เรื่องเล่าโดยคุณเฟิร์น
ตอนนั้นเฟิร์นอายุประมาณ 11 ขวบอยู่ชั้นป.5 ตอนนั้นก็จะเป็นช่วงที่จะต้องไปเข้าค่ายลูกเสือที่อุทยานแห่งหนึ่งที่ จ.เชียงใหม่ พอไปถึงก็มีพิธีเปิด มีกิจกรรมทั้งวัน เข้าฐาน พอถึงตอนเย็นทางโรงเรียนให้เวลาอาบน้ำ 1 ชม. ในการอาบน้ำแต่งตัว ทีนี้ห้องน้ำนั้นไม่พอ ทางโรงเรียนก็อนุญาตให้เด็กๆลงเล่นน้ำในน้ำตกได้ ซึ่งน้ำในน้ำตกนั้นก็ไม่ลึกมาก
เฟิร์นเป็นคนที่ว่ายน้ำเป็นก็จะไม่กลัวเรื่องการจมน้ำซักเท่าไร ตอนนั้นก็เล่นกับเพื่อน ตักน้ำอาบ ฟอกสบู่ไป แต่ตอนนั้นขันที่เฟิร์นใช้ตักอาบหลุดมือแล้วไหลไปกับน้ำ แล้วไปติดอยู่ที่โขดหินใหญ่ๆ ที่ห่างจากที่เฟิร์นอยู่ประมาณ 10 เมตร เฟิร์นก็เลยว่ายน้ำไปเพื่อที่จะไปเก็บ พอจับขันได้ เหมือนตัวเฟิร์นนั้นตุกหลุมหรืออะไรซักอย่างที่ทำให้ตัวเฟิร์นจมน้ำลงไป เฟิร์นก็คิดว่าเป็นเถาวัลย์หรือเปล่า ก็เลยสะบัดๆขาให้หลุด แต่ผ่านมาเกือบ 10 วิก็ยังไม่หลุด เฟิร์นก็เลยจะกลั้นใจสะบัดแรงๆอีกครั้งนึง ครั้งแรกยังไม่หลุดแต่ครั้งที่ 2 หลุด แต่พอตัวเฟิร์นกำลังจะโผล่พ้นน้ำ ก็เหมือนมีอะไรมาดึงเฟิร์นให้กลับลงไปอีก
ตอนนั้นเฟิร์นเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใช่เถาวัลย์หรือเปล่า ด้วยความกลัวจากที่เฟิร์นว่ายน้ำเป็นกลายเป็นคนว่ายน้ำไม่เป็นแล้วก็พยายามตะเกียกตะกายต่อ แต่ว่าเพื่อนๆที่อยู่แถวๆนั้นไม่มีใครมาช่วยเลย ผ่านไปซักพักก็มีมือนึงมาจับขันของเฟิร์น แล้วเฟิร์นก็จับแขนเขาไว้ พอโผล่หัวขึ้นมาก็เห็นเป็นรุ่นพี่โรงเรียน เขาก็พูดกับเฟิร์นว่า ขอยืมขันหน่อยเฟิร์นก็สงสัยทำไมถึงขอยืมขัน ไม่คิดจะช่วยก่อนหรอ และก็พยายามพูดว่าช่วยด้วย แต่ก็พูดไม่เป็นคำเพราะหัวผลุบๆโผล่ๆ อยู่ในน้ำ เฟิร์นก็พยายามดึงแขนรุ่นพี่สุดชีวิต จนรุ่นพี่เห็นว่าเริ่มแปลกๆแล้ว ก็เลยตะโกนเรียกเพื่อนมาช่วยกันดึงเฟิร์น ซึ่งจริงๆ ถ้าข้างล่างเป็นเถาวัลย์ ผู้ชาย 2 คนน่าจะดึง ผู้หญิงขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่ว่าก็ดึงไม่ขึ้น จนเพิ่มขึ้นเป็น 3 คน 4 คนก็ดึงไม่ขึ้น สุดท้ายมีอาจารย์ท่านนึงโดดลงมาช่วยดึง
