EP.095 : 10 อันดับบ้านผีสิงอันลือชื่อ (ใกล้ๆกรุงเทพ)

1. ซอยรามคำแหง 32

ปล่อยให้ ทิ้งร้างเก่าทรุดโทรมอย่างน่าใจหาย ประวัติของบ้านมีว่าเจ้าของบ้านเป็น ชาวต่างชาติ
วันหนึ่งเจ้าของบ้านขับรถออกไปทำงานตามปกติ ที่บ้านมี สาวใช้อยู่เพียงคนเดียว คนร้ายไม่ทราบจำนวน ซึ่งคงมาแอบสังเกตการณ์นาน พอสมควรได้ฉวยโอกาสเข้าปล้น และฆ่าสาวใช้ตายคาที่ นับตั้งแต่นั้นมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย ดังโหยหวนน่าสยดสยอง และยังเห็นผู้หญิง (เข้าใจว่าเป็นสาวใช้ที่ถูกฆ่าตาย ) เดินวน เวียนวูบวาบอยู่ในบ้าน

เจ้าของบ้านทนอยู่ไม่ไหวต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น เล่ากันว่า หลังจากนั้นมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย ดังมาจากบ้านร้างบ่อยๆ และมีคนเห็นผู้หญิงลึกลับยืนอยู่หน้าบ้าน เป็นประจำเมื่อเข้าไปใกล้ก็หายไป


2. วัดมหาบุศย์ พระโขนง

ที่ วัดมหาบุศย์ ยังมีศาลย่านาคตั้งอยู่สืบเนื่องมาจากตำนานรักของแม่นาค พระโขนง ที่รู้กันแพร่หลาย เล่ากันว่า เมื่อผีแม่นาคอาลวาดหลอกหลอนจน ชาวบ้านหาปกติสุขมิได้ เจ้าประคุณสมเด็จโต ( วัดระฆัง ) ได้มานำวิญญาณแม่นาคไป พร้อมกับกระดูกกระโหลกหน้าผาก แล้วอบรมสั่งสอนให้ รักษาศีล ปฏิบัติธรรมนัยว่าแม่นาคเลื่อนภพเป็นเทพแล้ว หากยังมีผี วนเวียนที่วัดมหาบุศย์ คงมิใช่วิญญาณแม่นาคอย่างแน่นอน

3. อู่รถเมล์เก่า ซอยสายหยุด

ที่นี่เป็นสุสานรถเมลล์หรือรถโดยสาร ประจำทางที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนใช้การไม่ได้ ซากรถเมลล์แต่ละ คันมีประวัติคนตายโหงคารถในสภาพสยดสยองมาแล้ว และเป็นที่เล่าลือกันว่าอยู่ดีๆ ไฟในรถกลับเปิดสว่างขึ้นมาเอง หรือมีคนมายืนโบกรถหน้าอู่ แท๊กซี่จะเข้าไปจอดรับก็หายไป บางครั้งมีคนวิ่งตัดหน้า และหายไปดื้อๆ

4. ซอยรอดอนันต์ 1 ถนนสุขาภิบาล 1

เป็นบ้านร้างทรงไทยอยู่ริมบึงไกลจากบ้านอื่นๆในระแวกนั้น บริเวณบ้านรกครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย คุณยาย เจ้าของบ้าน เสียชีวิตที่บ้านหลังนี้ และน่าเชื่อว่าวิญญาณของคุณยายไม่ยอมไปผุดไปเกิด แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน จนกระทั่งลูกหลานไม่กล้าอยู่ ต่างแยกย้ายไปอยู่ที่อื่นหมด ปล่อยบ้านทิ้งร้างชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และที่บ้านหลังนี้เล่าลือกันว่า ผีดุนัก คนอยู่ระแวกใกล้เคียงเคยเห็นผีคุณยายมายืนชี้นิ้วอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อมีเด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในบริเวณหน้าบ้าน เคยมีคนใจกล้าเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงผู้หญิงแก่ๆขู่ตะคอก จนต้องเผ่นออกมาแทบไม่ทัน

