั่งประมาณตี 2 พี่สาวเรา เดิมที่นอนริมติดกับเสา อยู่ๆ ก็กระโดดมาเบียดแทรกกลาง พลางเอามือมาตีเรากับน้อง แถมเอานิ้วมายัดรูจมูกให้เราลุกขึ้นให้ได้ ทั้งเราและน้องสาวจึงตื่นลุกขึ้นนั่ง ถามพี่เล็กว่าเป็นอะไร พี่เล็กไม่ตอบ หากแต่เสียงที่ตอบเรากับน้องดันเป็นเสียงทุบประตูบ้านและเสียงเคาะหน้าต่างที่เป็นกระจก พลางมีเสียงเรียกนั้นดังว่า หนูเล็กๆๆๆเปิดประตูให้ย่าที
เรากับน้องสาวเห็นพร้อมกัน คือหน้าของย่าแก่ที่เกาะหน้าต่างและทุบกระจกขอเข้ามาในบ้าน เรากับน้องจึงพร้อมใจกันกระโดดซุกไปในผ้าห่มที่พี่เล็กนอนคว่ำคลุมโปงอยู่ ตัวสั่น ร้องไห้ กอดกันฟังเสียงเรียกพลางทุบประตู นานเท่าใดไม่รู้ได้ แต่ถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากจริง ๆ สำหรับพวกเรา
จนเช้าเรา 3 คนแย่งกันเล่าให้ย่าฟัง แต่ย่าไม่เชื่อ และบอกว่าพวกเราฝัน ถือว่าคืนนั้นเป็นคืนเดียวที่หนักสุด ต่อมาเมื่อย่าชวนเราตื่นเช้าช่วยกันทำกับข้าวใส่บาตรกรวดน้ำให้ย่าแก่ ทุกอย่างก็ค่อยๆ เงียบลง จนกระทั่งไม่ได้ยิน และเห็นย่าแก่อีกเลย
ขอบคุณที่มา : คุณ ผึ้ง ชนทิชา
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment