===Not Click=== ===Not Click===

ตำนานหลอน : หลวงปู่กาหลงปราบผีปอบชั้นครู จ.เพชรบุรี




ผีปอบเป็นผีชนิดหนึ่งที่เกิดจากคนเล่นคุณไสยมนต์ดำแล้วเข้าตัว โดนครูบาอาจารย์สาปแช่ง จากคนธรรมดาๆ เลยกลายเป็นผีปอบ เที่ยวเข้าสิงชาวบ้าน กินของสดของคาว

ในตามชนบทไกลๆ นั้น บางครั้งผีปอบจะเข้าไปกินควาย ทำให้ควายทั้งตัวล้มทั้งยืนและขาดใจตายได้อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากจะกินควายแล้วผีปอบยังกินหมูดิบ ไก่ตัวเป็นๆ และยังกินคนด้วย เล่าว่าบางครั้งในร่างกายของคนเพียงคนเดียว มีผีปอบเข้ามาสิงสู่เพื่อกินตับไตไส้พุงถึง ๗ ตัว เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากสำหรับคนต่างจังหวัด

หลวงปู่กาหลง นอกจากท่านจะเก่งเรื่องการสักยันต์หนังเหนียวและทำเครื่องรางของขลังแล้ว เรื่องปราบผีปอบนั้นเป็นอีกหนึ่งวิชาที่ท่านเก่งจนเป็นที่ขึ้นชื่อลือชา สำหรับคนแถบปราจีนและสระแก้ว

เรื่องนี้ผู้เขียนได้ฟังจากศิษย์ของท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนนั้นเวลามีคนโดนผีปอบเข้าก็จะลากมาที่วัด เมื่อผีปอบเข้ามาในเขตวัดจะแสดงอาการกลัวเกรงบารมีของหลวงปู่ทันที ตามปกติหลวงปู่ใช้น้ำมนต์ไล่มันก็ไปแล้ว แต่มีบางครั้งที่ผีมันมีฤทธิ์ไม่ออกด้วยน้ำมนต์ ท่านก็จะไล่ด้วยมีดหมอ เคาะไปตามร่างกาย
ที่น่าสนใจคือ ท่านจะมีกระบอกไม้ไผ่หนึ่งอัน อุดไว้ที่ปลายหัวนิ้วโป้งเท้า หลวงปู่จะทำการเคาะไล่ไปเรื่อยๆ จนสิ้นสุดลงที่ปลายหัวแม่โป้งเท้านี่แหละ ท่านว่าดวงวิญญาณของผีปอบมันจะเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ที่หลวงปู่ท่านเสกเอาไว้ จากนั้นท่านนำเอาผ้ายันต์มาอุดไว้ที่ปากกระบอก เป็นอันเสร็จพิธี

ใครที่เคยไปวัดเขาแหลมคงได้เคยเห็นกระบอกไม้ไผ่นี่บ้าง ผู้เขียนสอบถามจากหลวงปู่ท่านว่า แล้วกระบอกไม้ไผ่ที่มีผีปอบอยู่ข้างในจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่า ผีปอบบางตัวที่ละทิฐิมันก็ไปเกิดตามวาระของมันก็มี บางตัวไม่ยอมละทิฐิเดิมท่านก็เก็บเอาไว้ บางครั้งก็ฝังดินฝากไว้กับแม่ธรณี และบางครั้งท่านก็เผาส่งเพื่อให้ไปผุดไปเกิดตามสมควรแห่งกรรมที่มันได้ทำมา

ท่านเล่าว่าสมัยก่อนเคยไปปราบผีปอบตัวครู อยู่เขตเขาย้อย จ.เพชรบุรี มันชื่อว่าเขียว ผีปอบตัวนี้มันเก่งมาก เป็นผีปอบพันปี ผีปอบตัวนี้เกิดจากคนเล่นวิชาไสยศาสตร์แล้วของเข้าตัว โดนครูบาอาจารย์สาปแช่งให้กลายเป็นปอบไป หมอผีที่ไหนมามันปราบได้หมด หมอผีบางคนถึงกับคอหักตาย บางคนก็กระเจิงด้วยฤทธิ์เดชของมัน บางคนพอเริ่มจะเสกน้ำมนต์เท่านั้นแหละ เจ้าผีปอบตัวนี้มันปรี่เข้ามาเตะขันน้ำมนต์กระจาย เที่ยวไล่ทำร้ายหมอผีกระเจิงไปหมด

ปอบตัวนี้ท่านว่ามันเก่งนัก ใครท่องคาถาอะไรมันท่องได้หมด รู้จิตคนได้ด้วย ใครคิดอะไรมันก็รู้ มันปราบหมอผีที่ว่าเก่งๆ ได้ทั่ว ที่สุดชาวบ้านที่ได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่กาหลงก็มานิมนต์ท่านไปปราบ