5. รังสิต คลอง 13

จากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตรมีบ้านพักถูกไฟไหม้เกือบหมดทั้งหลังแต่ยังเหลือซาก บ้านอยู่ส่วนหนึ่ง ข้อมูลบางกระแสเล่าว่ามีผู้หญิงตายในไฟ บ้านหลังนี้อยู่ในสวนมะขามหวาน แต่ถูกทิ้งให้รกร้างคนในระแวกใกล้เคียง ต่างยืนยันกันว่าตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวน มาจากซากบ้านบ่อยๆพร้อมกันนั้นเคยมีคนเห็นผีผู้หญิงในบริเวณซากบ้าน ด้วย

6. ซอยมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ถนนพัฒนาการ

เป็นโรงงานร้าง เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำปากกาและเป็นโรงกลึงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 80 ไร่ เหตุที่กลายเป็นโรงงานร้าง ชำรุดทรุดโทรมมี วัชพืชขึ้นปกคลุมรกครึ้มเช่นทุกวันนี้ว่ากันว่าเจ้าที่เจ้าทางแรง ระหว่างที่ดำเนินงานอยู่มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลายคนผู้ลง ทุนขาดทุนย่อยยับจนต้องเลิกกิจการหากเดินเข้าไปในอาณาเขตโรงงานร้างจะ สัมผัสบรรยากาศยะเยือกผิดปกติ และเล่าลือกันว่า หากไปเคาะแท้งก์น้ำซึ่ง ตั้งอยู่ 3 ใบ 3 ครั้ง จะปรากฏเจ้าที่เจ้าทางออกมาให้เห็นทันที

7. วัด ปราสาท จ.นนทบุรี

เป็นวัดเก่าแก่โบราณ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง เคยขุดพบกำแพงเมืองรอบอุโบสถอายุ 300 ปีด้าน หลังอุโบสถ มีคุ้มเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมว่ากันว่าเจ้าของสถานที่คือ พระนางอุษาวดีเทวีชาวบ้านระแวกนั้นเรียกว่า "แม่" และ" เจ้าแม่ "เวลา กลางคืน หากไปที่บริเวณคุ้มจะมีบรรยากาศวังเวงน่ากลัวมากผู้ใดไปแสดงกิริยาวาจาจ้วง จาบหยาบคาย ไม่เคารพผู้เป็นเจ้าของสถานที่มักจะพบกับ เหตุการณ์แปลกๆน่าขนหัวลุก

8. โรงงานร้างอยู่ในอุตสาหกรรม บางปู (ฝั่งเดียวกับเมืองโบราณ)

สถานที่อยู่สุดซอย 2 เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำรองเท้า ขณะที่กิจการกำลังดำเนินงานไปด้วยดี ได้เกิดอุบัติเหตุร้างแรงคือเครื่องปั้มลมเกิดระเบิดคนงานหลายคนเสียชีวิต สยอง นับตั้งแต่นั้น คนงานที่ทำงานอยู่ ถูกผีหลอกวิญญาณหลอนจน ต้องทะยอยลาออกไปเรื่อยๆจนหมด กิจการประสบความวินาศเจ้าของโรงงาน ยิงตัวตายในห้องทำงานชั้นบนของโรงงานและกลายเป็นสถานที่รกร้างเรื่อยมา เล่าลือกันว่าผีดุมากปัจจุบันนี้ยังมีเศษรองเท้ากระจายเกลื่อนและปั้ม ลมมรณะก็ยังอยู่

9. บ้านทรงยุโรป (ซอยวัชรพล)

เป็นบ้านทรงยุโรป หลังใหญ่ ซึ่งยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จถูกทิ้งร้างค้างคาอยู่ในสภาพเดิม เวลากลางคืนดูน่ากลัวชวนขนลุกยิ่งและว่ากันว่ามีคนพบเห็นวิญญาณของชาย หญิงและเด็ก ปรากฏวูบวาบบ่อยๆสาเหตุที่บ้านหรูหลังใหญ่ กลายเป็นบ้านร้างเนื่องจากเจ้าของบ้านหลังนี้ พาครอบครัวขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดและประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตหมดทุกคน

10. หมู่บ้านปิยพร (ซอยวัชรพล)

เป็นหมู่บ้านร้าง ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ชื่อหมู่บ้านปิยพร คนเก่าคนแก่ในพื้นที่เล่าว่า ที่ดินส่วนนี้เคยเป็นป่าช้ามาก่อน เจ้าของโครงการไม่ได้ทำพิธีบอกกล่าวขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง ดังนั้นพอเริ่มงานก่อสร้างจึงพบกับอุปสรรคนานาประการ ต่อมามีคนงานเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหลายคน ในเขตหมู่บ้านมีบึงใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ก็มีเด็กตกไปตาย 2-3 คนประกอบกับบ้านในโครงการ ไม่มีผู้สนใจอย่างที่ประเมินเอาไว้จึงต้องยุติโครงการ กลายเป็นหมู่บ้านร้างกลางกรุง พร้อมกันนั้นก็มีเสียงเล่าลือว่าผู้ที่เข้าไปในเขตหมู่บ้านยามวิกาล มักจะพบวิญญาณแสดงตัวหลอกหลอน เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อ ไม่บังอาจกล้ำกลายเข้าไปอีก

ที่มา: http://board.postjung.com/468764.html

EP.094 : วิธีเห็นผีตอนกลางวัน

คุณจะต้องตื่นแต่เช้า ประมาณ 7:00 น. เอาพอมีแดดบ้างจะต้องเดินทางไปยังวัดเพื่อให้บารมีพระคุ้มครอง หลังจากไปวัดอย่าลืมเอาขวดใส่น้ำที่บรรจุน้ำเปล่าไปด้วย เมื่อฟังพระสวดเสร็จคุณควรเริ่มพิธีได้

วิธีทำ

  1. นำน้ำที่ถือมาไปที่กำแพงวัด เน้นตรงเสากำแพง
  2. สาธุหนึ่งครั้งแล้วกรวดน้ำขอขมาผู้ที่ล่วงลับไปแล้วที่อยู่ในบริเวณวัด
  3. จากนั้นคุณกลั้นหายใจแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นดูตรงเสากำแพงวัด
  4. คุณจะเจอผีจริงๆๆ บางครั้งก็เห็นเป็นภาพสีต่างๆ  บางครั้งก็เห็นเป็นภาพขาวดำ
  5. แค่นี้คุณก็จะได้เห็นผีตอนกลางวันแสกๆ   เหอๆๆ



EP.093 : รวมเรื่องอาถรรพ์ในจุฬา

ห้องสมุดวิศวกรรมศาสตร์
เราไม่เคยเข้านะเลยไม่รู้ว่าห้องนี้ยังใช้อยู่หรือเปล่า แต่ที่ได้ยินมาคือ เป็นห้องที่ดัดแปลงจากอาคารที่เดิม เป็นตึกเรียนเก่า กลางวันแสกๆ วันหนึ่งมีอาจารย์ท่านหนึ่ง เข้าไปค้นหนังสือในส่วนที่ห้ามนิสิตเข้า คือยืมได้แต่ห้ามเดิน เข้าไปเองน่ะ ทีนี้อาจารย์ท่านนั้นกำลังก้มหน้าส่องหาหนังสือ อยู่ตามชั้นต่างๆ พอขยับหน้าผ่านไปตรงช่องว่างระหว่างหนังสือ ก็เห็นฝั่งตรงข้ามมีหน้าจ้องผ่านร่องหนังสือเข้ามา เห็นว่าใส่ ชุดนิสิตอยู่ด้วย อาจารย์ตกใจและโกรธด้วยเลยเดินไปถามว่า นิสิตเข้ามาได้ยังไง แต่พอเดินไปถึงช่องนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลย ที่สำคัญพออาจารย์เดินหาจนทั่วพบว่าแม้แต่เจ้าหน้าที่ห้องสมุด เองก็ไม่อยู่ด้วยซ้ำไม่มีทางที่ใครจะมาโผล่หน้าให้เห็นได้ แต่เมื่ออาจารย์เดินกลับไปหาหนังสือที่ชั้นเดิมก็ได้กลิ่นฉุน กลิ่นเหม็นไหม้ที่แรงมาก พอมองไปที่พื้นก็เห็นควันลอยขึ้น มาจากพื้น อาจารย์เลยเผ่นแนบ มาทราบภายหลังว่าตรงนั้น เคยเป็นห้องแล็บ มีนิสิตเผาตัวตาย


ลานพระรูป
เย็นวันหนึ่งเมื่อประมาณปี 37 -38 เวลาราวๆ หกโมงเย็น เพื่อนเรา (รัฐศาสตร์รหัส 34) เดินกับแฟนจากฝั่งสถาปัตย์มาด้านวิทยาฯ ผ่านทางเดินหน้าพระรูป ขณะที่กำลังเดินมาใกล้พระรูป มองเห็นว่าบนรั้วเตี้ยๆ ที่เลียบทางเดินข้างพระรูปออกไปยังเสาธง (ซึ่งมันจะเป็นกึ่งๆ ที่นั่ง - คงจะนึกกันออก) มีชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งนั่งหันหลังให้ สองคนนี้สวีทกันมากจนเพื่อนเราหมั่นไส้ เพราะหญิงสาวผมยาวนั่งเอาหัวเกยไหล่ฝ่ายชายอยู่ เท่าที่เห็นผู้ชายใส่เสื้อขาวกางเกงแสล็คเหมือนชุดนิสิต แต่ผู้หญิงใส่เสื้อขาวจุดดำคล้ายๆ ชุดไปงานศพ เพื่อนเราก็อยากเห็นหน้าสองคนนี้มาก เนื่องจากเห็นว่าอะไรจะมาสวีทกันในที่สาธารณะอย่างนี้ ทีนี้นึกออกมั้ยว่าก่อนที่เพื่อนเราจะเห็นหน้าสองคนนี้ได้ก็ต้องเดินผ่าน น้ำพุและโดนน้ำพุบังสายตาไปแว้บนึง ปรากฏว่าพอเดินเลยน้ำพุมาแล้วหันไปดู ทั้งสองคนเล่าเหมือนกันว่า ผู้ชายคนนั้นดูท่าทางไม่ปกติ ดูเอ๋อๆ ชอบกล ที่สำคัญคือ ...เห็นผู้ชายนั่งอยู่คนเดียวไม่มีผู้หญิง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมองไม่เห็นหากผู้หญิงหลบไปที่อื่น เพราะแวบเดียวจริงๆ และพุ่มไม้ที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ห่างไปตั้ง 5 - 6 เมตร นอกจากว่าผู้หญิงคนนั้นจะอุตริกระโดดไปหมอบหลังที่นั่งอันนั้นเท่านั้นเอง (แล้วต้องนอนราบด้วยจึงจะมองไม่เห็นเพราะที่กั้นนั้นเตี้ยมาก) เพื่อนเรานั้นซึ่งไม่ได้พูดกับแฟนเลยตั้งแต่แรกเลยรีบจูงมือแฟนเดินมาจนถึง คณะแล้วถามว่าเห็นหรือเปล่า ปรากฏว่าแฟนมันก็เห็นเหมือนกัน (ลืมบอกไป ว่าเพื่อนเราเป็นคู่หวานแหววมากอันดับต้นๆ ในคณะ ย่อมจะทนเห็นคนหวานแหววกว่าได้ยาก) ขอย้ำว่าเรื่องนี้เกิดตอนหกโมงเย็น หน้าลานพระรูป และแดดยังออกอยู่ด้วยแหละ

ห้องล้างรูป คณะศิลปกรรมศาสตร์
ว่ากันว่าห้องล้างรูปรวมของศิล'กรรมน่ากลัวที่สุด นอกจากเรื่องเห็นขาแกว่งแล้ว ยังมีแสงลูกไฟสีต่างๆ แวบไปแวบมาในห้องล้างรูปด้วย (ซึ่งห้องล้างรูปจะต้องมืดหรืออาจให้มีแสงสีแดงได้สีเดียว) บางทีก็มีเสียงเก้าอี้้นั่งรอล้างรูปดังอี๊๊ดอ๊าด ทั้งๆ ที่ไม่มีคนนั่งรอ หรือนิสิตบางคนได้ยินเสียงคนตบแท็งค์น้ำในห้องล้างรูปทั้งๆ ที่ไม่มีคนอื่นในห้อง ว่ากันว่านิสิตขอให้คณะย้ายห้องหลายครั้งแต่คณะไม่มีงบ - อันนี้เป็นข้อมูลหลายปีแล้ว ไม่รู้ป่านนี้ย้ายห้องหรือยัง


ล๊อกเกอร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ 
ที่นั่นเคยมีคนเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่บนล๊อกเกอร์ทีแรกเห็นแต่ขา แต่ว่าเมื่อมองขึ้นไปกลับไม่มีตัวตนอยู่เลย


ห้องสมุด คณะอักษรศาสตร์ 
ห้องสมุดที่ตึกเก่าของอักษร มีนิสิตชายคนหนึ่งไปอ่านหนังสือ เห็นนิสิตผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามก้มหน้าอ่านหนังสือนานมากไม่เงยหน้าซะที เลยถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า ผู้หญิงเลยเงยหน้าขึ้นมา ปรากฏว่า...ไม่มีหน้า

ห้อง Sound Lab คณะอักษรศาสตร์
ห้องไหนไม่รู้และไม่รู้ด้วยว่าตึกที่ถูกทุบไปหรือตึกที่ยังอยู่ปัจจุบัน เพราะอักษรมี Sound Lab เยอะมาก อาจารย์หญิงท่านหนึ่งรับฝากชั้นเรียนไว้ ได้รับคำฝากฝังให้เปิดเทปให้นิสิตฟังและคอยเช็คชื่อก็พอ ขณะกำลังเปิดเทปมีนิสิตหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หลังห้องไม่ยอมใส่หูฟัง อาจารย์เดินไปถามก็ตอบว่าเจ็บคอ พอตอนออกจากห้อง อาจารย์คอยเช็คชื่อเห็นคนครบแต่ไม่มีชื่อเด็กคนที่ไปคุยด้วยและเด็กก็ไม่ ยอมออกมาสักที เลยเดินกลับไปหา ไปดูที่โต๊ะก็ไม่เจอ แต่พอหันออกมาจะกลับ เห็นเด็กยืนอยู่กลางห้องสายหูฟังพันคออยู่และโยงไปที่เพดาน อาจารย์หมดสติไปเลย มาทราบทีหลังว่ามีเด็กเพิ่งฆ่าตัวตายในห้องนั้น

ตึกชีววิทยาทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์
ชั้น 4 หรือชั้น 5 ไม่รู้ นิสิตที่อยู่ดึกบอกว่าเห็นเงาคนและแสงไฟวูบวาบบ่อยมากทั้งที่ไม่มีคน ลิฟต์ก็ชอบเปิดชั้นนี้ทั้งที่ไม่มีคนกดเรียก ห้องน้ำแถวภาควิชาเคมี - อยู่ดีๆ บานประตูก็ปิดเอง (และล้อคด้วย) บ่อยมากๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีลม - และแน่นอน ไม่มีคนเข้า - พอนิสิตไปถามยามยามก็บอกว่าชินแล้ว บอกอย่างทำใจได้ว่าถ้าเจอก็มาตามก็แล้วกัน จะไปช่วยไขกุญแจให้

