เม็ดฝนที่สาดกระหน่ำลงมา ทำเอาคนที่เลิกงานในช่วงนั้นต่างใจคอไม่ดี เพราะส่วนใหญ่ไม่มีพาหนะส่วนตัว ต้องอาศัยรถโดยสารประจำทางหรือรถรับจ้างกลับที่พัก สาวใหญ่ได้ชายคาตึกแถวเป็นที่หลบฝน พร้อมกับชะเง้อมองดูรถโดยสารประจำทางที่ผ่านมาแต่ละคัน ว่าใช่สายที่ตัวเองต้องการจะขึ้นหรือเปล่า
ปกติแล้วรถประจำทางที่หล่อนต้องการจะขึ้นนั้น นานๆจะมีผ่านมาสักคัน เมื่อเจอฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างนี้ก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งวิ่งออกจากชายคาตึกไปโบกมือไม่ทัน ผู้โดยสารที่เคยมีนับสิบก็ทยอยขึ้นรถโดยสารประจำทางกันเกือบจะหมดแล้ว จนกระทั่งเหลือหล่อนกับผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก สาวใหญ่ออกอาการหวาดหวั่นไปต่างๆ นานาโดยเฉพาะอันตรายที่จะมาถึงอย่างไม่รู้ตัว การยืนอยู่ตัวคนเดียวคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ และถ้ามีเพื่อนคุยในระหว่างที่รอรถก็คงจะดีไม่น้อย
หล่อนเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วทักทายขึ้นก่อน "สวัสดีค่ะ เห็นคุณยืนรอรถอยู่นานพอกับฉัน เออ...ไม่ทราบว่ารอรถสายอะไรหรือคะ" ผู้หญิงคนนั้นขยับตัวนิดๆ พร้อมกับกลิ่นเหม็นอับที่โชยออกจากตัว
"สวัสดีค่ะ" สาวใหญ่ตีหน้าเจื่อนตั้งท่าจะถอยกลับ เพราะได้กลิ่นฉุนเข้าจมูกเหมือนผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เจอน้ำมาเป็นปี การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ดูดี แต่ทำไมกลิ่นถึงได้เหม็นอับอย่างนี้ เป็นเรื่องที่สาวใหญ่ต้องคิด แต่เมื่อได้มาแล้วจะถอยกลับก็กะไรอยู่ เพราะถึงยังไงมีเพื่อนก็ยังดีกว่าหนีไปยืนอยู่ตัวคนเดียว
"รอรถสายอะไรหรอคะ" หล่อนถามอีก
"สาย 7 ค่ะ" ผู้หญิงคนนั้นตอบเสียงแปร่งๆ
สาวใหญ่ทำหน้างุนงง เพราะรถโดยสารประจำทางสาย 7 ไม่ได้วิ่งผ่านมาทางนี้
"เออ ฉันว่าคุณคงมาผิดป้ายกระมังคะ" เธอถามออกไป
"ไม่ผิดหรอก คุณหรือเปล่าที่มารอผิดป้าย" ผู้หญิงคนนั้นแย้ง
สาวใหญ่ทำหน้างง เพราะป้ายนี้เป็นป้ายประจำที่ต้องมายืนรอรถเดินทางกลับบ้านเป็นไปไม่ได้ที่ จะหลงป้ายเหมือนผู้หญิงคนนั้นว่า "ไม่หรอกค่ะ ฉันเลิกงานก็มารอรถที่นี่ทุกวันค่ะ" หล่อนยืนยันว่ามาไม่ผิดป้ายอย่างแน่นอน
จากนั้นก็ออกอาการหลุกหลิกเหมือนได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ จนอีกฝ่ายสังเกตแล้วถามขึ้น "ได้กลิ่นอะไรเหรอคะ"
"เอ่อ..." สาวใหญ่ตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเปิดยิ้มเพื่อไม่ให้เสียมารยาท "ฉันไม่ได้กลิ่นอะไรเลยค่ะ" สาวใหญ่รีบออกตัว จากนั้นก็ตั้งคำถามในใจก่อนตอบขึ้น "คุณมั่นใจนะคะว่ามารอรถไม่ผิดที่ ฉันใช้เส้นทางนี้มา 10 กว่าปี ฉันไม่เห็นมีรถสาย 7 สักคันและไม่ใช่เส้นทางนี้ด้วยค่ะ"
"ไม่ผิดหรอกค่ะ และฉันก็ขึ้นประจำด้วยค่ะ" เธอตอบกลับมา
"เออ...คุณทำงานแถวนี้หรอคะ" สาวใหญ่ถาม
"ไม่เคยเห็นฉันเหรอ จริงสิ...คนกรุงเทพ ก็อย่างนี้แหละ เห็นกันทุกวี่ทุกวันก็ต่างคนต่างอยู่ไม่่ค่อยทักทายกันหรอก" ผู้หญิงคนนั้นว่าไปทางอื่น
"ฉันก็มารอที่ป้ายนี้เป็นประจำ แต่ฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อน" หล่อนตั้งข้อสังเกต
แม้ฝนจะเทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงแต่กลิ่นเหม็นอับก็ยังตลบอบอวลอยู่ไม่จางหาย สาวใหญ่เองก็ไม่กล้าแสดงกิริยาอาการอะไรมากนัก ได้แต่เก็บความสงสัยว่า มันเป็นกลิ่นอะไรกันแน่
"แต่ฉันเห็นคุณบ่อยค่ะ" ผู้หญิงคนนั้นว่าขึ้น
"จริงหรอคะ แปลกมากค่ะ" เธอแปลกใจจริงๆ
"คุณคงไม่สังเกตเอง แต่อย่าสงสัยเลยค่ะ เพราะป้ายนี้มีคนรอรถโดยสารกันเยอะ และเราคงอยู่กันคนละมุมก็ได้ค่ะ แต่ฉันเห็นคุณจริงๆนะคะ" เธอว่าดังนั้น
สาวใหญ่ออกอาการหนาวสั่นนิดๆ เพราะละอองฝนที่โปรยมาโดน แม้จะมีรถโดยสารประจำทางผ่านมาหลายคัน แต่ก็ไม่มีสายที่ตัวเองต้องการจะขึ้นผ่านมาสักคัน "เอ...ทุกคืนไม่เคยรอนานอย่างนี้มาก่อน ชนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้" สาวใหญ่โพล่งขึ้น
"เหรอคะ" "แย่จัง ตกตอนไหนไม่ตกดันมาตกเอาตอนเลิกงาน" "เดี๋ยวก็หยุดแล้ว" ผู้หญิงคนนั้นว่า
"คุณรู้ได้ไง เล่นเทกระหน่ำอย่างนี้ไม่หยุดง่ายๆหรอกค่ะ" สาวใหญ่ถามออกไปตามที่คิด
"โอ๊ะ...สงสัยว่าสาย 7 กำลังจะมาแล้วล่ะค่ะ คุณรอรถคนเดียวคงเหงาแย่ ยังไง...ขอตัวก่อนนะคะ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะคะ" ผู้หญิงคนนั้นว่าจบก็้เดินฝ่าฝนออกไปที่ป้ายรถเมล์
เม็ดฝนที่เคยสาดกระหน่ำลดความรุนแรงเหลือแค่พรำๆ เท่านั้น จนสาวใหญ่เองไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่กลิ่นเหม็นอับก็จางไปด้วยเช่นกัน "โชคดีค่ะ" หล่อนร้องบอกผู้หญิงคนนั้น
สักพักก็เห็นรถประจำทางสาย 7 แล่นมาอย่างช้าๆ จนสาวใหญ่เองคิดว่าคนขับมาผิดเส้นทางหรือเปล่า บนรถนั้นมีผู้โดยสารเต็มไปหมด แออัดยัดเยียดจนแทบไม่มีที่ว่างให้ขึ้นไปได้อีกแล้ว สาวใหญ่จ้องตาไม่กะพริบ เพราะคนที่แออัดยัดเยียดกันอยู่บนรถโดยสารคันนั้นดูแปลกๆ
"ฉันไปก่อนนะคะ" หญิงคนนั้นหันมาบอก ก่อนจะเดินขึ้นไปเบียดกับผู้โดยสารคนอื่นๆ รถประจำทางคันนั้นยังไม่เคลื่อนออกจากป้าย ในขณะที่สาวใหญ่นั้นยืนตัวแข็งทื่อสายตาจดจ้องด้วยความสงสัย ไม่ใช่เพียงแต่ในรถเท่านั้น แม้แต่บนหลังคาก็มีผู้โดยสารเต็มไปหมด แต่ละคนเหมือนหุ่นตุ๊กตาแข็งทื่อ สาวใหญ่ได้แต่จ้องตาค้างจนกระทั่งรถโดยสารสาย 7 คันนั้นเคลื่อนออกจากป้ายอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเอง ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็โผล่ทะลุออกมานอกกระจกหน้าต่างพร้อมกับมือที่โบกให้ สาวใหญ่ขนลุกขนชันก่อนจะสะบั้นเย็นยะเยือกไปทั่วขุมขน สายตาก็จ้องมองรถโดยสารคันนั้นตาไม่กะพริบ ใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวที่โผล่ทะลุออกมา พร้อมกับมือที่โบกให้นั้นยังคงอยู่ในสายตาของสาวใหญ่ จนกระทั่งรถโดยสารประจำทางคันนั้นหายลับตาไป พร้อมๆกับรถโดยสารประจำทางอีกคันแล่นเข้ามาเทียบจอด
แต่สาวใหญ่ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นบันใดก็มีอันล้มฮวบลงเสียก่อน จนผู้โดยสารกรูกันลงมาปฐมพยาบาลกันวุ่นวาย แม้แต่ตอนที่หมดสตินั้นสาวใหญ่ก็ยังมองเห็นใบหน้าและมือของผู้หญิงคนนั้น แม้ก่อนหน้านั้นรถโดยสารคันดังกล่าวจะหายลับตาไปแล้วก็ตาม
เป็นเรื่องจริงค่ะ ที่เกิดขึ้นกับตัวของเพื่อนสาวดิฉันเอง แต่ตัวแสดงได้แต่งขึ้นเอาค่ะ ไม่เชื่อโปรดอย่าลบหลู่
ปกติแล้วรถประจำทางที่หล่อนต้องการจะขึ้นนั้น นานๆจะมีผ่านมาสักคัน เมื่อเจอฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างนี้ก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งวิ่งออกจากชายคาตึกไปโบกมือไม่ทัน ผู้โดยสารที่เคยมีนับสิบก็ทยอยขึ้นรถโดยสารประจำทางกันเกือบจะหมดแล้ว จนกระทั่งเหลือหล่อนกับผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก สาวใหญ่ออกอาการหวาดหวั่นไปต่างๆ นานาโดยเฉพาะอันตรายที่จะมาถึงอย่างไม่รู้ตัว การยืนอยู่ตัวคนเดียวคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ และถ้ามีเพื่อนคุยในระหว่างที่รอรถก็คงจะดีไม่น้อย
หล่อนเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วทักทายขึ้นก่อน "สวัสดีค่ะ เห็นคุณยืนรอรถอยู่นานพอกับฉัน เออ...ไม่ทราบว่ารอรถสายอะไรหรือคะ" ผู้หญิงคนนั้นขยับตัวนิดๆ พร้อมกับกลิ่นเหม็นอับที่โชยออกจากตัว
"สวัสดีค่ะ" สาวใหญ่ตีหน้าเจื่อนตั้งท่าจะถอยกลับ เพราะได้กลิ่นฉุนเข้าจมูกเหมือนผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เจอน้ำมาเป็นปี การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ดูดี แต่ทำไมกลิ่นถึงได้เหม็นอับอย่างนี้ เป็นเรื่องที่สาวใหญ่ต้องคิด แต่เมื่อได้มาแล้วจะถอยกลับก็กะไรอยู่ เพราะถึงยังไงมีเพื่อนก็ยังดีกว่าหนีไปยืนอยู่ตัวคนเดียว
"รอรถสายอะไรหรอคะ" หล่อนถามอีก
"สาย 7 ค่ะ" ผู้หญิงคนนั้นตอบเสียงแปร่งๆ
สาวใหญ่ทำหน้างุนงง เพราะรถโดยสารประจำทางสาย 7 ไม่ได้วิ่งผ่านมาทางนี้
"เออ ฉันว่าคุณคงมาผิดป้ายกระมังคะ" เธอถามออกไป
"ไม่ผิดหรอก คุณหรือเปล่าที่มารอผิดป้าย" ผู้หญิงคนนั้นแย้ง
สาวใหญ่ทำหน้างง เพราะป้ายนี้เป็นป้ายประจำที่ต้องมายืนรอรถเดินทางกลับบ้านเป็นไปไม่ได้ที่ จะหลงป้ายเหมือนผู้หญิงคนนั้นว่า "ไม่หรอกค่ะ ฉันเลิกงานก็มารอรถที่นี่ทุกวันค่ะ" หล่อนยืนยันว่ามาไม่ผิดป้ายอย่างแน่นอน
จากนั้นก็ออกอาการหลุกหลิกเหมือนได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ จนอีกฝ่ายสังเกตแล้วถามขึ้น "ได้กลิ่นอะไรเหรอคะ"
"เอ่อ..." สาวใหญ่ตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเปิดยิ้มเพื่อไม่ให้เสียมารยาท "ฉันไม่ได้กลิ่นอะไรเลยค่ะ" สาวใหญ่รีบออกตัว จากนั้นก็ตั้งคำถามในใจก่อนตอบขึ้น "คุณมั่นใจนะคะว่ามารอรถไม่ผิดที่ ฉันใช้เส้นทางนี้มา 10 กว่าปี ฉันไม่เห็นมีรถสาย 7 สักคันและไม่ใช่เส้นทางนี้ด้วยค่ะ"
"ไม่ผิดหรอกค่ะ และฉันก็ขึ้นประจำด้วยค่ะ" เธอตอบกลับมา
"เออ...คุณทำงานแถวนี้หรอคะ" สาวใหญ่ถาม
"ไม่เคยเห็นฉันเหรอ จริงสิ...คนกรุงเทพ ก็อย่างนี้แหละ เห็นกันทุกวี่ทุกวันก็ต่างคนต่างอยู่ไม่่ค่อยทักทายกันหรอก" ผู้หญิงคนนั้นว่าไปทางอื่น
"ฉันก็มารอที่ป้ายนี้เป็นประจำ แต่ฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อน" หล่อนตั้งข้อสังเกต
แม้ฝนจะเทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงแต่กลิ่นเหม็นอับก็ยังตลบอบอวลอยู่ไม่จางหาย สาวใหญ่เองก็ไม่กล้าแสดงกิริยาอาการอะไรมากนัก ได้แต่เก็บความสงสัยว่า มันเป็นกลิ่นอะไรกันแน่
"แต่ฉันเห็นคุณบ่อยค่ะ" ผู้หญิงคนนั้นว่าขึ้น
"จริงหรอคะ แปลกมากค่ะ" เธอแปลกใจจริงๆ
"คุณคงไม่สังเกตเอง แต่อย่าสงสัยเลยค่ะ เพราะป้ายนี้มีคนรอรถโดยสารกันเยอะ และเราคงอยู่กันคนละมุมก็ได้ค่ะ แต่ฉันเห็นคุณจริงๆนะคะ" เธอว่าดังนั้น
สาวใหญ่ออกอาการหนาวสั่นนิดๆ เพราะละอองฝนที่โปรยมาโดน แม้จะมีรถโดยสารประจำทางผ่านมาหลายคัน แต่ก็ไม่มีสายที่ตัวเองต้องการจะขึ้นผ่านมาสักคัน "เอ...ทุกคืนไม่เคยรอนานอย่างนี้มาก่อน ชนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้" สาวใหญ่โพล่งขึ้น
"เหรอคะ" "แย่จัง ตกตอนไหนไม่ตกดันมาตกเอาตอนเลิกงาน" "เดี๋ยวก็หยุดแล้ว" ผู้หญิงคนนั้นว่า
"คุณรู้ได้ไง เล่นเทกระหน่ำอย่างนี้ไม่หยุดง่ายๆหรอกค่ะ" สาวใหญ่ถามออกไปตามที่คิด
"โอ๊ะ...สงสัยว่าสาย 7 กำลังจะมาแล้วล่ะค่ะ คุณรอรถคนเดียวคงเหงาแย่ ยังไง...ขอตัวก่อนนะคะ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะคะ" ผู้หญิงคนนั้นว่าจบก็้เดินฝ่าฝนออกไปที่ป้ายรถเมล์
เม็ดฝนที่เคยสาดกระหน่ำลดความรุนแรงเหลือแค่พรำๆ เท่านั้น จนสาวใหญ่เองไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่กลิ่นเหม็นอับก็จางไปด้วยเช่นกัน "โชคดีค่ะ" หล่อนร้องบอกผู้หญิงคนนั้น
สักพักก็เห็นรถประจำทางสาย 7 แล่นมาอย่างช้าๆ จนสาวใหญ่เองคิดว่าคนขับมาผิดเส้นทางหรือเปล่า บนรถนั้นมีผู้โดยสารเต็มไปหมด แออัดยัดเยียดจนแทบไม่มีที่ว่างให้ขึ้นไปได้อีกแล้ว สาวใหญ่จ้องตาไม่กะพริบ เพราะคนที่แออัดยัดเยียดกันอยู่บนรถโดยสารคันนั้นดูแปลกๆ
"ฉันไปก่อนนะคะ" หญิงคนนั้นหันมาบอก ก่อนจะเดินขึ้นไปเบียดกับผู้โดยสารคนอื่นๆ รถประจำทางคันนั้นยังไม่เคลื่อนออกจากป้าย ในขณะที่สาวใหญ่นั้นยืนตัวแข็งทื่อสายตาจดจ้องด้วยความสงสัย ไม่ใช่เพียงแต่ในรถเท่านั้น แม้แต่บนหลังคาก็มีผู้โดยสารเต็มไปหมด แต่ละคนเหมือนหุ่นตุ๊กตาแข็งทื่อ สาวใหญ่ได้แต่จ้องตาค้างจนกระทั่งรถโดยสารสาย 7 คันนั้นเคลื่อนออกจากป้ายอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเอง ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็โผล่ทะลุออกมานอกกระจกหน้าต่างพร้อมกับมือที่โบกให้ สาวใหญ่ขนลุกขนชันก่อนจะสะบั้นเย็นยะเยือกไปทั่วขุมขน สายตาก็จ้องมองรถโดยสารคันนั้นตาไม่กะพริบ ใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวที่โผล่ทะลุออกมา พร้อมกับมือที่โบกให้นั้นยังคงอยู่ในสายตาของสาวใหญ่ จนกระทั่งรถโดยสารประจำทางคันนั้นหายลับตาไป พร้อมๆกับรถโดยสารประจำทางอีกคันแล่นเข้ามาเทียบจอด
แต่สาวใหญ่ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นบันใดก็มีอันล้มฮวบลงเสียก่อน จนผู้โดยสารกรูกันลงมาปฐมพยาบาลกันวุ่นวาย แม้แต่ตอนที่หมดสตินั้นสาวใหญ่ก็ยังมองเห็นใบหน้าและมือของผู้หญิงคนนั้น แม้ก่อนหน้านั้นรถโดยสารคันดังกล่าวจะหายลับตาไปแล้วก็ตาม
เป็นเรื่องจริงค่ะ ที่เกิดขึ้นกับตัวของเพื่อนสาวดิฉันเอง แต่ตัวแสดงได้แต่งขึ้นเอาค่ะ ไม่เชื่อโปรดอย่าลบหลู่