ผมเป็นคนค่อนข้างกลัวผีพอสมควร จะเรียกว่าครึ่ง-ครึ่งก็ได้ แม้ว่าจะยังไม่เคยโดนผีหลอกมาก่อน...จนกระทั่งถึงวันมหาซวยสุดขีดคืนก่อนนี่เอง!
สาเหตุมาจากนิสัยชอบเที่ยวเตร่เสเพล หาเงินง่าย ใช้เงินคล่อง เพื่อนฝูงอื้อซ่า แต่ที่ซี้กันพิเศษคือเจ้าโก๋ เพราะโสดกับรักสนุกเหมือนกัน ทั้งสุรานารีไม่ค่อยขาด แต่ดีอย่างที่ไม่เล่นยากับการพนัน...คนหนุ่มๆ สมัยนี้จะให้ดีเต็มร้อยคงลำบากนะครับ ผมว่า
คืนเกิดเหตุ เราไปเที่ยวโรงนวดแผนไทยที่ปิ่นเกล้า เพราะชักเบื่อโรงนวดธรรมดากับสปาแบบซ่อง เจ้าโก๋มีรถยนต์ที่พ่อซื้อให้ เผลอๆ มันก็ออกไปแรดคนเดียว เจอทีเด็ดจากด๊อกเตอร์นวดแผนไทยที่นั่น เอามาสาธยายให้เพื่อนฟัง
ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 2 สาวๆ นั่งสลอนเต็มตู้ ที่ผมสนใจเพราะเจ้าโก๋ยืนยันว่า นวดอย่างเดียว 2 ชั่วโมงแค่ 140 บาท ถ้าอยากเข้าห้องพิเศษมีห้องน้ำต้องจ่าย 280 บาท
ดาราที่นี่คือน้องขวัญกับน้องแนน บังเอิญเราไม่ได้โทร.ไปจอง สองสาวเพิ่งขึ้นไปทำงานหยกๆ กว่าจะครบรอบก็เกือบ 5 ทุ่ม เราซดเบียร์คนละขวดแล้วข้ามฟากไปแถวราชดำเนิน แวะร้านข้าวต้มสกายไฮ นั่งโต๊ะบนบาทวิถีจะได้สูบบุหรี่กันตามสบาย
หมดเบียร์แกล้มเป็ดพะโล้กับปลาใบขนุนทอดไปราว 3-4 ขวด ตบท้ายด้วยซูเปอร์-น่องไก่ต้มซุปรสโอชะ...ฝนปรอยมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว ตัดสินกลับบ้านดีกว่า
เจ้าโก๋ขับรถข้ามสะพานเสี้ยวแทนที่จะข้ามปิ่นเกล้าไปบางพลัด เจ้าโก๋ดันเลี้ยวไปทางวัดพระแก้วโน่น บอกว่าไปดูผีขนุนยุคใหม่ดีกว่า คลั่กๆ อยู่แถวต้นมะขามรอบท้องสนามหลวงทุกคืน มีทั้งชายและหญิงเรียกว่า "ผีมะขาม" ไงล่ะ
ผมสงสัยว่าดึกดื่นฝนตกแบบนี้จะมีเรอะ? เจ้าโก๋กลับหัวเราะ...ความหิวน่ะมันไม่เลือกเวลาหรอก ไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกมันก็หิวทั้งนั้นแหละ!
จริงของมันแฮะ! พอเลี้ยวไปทางฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์กับธรรมศาสตร์ หันไปมองก็เห็นสาวยืนกางร่มอยู่ใต้ต้นมะขาม ยืนเดี่ยวก็มี สองคนก็มี พอเห็นรถเราชะลอ เข้าเทียบคุณเธอก็ปราดเข้ามาหา พร้อมๆ กับผมไขกระจกลง
"เที่ยวมั้ยพี่? ห้าร้อยเองค่ะ" เธอบอกแจ๊วๆ เห็นในแสงไฟก็หน้าตาดีพอใช้ "ไปโรงแรมใกล้ๆ มหาดไทยนี่เอง"
"พี่มากันสองคน แต่น้องมีคนเดียวนี่"
"เพื่อนหนูมี จะเอากี่คนก็ได้...ว่าไงล่ะพี่? ไปเถอะ ฝนยิ่งตกๆ อยู่ด้วย"
"ขอดูไปเรื่อยๆ ก่อนนะ" ผมบอก เจ้าโก๋ออกรถไปได้หน่อยก็แวะเข้าไปอีก คราวนี้สองสาวก้าวเข้ามายืนพร้อมๆ กัน เจ้าโก๋ยื่นหน้าเข้าไปถามราคา...เท่ากับรายก่อนแฮะ คงจะเป็นมาตรฐานของที่นี่ล่ะมั้ง?
