เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา แผนกับโพธิ์เป็นพี่น้องกัน ไปไหนก็มักจะไปด้วยกัน ไม่ว่าจะไปปักเบ็ด ดักหนูที่ทุ่งนา บ้านของทั้งสองคนจะอยู่ติดเขา
พ่อแม่ของแผนกับโพธิ์จะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เพราะต้องไปเฝ้าไร่ที่อยู่ติดกับชายเขา คอยไล่พวกสัตว์ป่าที่ลงมากินพืชผล ปล่อยให้แผนโพธิ์อยู่กับคุณยาย
ปกติลพเป็นคนชอบปักเบ็ดหาปลา จึงมักจะไปกับแผนกับโพธิ์อยู่บ่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่ง แผนได้ไปเหยียบหอย จนเลือดไหลนองเต็มเท้า จึงช่วยกันพยุงกลับมาบ้าน
โพธิ์อาสาจะไปซื้อยามาล้างแผล แล้วให้ลพอยู่เป็นเพื่อนแผน พอโพธิ์ออกไปได้สักพัก แผนก็นอนหลับไป ส่วนลพก็จัดการเอาผ้าพันแผลห้ามเลือดไว้ก่อน
แต่อยู่ๆ คุณยายที่นอนอยู่บนแคร่ไม้ข้างๆ ก็กระโดดลุกขึ้นนั่งยองๆ แล้วพูดว่า "เป็นอะไร ไปไหนกันมา" ทำให้ลพตกใจมาก เพราะปกติ ยายจะเป็นอํามพฤกอัมพาต นอนนิ่งขยับตัวไม่ได้ พูดจาไม่ได้ ตัวผอม ผมขาวไปทั้งศีรษะ
ลพก็ตอบกลับไปว่า "แผนโดนหอยบาดครับ ผมห้ามเลือดให้อยู่" แล้วยายก็กวักมือเรียกพร้อมกับพูดว่า "ไอ้หนูมานี่ซิ" ลพจึงลุกขึ้นเดินไปหายายด้วยอาการงงๆ
แล้วยายก็บอกให้ลพขึ้นมานั่งใกล้ๆ ลพก็ไปนั่งข้างๆอยู่ยาย แต่อยู่ๆคุณยายก็ผลักตัวลพจนล้มลง แล้วก็ไล่ลพเสียงดังว่า "ไป!! เอ็งอะไป ร้อน อยู่แล้วร้อน ไป!!"
ทำให้ลพรู้สึกงงเข้าไปใหญ่ จึงตอบกลับไปว่า "เดี๋ยวรอให้โพธิ์มันกลับมาก่อนได้มั้ยครับ จะได้อยู่ห้ามเลือดให้ไอ้แผนมันก่อน" ยายไม่ฟัง เอาแต่ตะโกนไล่ลพอย่างเดียว "ไปเลย เอ็งอะไป ออกจากบ้านข้าไปเลย"
ลพได้แต่คิดว่าตนเองทำอะไรผิด หรือเพราะว่าพาแผนไปเที่ยวกันจนได้รับบาดเจ็บ สักพักคุณโพธิ์ก็วิ่งกลับมา แต่อยู่ๆคุณยายก็ล้มตัวลงนอนทันที เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลพจึงบอกกับโพธิ์ว่า
คุณลพ : เฮ้ยโพธิ์ ข้ากลับก่อนนะ
คุณโพธิ์ : เฮ้ยเอ็งจะรีบไปไหน อยู่ด้วยกันก่อนดิ ช่วยกันทำแผลก่อน
คุณลพ : ยายเอ็งไล่ข้า
คุณโพธิ์ : จะบ้าเรอะ ยายข้าพูดไม่ได้จะเป็นปีสองปีแล้ว
คุณลพ : ยายเอ็งลุกขึ้นมานั่งแล้วไล่ข้า จริงๆ
คุณโพธิ์ : โกหกเหรอวะ จะเป็นไปได้ยังไง ทุกวันนี้กุยังต้องป้อนข้าวเช็ดตัวให้อยู่เลย
คุณลพ : จริงๆ ยายเอ็งลุกขึ้นมานั่งยองๆ แล้วผลักข้า
คุณโพธิ์ : เออๆ ถ้าจะไปก็ไป
ลพก็เลยเดินกลับบ้าน หลังจากวันนั้นแผนก็มาโรงเรียนไม่ได้ ส่วนโพธิ์ก็ต้องอยู่ดูแลแผน จนผ่านมาสองวัน โพธิ์มาบอกกับลพว่า "ลพ ไปนอนเป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ย"