ตอนนั้นเฟิร์นก็คิดว่าตัวเองควรที่จะเอาลงไปแกะเถาวัลย์เองมั๊ย เฟิร์นก็เลยก้มหัวลงไปในน้ำ ที่อยู่ตรงขาไม่ใช่เถาวัลย์ แต่น่าจะเป็นมือคนจับขาเฟิร์นไว้แน่นเลย ถัดไปอีกนิดนึงก็จะเห็นเป็นหน้าผู้หญิงคนนึงที่ผมยาวมากๆ แต่ก็เห็นหน้าไม่ค่อยชัดเท่าไร เพราะผมที่ปลิวไปตามน้ำบังหน้าอยู่ แต่ที่เฟิร์นเห็นชัดที่สุดคือ ผู้หญิงคนนั้นกำลังยิ้มอยู่ พอเฟิร์นเห็นก็สำลักน้ำ น้ำเข้าจมูกเข้าปาก ไปหมด แต่ก็โชคดีที่รุ่นพี่ช่วยกันดึงขึ้นมาได้พอดี
พอถึงฝั่ง เฟิร์นก็ร้องไห้หนักมาก ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพื่อนๆที่อยู่แถวนั้นก็เข้ามาปลอบว่าอย่าไปกลัว ไม่ตายแล้วๆ ซึ่งทุกๆคนก็คิดว่าเฟิร์นกลัวเพราะการจมน้ำ ทีนี้ข่าวก็กระจายไปทั่วค่าย พอข่าวกระจายไปแทนที่เพื่อนจะจมน้ำ ต้องน่าสงสาร กลายเป็นตัวตลกในค่ายไปเลย เพราะว่าตรงที่เฟิร์นจมน้ำนั้นตื้นแบบไม่น่าจมได้ แต่เฟิร์นก็ไม่ได้เล่าเรื่องที่เห็นใต้น้ำให้ใครฟัง เพราะกลัวว่าคนอื่นจะกลัวกัน แล้วก็ไม่คุยกับใครเลย
พอถึงตอนที่จะทานข้าว ก็มีอาจารย์คนที่โดดน้ำลงไปช่วยเฟิร์นมาคุยด้วย เฟิร์นแทนตัวอาจารย์ว่า อาจารย์ เอ แล้วบอกว่า เป็นยังไงบ้าง และก็ขอโทษด้วยน๊า ที่ทำให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับเรา เฟิร์นก็ตอบ ค่ะ แล้วอาจารย์ก็บอกอีกว่าขอบคุณนะ ที่ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง
เฟิร์นก็ถามว่า เรื่องอะไรคะ อาจารย์ก็บอกว่าเรื่องที่โดนดึงอ่ะ เฟิร์นก็ถามอีกว่า อาจารย์รู้ได้ยังไง อาจารย์ เอก็เล่าให้ฟังว่า ตอนที่มองอยู่ข้างบนหนะ เขามองไม่เห็นว่าเฟิร์นจมน้ำ จนเห็นคนมามุงกันเยอะๆ อาจารย์ก็เลยโดดลงมาช่วย ซึ่งอาจารย์ก็รู้ว่าเฟิร์นว่ายน้ำเป็น ก็เลยคิดว่าขาของเฟิร์นต้องติดอะไรอยู่แน่ๆ แต่พออาจารย์จะก้มลงไปแกะให้ พอเอาหัวลงไปในน้ำปุ๊ป ก็รีบดึงหัวขึ้นมาทันทีเลย เพราะว่าอาจารย์ เห็นเป็นผู้หญิงครึ่งท่อน โผล่มาจากก้อนหินแล้วเอามือดึงขาเฟิร์นไว้ แล้วเฟิร์นก็ขึ้นมาจากน้ำพอดี แต่อาจารย์ก็ไม่พูดอะไร
หลังจากนั้นเฟิร์นต้องจำใจอยู่ที่ค่ายต่อ ซึ่งกิจกรรมตอนกลางคืนก็มีอยู่เหมือนเดิม แต่เฟิร์นนั้นไม่สนุกด้วยแล้ว รู้สึกเบื่อ เหมือนอยู่ในพะวังตลอดเวลา จนกิจกรรมทุกอย่างในคืนนั้นเลิก ก็แยกย้ายกันเข้านอน ซึ่งที่นอนที่คุณเฟิร์นนอนนั้นจะเป็นเต๊นท์เล็กๆที่นอนได้แค่เต๊นท์ละ 2 คน เฟิร์นก็เข้านอน ก็เห็นเงาของเพื่อนคนอื่นเดินผ่านเต๊นท์ ได้ยินเสียงอาจารย์เดินตรวจ บอกให้เด็กๆนอนได้แล้ว แล้วเสียงก็เงียบไป แล้วเฟิร์นก็หลับไป