ห้องประชุมชั้นล่างตึกสาม คณะรัฐศาสตร์
(ปี 36 - 37) กลางวันแสกๆ นิสิตรัฐประศาสนศาสตร์รหัส 34 นั่งสอบอยู่ นิสิตบางคน (ซึ่งคงมีสัมผัสที่หก) มาบอกทีหลังว่ารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกและได้ยินเสียงเพลงแว่วๆ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะเป็นห้องเก็บเสียงดีมาก เพื่อนเรา (คนที่เล่าให้ฟัง) นั่งอยู่หลังห้อง เห็นอาจารย์เดินไปท้ายห้องประชุมทำเสียงดุๆ ใส่ห้องว่างๆ แต่จับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไร ภายหลังทราบว่าอาจารย์เห็นนิสิต "ตน" หนึ่ง (จำไม่ได้ว่าหญิงหรือชาย) ยืนร้องเพลงของเบิร์ด - ตามข่าวน่ะยืนยันว่าเพลงเบิร์ดด้วยนะ ขอบอก - อยู่หลังห้องประชุม อาจารย์เลยไปดุว่าขอให้หยุดเพราะน้องๆ สอบอยู่ ที่สำคัญ...วันนั้นไม่ได้มีแค่ตนเดียว มีอีกตนหนึ่งไม่ใช่นิสิต นั่งห้อยขาอยู่บนลำโพงห้องประชุมด้วย

ประตูอังรีฯ
เพื่อนเราอยู่คณะวิทยาศาสตร์ (สำหรับเพื่อนสาธิตรามขอบอกว่าคือ แนน) ขับรถมาทางประตูรัฐศาสตร์ อังรีฯ จะวกรถออกไปแยกสุรวงศ์ เลยต้องไปรอเลี้ยวรถกลางถนน พอไฟส่องไปที่ใต้สะพานลอยฝั่งโรงพยาบาลจุฬา ก็เห็นคนนั่งยองๆ อยู่ใต้สะพาน ทุกอย่างเหมือนคนทั่วไป นอกจากหน้าเหมือนปูนปลาสเตอร์ที่ยังไม่แห้งแล้วโดนสาดน้ำน่ะ คือขาวๆ ย้อยๆ ไฟหน้ารถเธอจับอยู่นานพอดูเพราะต้องรอกลับรถ เมื่อเธอหันไปดูเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่นั่งมาด้วยกันก็ไม่มีทีท่าว่าเห็นอะไร เหมือนเธอเลย เธอก็เลยทำเฉยๆ กลัวว่าเพื่อนจะกลัว

คณะเศรษฐศาสตร์
ประตูชั้นล่างที่จะออกไปโรงอาหารด้านหลัง - ถูกกั้นไม่ให้เข้าออกเพราะเป็นทางผีผ่าน มีคนเห็นอะไรแปลกประหลาดมามากมาย ใครที่มีเรื่องขยายโปรดเพิ่มเติมมาด้วยจักเป็นพระคุณ (โดยเฉพาะน้องบี๊ช่วยเสริมมาด้วยก็จะดี)