ลพก็ตอบแบบเคืองๆว่า "แล้วยายเอ็งจะไม่ด่าข้าเหรอวะ" โพธิ์ตอบกลับมาว่า "จะด่าได้ยังไง ยายข้าพูดไม่ได้" ลพเถียงกลับไปว่า "พูดได้จริงๆ" แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง โพธิ์ก็ไม่เชื่อ แต่สุดท้ายลพก็ยอมตามโพธิ์กลับไป
ลักษณะจะเป็นบ้านไม้สองระดับ คุณยายจะนอนอยู่ชั้นล่าง ส่วนคุณลพและคนอื่นๆจะนอนตรงพื้นยกระดับสูงขึ้นมาหน่อย ช่วงหัวค่ำ ลพก็นั่งมองโพธิ์ที่กำลังป้อนข้าวเช็ดตัวให้คุณยาย ซึ่งดูแล้วมันขัดใจคลพมาก เพราะหลายวันก่อน คุณยายยังกระโดดลุกขึ้นนั่ง ไล่ลพอยู่เลย
จนตกดึกก็ได้เข้านอน แผนจะนอนริมสุด โพธิ์จะนอนตรงกลาง ส่วนลพนอนอีกริมหนึ่ง ลพรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก ได้ยินเสียง "คลืดด..พรืดด" เสียงมันมาจากทางมุ้งของคุณยาย
ลพจึงผงกหัวขึ้นมาดู ภายในบ้านค่อนข้างมืด เห็นเพียงมุ้งสีขาวๆลางๆ ปลิวเป็นคลื่นเบาๆเพราะแรงลม แต่พอลพลองเพ่งมองดูดีๆ ปรากฏว่าเห็นคุณยายกำลังคลานออกมาจากมุ้ง
ลักษณะคลานสี่ขา จนไปถึงหัวบันไดหน้าบ้าน แล้วอยู่ๆคุณยายก็กระโดดพรวดลงไปข้างล่าง ลพเห็นแบบนี้ก็รู้สึกตกใจปนสยอง รีบหันไปเขย่าโพธิ์ที่นอนอยู่ข้างๆ ปากก็พยายามพูดให้เสียงลอดออกมาเบาๆ แต่ให้ชัดเจนที่สุด เพราะกลัวว่าคุณยายจะได้ยิน "ไอ้โพธิ์ ตื่นก่อนเร็ว ยายเอ็งกระโดดลงจากบ้านว่ะ"
แต่ไม่ว่าจะเขย่าแรงแค่ไหน โพธิ์ก็เหมือนว่าจะไม่รู้สึกตัว จนลพไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยล้มตัวลงนอน พยายามเพ่งมองไปที่ประตูหน้าบ้าน ระวังตัวแจ เผื่อว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ จะได้รีบมือได้ทันท่วงที
จนผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ ลพทนความสงสัยที่เล้าหลืออยู่ในใจไม่ไหว จึงได้คลานออกจากมุ้งไปดูที่หน้าประตู มองลงไปที่ล่างบันได ก็เห็นแต่ความว่างเปล่า บริเวณด้านล่างและรอบๆของบ้านถูกปกคลุมไปด้วยความมืด จนยากที่จะสังเกตอะไรได้
ลพจึงหันกลับแล้วเดินเข้ามุ้ง จังหวะนั้นหางตาก็เหลือบไปที่มุ้งของคุณยาย ปรากฏว่าเห็นคุณยายนอนขดเอาผ้าคลุมหัวอยู่ในมุ้ง เหมือนกับว่ายังไม่ได้ลุกออกไปไหน ลพยืนงงอยู่กับที่ ในหัวตีกันจนมั่วซั่ว แล้วสิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้มันคืออะไร
ในระหว่างนั้น ลพสังเกตเห็นว่าคุณยายค่อยๆดึงเอาผ้าที่คลุมหัวอยู่ ลงทีละนิดๆ จนทำให้คุณลพเห็นใบหน้าที่กำลังส่งยิ้มมาให้อย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในความมืด แล้วคุณยายก็ดึงผ้าขึ้นคลุมใบหน้าตามเดิม
ลพยืนตัวชา งงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ คุณยายทำไมถึงทำอะไรแปลกๆแบบนั้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ คุณยายก็ดึงผ้าที่คลุมใบหน้าลงมา เหมือนพยายามจะแอบดูคุณลพ สายตาที่จ้องมองมา ทำให้รู้สึกเย็นวูบวาบ จนมือไม้กระตุกเป็นช่วงๆ