ในคืนนั้น เฟิร์นก็ฝันว่า ตัวเองตื่นขึ้นมาในเต๊นท์ที่นอนนั่นแหละ แต่ว่าเพื่อนที่นอนข้างๆไม่อยู่ แล้วเฟิร์นก็เห็นเป็นเงาคนเดินมาตั้งแต่ไกลๆนู่นเลย เฟิร์นก็คิดว่าคงเป็นอาจารย์เดินตรวจเด็กๆว่านอนรึยัง แล้วเงาก็เดินมาหยุดเต๊นท์นั้น เต๊นท์นี้ แล้วก็เดินมาถึงที่เต๊นท์ของเฟิร์น เงานั้นก็มาหยุด แต่ว่าหยุดนานกว่าเต๊นท์อื่นๆ แล้วซักพักเงานั้นก็รูดซิบ เฟิร์นก็เห็นเป็นผู้หญิงเสื้อฟ้า หน้าคล้ายๆ ผู้หญิงที่คุณเฟิร์นเห็นใต้น้ำ ตัวเปียกเหมือนไปตากฝนหนักๆมา แล้วก็เข้ามานอนแทนที่เพื่อนของคุณเฟิร์นที่ไม่อยู่ ซึ่งทั้งคุณเฟิร์นและผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มองกัน ต่างคนต่างนอนหงาย แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นก็พูดว่า หนาวๆ เฟิร์นก็กำลังจะเอียงหน้าไปมองเขา เขาก็กำลังจะเอียงหน้ามามองเฟิร์น แต่ว่าเพื่อนมาปลุกพอดี เฟิร์นก็สะดุ้งตื่นเพราะเหมือนเพิ่งฝันร้ายมา แล้วเพื่อนก็ถามเฟิร์นว่า เฟิร์น แกโอเคป่ะเนี่ย เหงื่อท่วมตัวเลย เฟิร์นก็บอกว่า โอเคๆ แล้วเพื่อนก็ถามว่าแล้วแกมาทำอะไรกับที่นอนชั้นอ่ะ เนี่ยดูเตียงดิมันเปียกน้ำไปหมดเลย เฟิร์นก็ไม่รู้จะอธิบายเพื่อนยังไง เพื่อนก็เหมือนโกรธๆ เฟิร์นแล้วก็ไปเอาผ้าห่มสำรองมาปูทับแล้วก็นอนไปเลย
พอวันที่ 2 เฟิร์นทำอะไรก็เหมือนคนไม่มีชีวิต กลายเป็นคนเดียวที่ไม่มีความสุขในค่าย ตอนไปเดินทางไกล คุณเฟิร์นก็เดินไปเหม่อไป ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรออกมา และตกใจง่ายเวลามีใครมาสกิด พอตอนเย็นอาบน้ำคุณเฟิร์นก็เลือกที่จะเข้าไปอาบในห้องน้ำและไม่มองไปที่ที่เคยจมน้ำอีกเลย และในคืนนี้จะต้องมีการแสดงรอบกองไฟ แล้วด้วยความที่เฟิร์นนั้นไม่สนุกไปกับงาน ก็มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย เหมือนอยากให้งานจบไวๆ แล้วก็มองไปสะดุดคนใส่เสื้อฟ้าคนนึง แต่ไม่ใช่แค่นั้น แต่คนใส่เสื้อฟ้าที่คุณเฟิร์นเห็นคือผู้หญิงคนเดิมที่เข้ามานอนในเต๊นท์ในความฝันของเมื่อคืน เฟิร์นเห็นเขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ตรงทางลงไปน้ำตก ตัวเปียกๆ แล้วเขาก็จะยิ้มให้เฟิร์นตลอดเลย แล้วตาของเฟิร์นก็ไปสบตากับเขา เฟิร์นทำอะไรไม่ถูกแล้วก็หันหน้าหนีไป และพยายามขยับไปอยู่ในวงที่อยู่กลางๆ เพื่อจะไม่ให้มองไปทางอื่น
ตอนนั้นเฟิร์นรู้สึกแย่มาก จะไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ อยากกลับบ้านมาก หลังจากกิจกรรมรอบกองไฟเสร็จ เฟิร์นก็รีบเข้าเต๊นท์เลย แต่ว่าคืนนี้เฟิร์นบอกกับตัวเองว่าจะไม่นอน จะไม่ฝันแล้ว ยังไงก็ไม่นอน ถ้ามีอะไรก็จะตะโกนให้ดังๆ ให้ตื่นกันทั้งหมดเลย พอทุกอย่างมันเงียบลง เฟิร์นก็ได้ยินเสียงเพื่อนข้างๆนอกกรน ได้ยินเสียงน้ำจากน้ำตกที่ไหล แล้วเฟิร์นก็เห็นเงาคนเดินมาไกลๆ แล้วก็มาหยุดเต๊นท์นั้น เต๊นท์นี้ เหมือนฉายภาพซ้ำกับในความฝันเมื่อคืน
ตอนนั้นเฟิร์นก็ใจเต้นมาก แต่ก็อุ่นใจว่ามีเพื่อนอยู่ข้างๆถ้ามีอะไรก็จะตะโกนให้สุดเสียง แล้วเงานั้นก็มาหยุดที่หน้าเต๊นท์เฟิร์นแล้วก็นั่งลงจะรูดเต๊นท์เหมือนเมื่อคืน เฟิร์นก็จับแขนเพื่อนแล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รูดซิบ แล้วเขาก็ยืนขึ้นและพูดว่า จะตะโกนเหรอ แล้วเฟิร์นก็เห็นเงา ค่อยๆ ดึงหัวตัวเองออกจากคอ แล้วก็ถือหัว ค่อยๆเดินวนมาทางซ๊าย ตอนนั้นเฟิร์นไม่ไหวแล้ว ร้องไห้ดังมากจนตื่นเกือบทั้งค่าย จนอาจารย์ เอ เขาก็เข้ามา เฟิร์นก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว จะกลับบ้าน อาจารย์ก็พยักหน้าเหมือนเข้าใจเฟิร์น
ในระหว่างที่รอรถ อาจารย์คนอื่นก็ถามว่า ไหนลองเล่ามาซิ เป็นอะไร แต่เฟิร์นก็ไม่เล่า นั่งร้องไห้อย่างเดียว พอรถมา อาจารย์เอ ก็ขับรถพาเฟิร์นไปส่งบ้าน และก็พูดกับเฟิร์นว่า ขอโทษนะ จริงๆ ควรส่งกลับตั้งแต่ตอนที่จมน้ำแล้ว เล่าให้ฟังได้มั๊ยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
เฟิร์นก็เล่าเรื่องที่ผ่านมาทั้ง 2 คืนให้อาจารย์ เอ ฟัง พอฟังจบ อาจารย์ก็บอกว่า อาจารย์ไปถามมาให้แล้วนะ แต่ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวหรือเปล่า ในวันที่เฟิร์นไปเข้าค่ายเป็นวันพุธ ซึ่งปกติจะต้องจุดธูปบอกเจ้าที่ก่อน ซึ่งอาจารย์เอเป็นคนจุด แต่เจ้าหน้าที่อุทยานมาบอกกับอาจารย์เอ ว่าวันพุธห้ามจุดธูปนะครับ ก็เลยทำให้อาจารย์ไม่ได้จุดธูปบอกเจ้าที่ แล้วหลังจากนั้นเฟิร์นก็ไม่ได้เจออะไรอีกเลย
แต่ว่าเฟิร์นก็เหมือนคนเป็นบ้า นั่งร้องไห้อยู่บ้าน 2 อาทิตย์ไม่ได้ไปโรงเรียนเลย