ผมสงสัยว่าเป็นกะเทยหรือเปล่า? คำตอบจากสาวร่างเล็กผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้ม สวมเสื้อยืด นุ่งกางเกงขาสั้นก็คือ....ใช่ค่ะ แต่หนูแปลงเพศมาแล้วนะ!
เจ้าโก๋ทำคอย่น ขอตัวออกรถไปแวะหาคนอื่นดูก่อน ผมสังเกตว่ามีผู้ชายยืนหลบๆ อยู่หลังโคนมะขาม คงจะเป็นแมงกะจั๊วหรือนักเลงประจำถิ่น คอยดูแลความเรียบร้อย...จนกระทั่งเราอ้อมกลับมาอีกครั้ง เพราะทางถนนราชดำเนินในสว่างเกินไป
คราวนี้ทั้งถามราคากับโรงแรมให้แน่ใจ ก็ได้รับคำตอบตรงกัน
เราปรึกษากันว่าดึกป่านนี้กลับบ้านดีกว่า ก็พอดีเจอสองสาวนุ่งกางเกงขาสั้นทั้งคู่ สวมเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง หน้าสวยสะดุดตา ปราดเข้ามาชวนเราเที่ยวแบบรายอื่นๆ แถมบอกอย่างรวบรัดว่า...ห้าร้อยเอง ไปศิริพงษ์ หนูขึ้นรถเลยนะพี่!
ผมชักอึ้ง หันไปมองเจ้าโก๋ที่กำลังพึมพำ...เอาก็เอาวะ!
สองสาวขึ้นมานั่งหลังรถแล้ว แสงไฟพุ่งตรงไปยังถนนเปียกโชกดูเป็นเงาวับ อากาศเย็นเฉียบจนน่าขนหัวลุก รถเลี้ยวไปตามข้างวัดพระแก้ว เห็นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตั้งแต่อยู่ตรงหน้า
จู่ๆ เจ้าโก๋ก็ร้องเฮ้ย! เบรกรถพรืดแทบหัวทิ่ม เราหันขวับไปมองพร้อมๆ กันแต่ไม่เห็นสองสาวที่เพิ่งขึ้นรถมาหยกๆ ซะแล้ว!
ผมนั่งตกตะลึง ปากลิ้นแข็งจนพูดไม่ออก เรามองสบตากัน ยกมือไหว้ไปทางวัดพระแก้วกับศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เจ้าโก๋เข้าเกียร์มือไม้สั่น ขับรถกลับบ้านโดยไม่ได้พูดจากันเลย...ขนหัวลุกน่ะซีครับ! บรื๋อออ...
สาเหตุมาจากนิสัยชอบเที่ยวเตร่เสเพล หาเงินง่าย ใช้เงินคล่อง เพื่อนฝูงอื้อซ่า แต่ที่ซี้กันพิเศษคือเจ้าโก๋ เพราะโสดกับรักสนุกเหมือนกัน ทั้งสุรานารีไม่ค่อยขาด แต่ดีอย่างที่ไม่เล่นยากับการพนัน...คนหนุ่มๆ สมัยนี้จะให้ดีเต็มร้อยคงลำบากนะครับ ผมว่า
คืนเกิดเหตุ เราไปเที่ยวโรงนวดแผนไทยที่ปิ่นเกล้า เพราะชักเบื่อโรงนวดธรรมดากับสปาแบบซ่อง เจ้าโก๋มีรถยนต์ที่พ่อซื้อให้ เผลอๆ มันก็ออกไปแรดคนเดียว เจอทีเด็ดจากด๊อกเตอร์นวดแผนไทยที่นั่น เอามาสาธยายให้เพื่อนฟัง
ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 2 สาวๆ นั่งสลอนเต็มตู้ ที่ผมสนใจเพราะเจ้าโก๋ยืนยันว่า นวดอย่างเดียว 2 ชั่วโมงแค่ 140 บาท ถ้าอยากเข้าห้องพิเศษมีห้องน้ำต้องจ่าย 280 บาท
ดาราที่นี่คือน้องขวัญกับน้องแนน บังเอิญเราไม่ได้โทร.ไปจอง สองสาวเพิ่งขึ้นไปทำงานหยกๆ กว่าจะครบรอบก็เกือบ 5 ทุ่ม เราซดเบียร์คนละขวดแล้วข้ามฟากไปแถวราชดำเนิน แวะร้านข้าวต้มสกายไฮ นั่งโต๊ะบนบาทวิถีจะได้สูบบุหรี่กันตามสบาย
หมดเบียร์แกล้มเป็ดพะโล้กับปลาใบขนุนทอดไปราว 3-4 ขวด ตบท้ายด้วยซูเปอร์-น่องไก่ต้มซุปรสโอชะ...ฝนปรอยมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว ตัดสินกลับบ้านดีกว่า
เจ้าโก๋ขับรถข้ามสะพานเสี้ยวแทนที่จะข้ามปิ่นเกล้าไปบางพลัด เจ้าโก๋ดันเลี้ยวไปทางวัดพระแก้วโน่น บอกว่าไปดูผีขนุนยุคใหม่ดีกว่า คลั่กๆ อยู่แถวต้นมะขามรอบท้องสนามหลวงทุกคืน มีทั้งชายและหญิงเรียกว่า "ผีมะขาม" ไงล่ะ
ผมสงสัยว่าดึกดื่นฝนตกแบบนี้จะมีเรอะ? เจ้าโก๋กลับหัวเราะ...ความหิวน่ะมันไม่เลือกเวลาหรอก ไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกมันก็หิวทั้งนั้นแหละ!