ลพคิดว่ายืนอยู่แบบนี้คงไม่ดีแน่ จึงพยายามลากขาทั้งสองข้างกลับเข้ามุ้งตามเดิม พยายามข่มตาให้หลับ ระหว่างนั้นก็มีเสียง 'ก๊อกๆแก๊กๆ" อยู่แถวๆนอกมุ้ง แต่คุณลพคิดในใจว่ายังไงก็จะไม่ลืมตาขึ้นมาดูเด็ดขาด จนเผลอหลับไป
รุ่งเช้า ลพรีบเล่าเหตุการณ์ให้คุณโพธิ์ฟังทันที แต่โพธิ์ก็ยังเถียงขาดใจ จนคืนที่สอง หลังจากที่นกกลางคืนเริ่มส่งเสียงร้อง ลพก็เห็นคุณยายค่อยๆคลานออกมาจากมุ้ง แต่คราวนี้กลับคลานเข้ามาในมุ้งของลพ
ลพเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกว่าผวาจนตัวเกร็ง อยากจะลุกออกวิ่งไปจากที่นี่ แต่ก็ขยับตัวไปไหนไม่ได้ เพราะความกลัวมันบังคับให้นอนอยู่นิ่งๆ คุณยายค่อยๆคลานไปทางคุณแผน แล้วก้มหัวลงเลียแผลที่เท้าของแผน
ลพทนมองภาพที่น่าขนลุกแบบนี้ไม่ไหว พยายามสะกิดคุณโพธิ์ แต่ก็ไม่เป็นผลอีกเหมือนเดิม ทั้งๆที่อากาศหนาวเย็นจนตัวแทบสั่น แต่เหงื่อกาฬกับผุดออกมาเป็นเม็ดๆจนทั่วตัวของคุณลพ
ลพไม่มีทางเลือก ได้แต่นอนตัวสั่นฟังเสีบงดูดเลียดัง "แจ๊บๆๆ" อยู่สักพักใหญ่ๆ แล้วคุณยายก็คลานกลับเข้าไปนอนในมุ้งตามเดิม มีเสียงเบาๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากในมุ้งว่า "อึ้ม อร่อยดีนะ" คุณลพได้ยินเช่นนั้นก็แทบอยากจะร้องไห้ จนรุ่งเช้ามา คุณโพธิ์บ่นว่า
คุณโพธิ์ : ทำไมข้ารู้เจ็บแขนจังวะ
คุณลพ : ข้าหยิกแขนเอ็งเมื่อคืนเนี้ย ไม่รู้เรื่องเลยหรอ
คุณโพธิ์ : ไม่รู้อ่ะ แล้วเอ็งหยิกข้าทำไม
คุณลพ : ข้าเห็นยายเอ็งมาเลียแผลไอ้แผน
โพธิ์ก็รู้สึกโมโห เพราะคิดว่าลพพูดจาใส่ร้ายคุณยาย แต่ปรากฏว่าแผลของคุณแผนบวมเป่ง เขียวช้ำไปทั้งขา เอาแต่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด คุณลพก็คิดว่าคงไม่นอนที่นี่ต่อแล้ว เพราะไม่อยากเจอภาพที่น่าขนลุกเหมือนคืนก่อนๆ ประกอบกับที่คุณแผนเอาแต่นอนร้องครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
ลพจึงบอกให้คุณโพธิ์ไปตามคุณพ่อคุณแม่ที่สวน แต่โพธิ์บอกว่าไปไม่ได้ เพราะต้องดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำคุณยาย จนเข้าคืนที่สาม คุณแผนเอาแต่นอนร้องด้วยความเจ็บปวด
ลพจึงตัดสินใจบอกให้คุณโพธิ์ไปตามคุณพ่อคุณแม่ที่ไร่ แล้วเดี๋ยวคุณลพจะอยู่เฝ้าให้เอง ส่วยคุณยายเดี๋ยวจะป้อนข้าวป้อนน้ำให้ โพธิ์จึงรีบออกไปตามคุณพ่อคุณแม่ที่ไร่
พอคุณโพธิ์ออกไปได้สักพัก คุณลพก็วิ่งกลับบ้านทันที เพื่อที่จะไปตามคุณพ่อมาอยู่เป็นเพื่อนก่อน แต่เวลานั้นคุณพ่อไม่อยู่บ้านพอดี จึงวิ่งกลับมาดูคุณแผน ตอนนั้นโพธิ์ก็ยังไม่กลับมาสักที
ลพจึงเข้าไปนอนคลุมโปงอยู่ในมุ้ง จนเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง คุณโพธิ์ก็ยังไม่กลับมา แต่จังหวะนั้นคุณลพได้ยินเสียงคุณแผนร้อง "แค๊กๆ อ๊อคๆ" เหมือนถูกอะไรบางอย่างบีบคอจนหายใจไม่ออก
ลพจึงแง้มผ้าห่มดู ปรากฏว่าเห็นคุณยายนั่งยองๆอยู่บนหน้าอกของคุณแผน แต่ที่ทำให้คุณลพตกใจกลัวจนแทบหยุดหายใจก็คือ คุณยายใช้มือช้อนศีรษะของคุณแผนให้โน้มขึ้นมา แล้วใช้ลิ้นที่ยาวจนผิดปกติ แยงเข้าไปในปากของคุณแผน
ลพไม่กล้าที่จะมองภาพอันน่าสยดสยองนี้ต่อ และกลัวเกินกว่าที่จะขยับตัววิ่งหนี จึงได้แต่นอนตัวสั่นอยู่ใต้ผ้าห้ม เสียงของคุณแผนร้องเหมือนคนกำลังสำลักน้ำอยู่สักพักก็เงียบไป แต่ก็ยังได้ยินเสียง "สวบสาบ" อยู่ข้างๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังขยับเขยื่อนอยู่ ไม่กี่อึดใจต่อมา คุณลพได้ยินเสียงคนวิ่งขึ้นบันไดมา
จึงได้เปิดผ้าห้มออก เห็นคุณยายรีบคลานกลับเข้าไปนอนในมุ้งตามเดิม แล้วคุณโพธิ์พร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ก็มาถึง คุณลพรีบเล่าเหตุการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง แต่กลับไม่มีใครเชื่อ หาว่าคุณลพเพ้อเจ้อ
คุณพ่อจึงได้เข้าไปเขย่าตัวคุณแผน แต่ตอนนั้นคุณแผนได้เสียชีวิตไปแล้ว หลังจากนั้นก็ได้มีการเอาศพไปชันสูตรดู ผลออกมาว่าขาดอากาศหายใจ ทุกคนต่างเค้นถามคุณลพถึงการตายของคุณแผน แต่คุณลพก็เล่าไปตามที่ตนเองเห็นมา แต่กลับไม่มีใครเชื่อ
ผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่คุณลพเล่า แต่ทุกคนต่างก็เริ่มจับพิรุธ ทุกๆคืน คุณพ่อของคุณโพธิ์แทบจะไม่ได้นอน เพราะต้องอยู่ดูพฤติกรรมของคุณยาย
ปรากฏว่าเห็นอย่างที่คุณลพเล่ามาจริงๆ กลางดึกของคืนหนึ่ง คุณพ่อเห็นคุณยายคลานออกจากมุ้ง แล้วกระโดดออกจากบ้าน เป็นแบบนี้อยู่หลายคืน จึงได้ไปปรึกษาพระที่วัด ท่านก็บอกว่าคุณยายน่าจะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่มีอย่างอื่นแฝงอยู่
พอรู้แบบนั้น จึงได้พาหมอที่แก้คุณไสยมาดูคุณยายที่บ้าน หมอใช้ว่านชนิดหนึ่ง แตะลงที่ตัวของคุณยาย ปรากฏว่าคุณยายร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หมอก็พูดขึ้นมาว่า "ต้องตัดกรรมนะ ถ้าไม่ตัดกรรมก็ไม่ตายสักที แล้วนี่ไปกินลูกหลานของคนอื่นมันบาปกรรมมากนะ"
หมอจึงได้ทำพิธีตัดกรรม พอจบพิธี คุณยายก็เสียชีวิตลงทันที ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งเหมือนกับศพที่ตายมาแล้วเป็นเวลาหลายวัน โพธิ์เคยถามลพในเรื่องที่ลพเคยโดนคุณยายผลักจนล้ม ลพจึงเล่าว่า ตอนนั้นคุณยายคงคิดจะกินลพ ถึงได้เรียกให้ไปนั่งใกล้ๆ แต่ว่าในตัวคุณลพมีตะกรุดหลวงพ่อเงินอยู่ คุณยายจึงรู้สึกร้อน
และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
ขอขอบคุณ : คุณลพ