ชั้นที่มีห้องพักนิสิต ป.โท (ไม่รู้ชั้นไหน)
เพื่อนเราเพิ่งจบโทมาปีสองปี (สำหรับเพื่อนสาธิตรามขอบอกว่าคือ โอชิน) เล่าว่า วันหนึ่งค่ำแล้วฝนตกหนักทุกคนกำลังจะกลับบ้าน แต่เลอะเทอะกันมากเลยกลับมาห้องพักนิสิตปริญญาโทเพื่อหลบฝนและล้างโคลน เพื่อนเราไปล้างโคลนคนเดียวในห้องน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องพัก พอดีไฟดับ เพื่อนเราเลยโผล่ออกมาดูคนอื่นๆ ว่าเป็นไงบ้าง เห็นเงาดำๆ อยู่ห่างออกไปตรงทางเดิน ทำท่าเหมือนกำลังเดินเข้ามาหา เธอดูรูปร่างแล้วเลยเรียกชื่อเพื่อนผู้ชายในกลุ่มที่หุ่นแบบนี้ แต่เงาดำไม่ตอบ และเดินเท่าไหร่ก็ไม่ใกล้เข้ามาสักที แป๊บนึงอยู่ดีๆ เงาดำก็หายไป เพื่อนเราคนนี้ก็เหมือนคนที่แล้ว คือ ไม่ยอมบอกเพื่อน กลัวเพื่อนจะกลัว เดินกลับเข้าห้องไปรวมกลุ่มเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หอหญิง (ตึกดำ)
เพื่อนเราเคยอยู่หอหญิงบอกว่าชั้น 10 เนี่ยดุสุดๆ คืนหนึ่ง ก่อนนอนกลัวว่าจะร้อนเลยเปิดประตูมุ้งลวดให้ลมเข้า คนที่นอนริมในสุดบังเอิญเป็นคนที่มีสัมผัสที่หกพอดี เล่าว่ากลางดึกอยู่ดีๆ เธอก็ตื่นมา เมื่อมองไปนอกมุ้งลวด เห็นคนคลุมหัวเดินอยู่ ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพื่อนที่เป็นมุสลิมในชั้นเดียวกันนั้น แต่ร่างที่ว่าเดินเท่าไรก็ไม่พ้นหน้าห้องซักที เธอเลยรู้ว่าเจอดีเข้าแล้ว ก็เลยคลุมโปงนอนต่อ

ห้องมืด (ห้องล้างฟิลม์) คณะนิเทศศาสตร์ 
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้แล้วไม่ได้กลับออกมาก เลย มีคนเข้าไปหาตั้งหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีใครพบ ได้มีนิสิตรุ่นน้องต่อ ๆ มาเล่าให้ฟังว่า ยังมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นอีกเช่น มีนิสิตได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้ ขณะที่เข้าไปนั้นก็คิดว่าตนนั้นเข้าไปกับเพื่อน ก็มีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อน บอกให้หยิบของส่งให้ก็มีคนหยิบส่งให้ แต่พอออกมาเห็นเพื่อนของตนอยู่นอกห้อง จึงได้รู้ว่าตนเข้าคนเดียว แล้วใครล่ะที่เป็นคนหยิบของส่งให้ ยังคงเป็นปริศนาอยู่

บันไดวน คณะเภสัชศาสตร์ 
เป็นบันไดที่ปิดตายไม่ใช้แล้ว มีคนเล่าว่ามีคนเคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวตลอดทั้งตัวยืนอยู่ที่บันไดนี้

ห้อง 415 หอพักนิสิตหญิงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
เล่ากันว่าถ้าหากวันไหนตื่นขึ้นมาตอนดึก ๆ คนที่ตื่นขึ้นมาจะเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยมายืนอยู่ที่ปลายเตียง

ดาดฟ้า ตึกพยาธิวิทยา 
ตอนดึก ๆ หรือตอนเย็น ๆ ใกล้ค่ำ ถ้าหากมีใครขึ้นไปบนดาดฟ้าจะเห็นคนยืนนุ่งชุดสไบสีขาว

ทางเดินระหว่างตึก คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 
ทางเดินที่ว่านี้มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีสามีภรรยานักการของคณะสถาปัตย์ได้ทะเลาะกัน ฝ่ายภรรยาได้เอาปืนยิงสามีจนเสียชีวิต เลือดสาดไปทั่วหน้าห้องทางเดินนี้ ต่อมาเมื่อทางคณะได้มีการปรับปรุงพื้นชั้นหนึ่งได้มีการเทปูนไว้ แต่มีเฉพาะหน้าห้องนี้เท่านั้นที่ไม่ยอมแห้ง ทิ้งไว้นานสักเท่าไรก็ไม่ยอมแห้ง ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่าที่เห็นกันทุกวันนี้