ท่านว่าตอนที่เหยียบหัวบันไดบ้านมันก็รู้ เราก็รู้ ท่านก็เตรียมไว้พร้อมเหมือนกันเพราะรู้กิตติศัพท์ปอบตัวนี้ดี มันเห็นท่านมันก็ด่าเลยว่า ขนาดหัวหงอกมันยังไล่กระเจิงมาหมดแล้ว นี่เพิ่งมาบวชจะไหวเร้อ! ท่านว่าพอถึงที่เท่านั้นแหละ ท่านไม่ทำน้ำมนต์เหมือนคนอื่นหรอก พอเข้าบ้านได้ท่านเตะเจ้าผีปอบนั้นก่อนเลย จากนั้นหยิบไม้เรียวลงอาคมขึ้นมาตีมันไม่ยั้ง เรียกว่าไม่ให้มันตั้งตัวได้

ผีปอบมันก็ไม่ได้ตั้งตัวจริงๆ แต่มันก็ไม่ออกต้องสู้กับมันอยู่นานมันก็ไม่ออก ในที่สุดท่านเลยใช้อำนาจเขี้ยวแก้วประกาศิตของท่าน โดยนำหัวแม่โป้งแตะที่เขี้ยวแก้ว แล้วลองจับที่หัวของคนไข้ เท่านั้นแหละเจ้าเขียวปอบพันปีดิ้นพล่านเลย ที่สุดมันทนไม่ไหวก็ออกจากร่างของคนผู้นั้น


หลวงปู่กาหลง เตชวัณโณ วัดเขาแหลม จ.สระแก้ว

ก่อนออกมันยอมบอกชื่อของมัน มันว่ามันชื่อเขียว ไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยแพ้ใคร มาเสียท่าแพ้หลวงปู่กาหลงนี่แหละ แต่พอมันออกแล้วหลวงปู่กาหลงรู้ว่ามันไม่ไปไหนไกลหรอก เข้าไปสิงต้นกระบอกใหญ่แถวนั้น มีคนโดนผีปอบเขียวนี่หลอกบ่อยครั้ง ท่านว่าให้เผาต้นกระบอกนั้นเสียก็ไม่มีใครกล้ายุ่ง จนเดี๋ยวนี้ท่านเองก็ไม่ได้ไปสืบดูว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

ผีปอบบางตัวบางพวกก็เจ้าเล่ห์ ท่านเล่าให้ฟังว่าบางครั้งคนถูกผีปอบเข้า พวกญาติๆ พากันลากตัวเข้ามาในวัด พอถึงหน้าวัดเท่านั้นแหละผีปอบมันออก คนก็หายเป็นปกติ พวกญาติๆ วางใจว่าหายแล้วก็เอากลับบ้าน เจ้าผีปอบมันรอที่หน้าวัดนี่ พอออกจากวัดเท่านั้นผีปอบก็เข้าสิงเหมือนเดิม ต้องลากเข้ามาใหม่ หรือหาของกันเช่น สายสิญจน์เสก ตะกรุดกันผี ให้ติดตัวเข้าไว้ผีปอบจึงไม่ได้มากวน

คนที่ถูกผีปอบเข้าสิงจะมีอายุสั้นกว่ากำหนด เพราะพลังชีวิตหายไป ที่สำคัญคือผีปอบมันไม่ได้เข้าสิงเฉยๆ แต่มันกินอวัยวะภายในด้วย คนที่โดนผีปอบเข้าสิง
จนตาย ยามตายจะเน่าทันทีเพราะในความจริงคนนั้นตายนานแล้ว แต่โดนผีปอบสิงเพื่อกินตับไตไส้พุง

สมัยก่อนต่างจังหวัดมีผีปอบมาก แต่เดี๋ยวนี้ท่านว่า มันไม่มีวัวควายให้ปอบกิน ผีมันเข้ามาหากินในกรุงเทพหมด คนบ้าบางคนเกิดจากผีปอบเข้า แต่ไม่มีใครรู้ รักษาไม่หาย ไม่นานก็ตายเป็นแบบนี้ก็มาก เพราะคนสมัยใหม่ไม่มีความรู้ มีแต่ตายกับตายเท่านั้น

เรื่องประเภทนี้จึงเข้าลักษณะไม่เชื่ออย่าลบหลู่ และหากมีโอกาสก็หาของดีกันตัวไว้ย่อมดีกว่าไม่มีอะไรป้องกันตัวไว้เลย

ขอขอบคุณที่มา: ทีนิวส์

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment