โทอิ มุทสึโอะ เด็กหนุ่มอายุ 21 ปีที่ทั้งชีวิตถูกกดดันอย่างหนักและได้รับทุกข์ทรมานจากวัณโรคที่รักษาไม่หาย เขาอาศัยในหมู่บ้านไคโอะ หมู่บ้านขนาดเล็กในหุบเขา ซึ่งส่วนหนึ่งของเมืองสึยามะในจังหวัดโอคายามะ พ่อแม่ตายตั้งแต่เด็ก ยายรับเลี้ยงดูแต่เกิดภาวะซึมเศร้าและถูกหญิงในหมู่บ้านปฏิเสธที่จะคบเป็นแฟนเพราะเขาเป็นวัณโรค
จนทำให้ความถึงขีดสุดจนก่อเหตุสังหารหมู่ขึ้น โดยในบันทึกฆ่าตัวตายของเขาบอกเป็นนัยว่าที่เขาทำเรื่องดังกล่าวเพราะความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธจากเพื่อนหญิงของเขา
ในชั่วโมงแรกของวันที่ 21 พฤษภาคม 1938
มุทสึโอะขึ้นไปในห้องใต้หลังคาแล้วเปลี่ยนชุดเตรียมออกรบ
เขาใส่เสื้อคอตั้งของทหาร พันสายคาดกับหน้าแข้งทั้งสองข้าง
บนหัวพันกระบอกไฟฉายขนาดเล็กสองอันไว้ราวกับเขาของปีศาจ
แล้วแขวนไฟหน้าของจักรยานไว้กับตัว
ที่เอวเสียบดาบญี่ปุ่นกับมีดจีนอีกสองเล่ม
ในมือถือปืนบราวนิ่งขนาดยิงติดต่อกันเก้านัด เขายัดกระสุนลงในกระเป๋ากว่า
100 นัด สะพายย่ามซึ่งบรรจุดินปืนกับปลอกกระสุน
และวางพินัยกรรมของตนทิ้งไว้แล้วก็พร้อมที่จะเปิดฉากการล้างแค้น
เริ่มจากใช้ขวานฆ่ายายของเขาด้วยการตัดหัวจนขาดกระเด็น จากนั้นเขาก็ตัดสายกระแสไฟหมู่บ้านให้มืดสนิท จากนั้นเขาก็เดินไปบ้านแต่ละหลัง(11หลัง)และฆ่าคนในบ้านที่เขาบุกรุกเข้าไปตายทีละคนสองคนด้วยปืนและดาบ และแล้วในที่สุด คดีฆาตกรรมซึ่งกินเวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งก็สิ้นสุดลง รวมจำนวนผู้เสียชีวิต เหยื่อเสียชีวิต 30ราย และบาดเจ็บ 3 คน
สุดท้ายเขาก็กลับบ้านตนเองและฆ่าตัวตายด้วยการยิงตนเองด้วยปืนลูกซองที่หน้าอก
และนี้คือคดีสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น โดยประโยคแรกในจดหมายลาตายของเขาเขียนไว้ว่า “เมื่อคุณอ่านจดหมายฉบับนี้แสดงว่าผมคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว สิ่งที่ผมทำลงไปนั้นทำตัดสินใจทำลงไปจริง แต่ผมก็ไม่สามารถฆ่าคนที่สมควรจะฆ่า กลับฆ่าคนที่ไม่ควรจะฆ่าเพราะเหตุการณ์พาไป”
เริ่มจากใช้ขวานฆ่ายายของเขาด้วยการตัดหัวจนขาดกระเด็น จากนั้นเขาก็ตัดสายกระแสไฟหมู่บ้านให้มืดสนิท จากนั้นเขาก็เดินไปบ้านแต่ละหลัง(11หลัง)และฆ่าคนในบ้านที่เขาบุกรุกเข้าไปตายทีละคนสองคนด้วยปืนและดาบ และแล้วในที่สุด คดีฆาตกรรมซึ่งกินเวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งก็สิ้นสุดลง รวมจำนวนผู้เสียชีวิต เหยื่อเสียชีวิต 30ราย และบาดเจ็บ 3 คน
สุดท้ายเขาก็กลับบ้านตนเองและฆ่าตัวตายด้วยการยิงตนเองด้วยปืนลูกซองที่หน้าอก
และนี้คือคดีสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น โดยประโยคแรกในจดหมายลาตายของเขาเขียนไว้ว่า “เมื่อคุณอ่านจดหมายฉบับนี้แสดงว่าผมคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว สิ่งที่ผมทำลงไปนั้นทำตัดสินใจทำลงไปจริง แต่ผมก็ไม่สามารถฆ่าคนที่สมควรจะฆ่า กลับฆ่าคนที่ไม่ควรจะฆ่าเพราะเหตุการณ์พาไป”