จริงของมันแฮะ! พอเลี้ยวไปทางฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์กับธรรมศาสตร์ หันไปมองก็เห็นสาวยืนกางร่มอยู่ใต้ต้นมะขาม ยืนเดี่ยวก็มี สองคนก็มี พอเห็นรถเราชะลอ เข้าเทียบคุณเธอก็ปราดเข้ามาหา พร้อมๆ กับผมไขกระจกลง
"เที่ยวมั้ยพี่? ห้าร้อยเองค่ะ" เธอบอกแจ๊วๆ เห็นในแสงไฟก็หน้าตาดีพอใช้ "ไปโรงแรมใกล้ๆ มหาดไทยนี่เอง"
"พี่มากันสองคน แต่น้องมีคนเดียวนี่"
"เพื่อนหนูมี จะเอากี่คนก็ได้...ว่าไงล่ะพี่? ไปเถอะ ฝนยิ่งตกๆ อยู่ด้วย"
"ขอดูไปเรื่อยๆ ก่อนนะ" ผมบอก เจ้าโก๋ออกรถไปได้หน่อยก็แวะเข้าไปอีก คราวนี้สองสาวก้าวเข้ามายืนพร้อมๆ กัน เจ้าโก๋ยื่นหน้าเข้าไปถามราคา...เท่ากับรายก่อนแฮะ คงจะเป็นมาตรฐานของที่นี่ล่ะมั้ง?
ผมสงสัยว่าเป็นกะเทยหรือเปล่า? คำตอบจากสาวร่างเล็กผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้ม สวมเสื้อยืด นุ่งกางเกงขาสั้นก็คือ....ใช่ค่ะ แต่หนูแปลงเพศมาแล้วนะ!
เจ้าโก๋ทำคอย่น ขอตัวออกรถไปแวะหาคนอื่นดูก่อน ผมสังเกตว่ามีผู้ชายยืนหลบๆ อยู่หลังโคนมะขาม คงจะเป็นแมงกะจั๊วหรือนักเลงประจำถิ่น คอยดูแลความเรียบร้อย...จนกระทั่งเราอ้อมกลับมาอีกครั้ง เพราะทางถนนราชดำเนินในสว่างเกินไป
คราวนี้ทั้งถามราคากับโรงแรมให้แน่ใจ ก็ได้รับคำตอบตรงกัน
เราปรึกษากันว่าดึกป่านนี้กลับบ้านดีกว่า ก็พอดีเจอสองสาวนุ่งกางเกงขาสั้นทั้งคู่ สวมเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง หน้าสวยสะดุดตา ปราดเข้ามาชวนเราเที่ยวแบบรายอื่นๆ แถมบอกอย่างรวบรัดว่า...ห้าร้อยเอง ไปศิริพงษ์ หนูขึ้นรถเลยนะพี่!
ผมชักอึ้ง หันไปมองเจ้าโก๋ที่กำลังพึมพำ...เอาก็เอาวะ!
สองสาวขึ้นมานั่งหลังรถแล้ว แสงไฟพุ่งตรงไปยังถนนเปียกโชกดูเป็นเงาวับ อากาศเย็นเฉียบจนน่าขนหัวลุก รถเลี้ยวไปตามข้างวัดพระแก้ว เห็นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตั้งแต่อยู่ตรงหน้า
จู่ๆ เจ้าโก๋ก็ร้องเฮ้ย! เบรกรถพรืดแทบหัวทิ่ม เราหันขวับไปมองพร้อมๆ กันแต่ไม่เห็นสองสาวที่เพิ่งขึ้นรถมาหยกๆ ซะแล้ว!
ผมนั่งตกตะลึง ปากลิ้นแข็งจนพูดไม่ออก เรามองสบตากัน ยกมือไหว้ไปทางวัดพระแก้วกับศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เจ้าโก๋เข้าเกียร์มือไม้สั่น ขับรถกลับบ้านโดยไม่ได้พูดจากันเลย...ขนหัวลุกน่ะซีครับ! บรื๋อออ...