ที่มา http://www.waiza.com/

EP.092 : ผีดุ คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ

เรื่องเล่าที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สี่สิบปีก่อนหน้านั้น ยุคสมัยที่เปิดคณะใหม่ๆ ไฟฟ้าที่คณะฯ จะดับบ่อยมาก ห้องน้ำห้องส้วมจะอยู่ใกล้ๆ กับตึกคณะฯ นิสิตที่คณะฯ ต้องมีการทำภาคนิพนธ์ให้ผ่านการพิจารณาของอาจารย์ จึงจะจบและสำเร็จการศึกษาได้ตามหลักสูตร

คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มีหลัก สูตรการเรียนห้าปี แต่บางคนเรียนหกปี เจ็ดปี ถึงปีที่เก้าแล้วก็มี เพราะเรียนตกหรือเรียนซ้ำชั้น หรือยังไม่ผ่านภาคนิพนธ์ตามรายวิชาที่กำหนดไว้ ทำให้นิสิตส่วนมากต้องอยู่กันดึกๆ เพื่อทำงานที่คั่งค้างหรืองานที่มอบหมายให้แล้วเสร็จ หรือเพื่อให้เกิดมีไอเดียบรรเจิดในการทำภาคนิพนธ์/แก้ไขภาคนิพนธ์ ส่วนมากมักจะนอนค้างคืนกันที่คณะของมหาวิทยาลัยเป็นประจำ เพื่อทำงานภาคนิพนธ์จนกว่าจะเสร็จ/แก้ไขตามคำแนะนำของอาจารย์


มีวัน หนึ่ง ด้วยความที่ปวดท้องมาก รุ่นพี่คนหนึ่งของคณะสถาปัตย์จึงเดินไปยังห้องน้ำ ทั้งๆที่ไฟฟ้าดับ ไม่มีแสงสว่าง ด้วยความจำเป็นอย่างยิ่งยวด เลยเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ได้พกเทียนหรือไฟฉายไปด้วย เมื่อนั่งลงบนโถส้วม ปรากฎว่านั่งลงบนขาของคนที่นั่งอยู่ในส้วม แกร้องจ๊ากว่า "ผีหลอก" แล้ววิ่งหน้าตื่นกลับเข้าไปที่ห้องทำงาน เพื่อนๆ ต้องช่วยกันปลอบและพัดวีกันอย่างใหญ่ให้หายตกใจ ตกลงว่าแตกตื่นทั้งคณะแล้วรู้กันไปทั่วภายในมหาวิทยาลัย กลายเป็นเรื่องเล่าและตำนานสยองขวัญของมหาวิทยาลัยว่า ผีดุมาก ที่ห้องน้ำคณะสถาปัตย์ฯ

ทำให้ในเวลาต่อมา ภายในคณะสถาปัตย์ฯ การไปห้องน้ำแต่ละครั้งของนิสิตที่ต้องทำงานในกลางคืน จะต้องมีคนไปเป็นเพื่อนประจำตลอดมายิ่งเวลาไฟดับก็ไม่มีใครอยากไปห้องน้ำกัน เลย

เรื่องนี้เพิ่งมาเฉลย ในวันครบรอบสถาปนาของคณะสถาปัตย์ฯ จุฟาฯ ที่ครบรอบมากว่าสี่สิบปีแล้ว มีการจัดงานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง มีการเล่าเรื่องผีดุของคณะสถาปัตย์ จากรุ่นพี่คนที่นั่งบนขาของผีในห้องน้ำ

จู่ๆ รุ่นน้องคนหนึ่งได้รับสารภาพต่อหน้ารุ่นพี่ที่เจอผีว่ากำลังนั่งอยู่พอดีจะ ลุกขึ้น รู้สึกว่ามีใครเดินเข้ามาในห้องน้ำ กลัวก็กลัว  แต่ไม่กล้าลุกขึ้นและแล้วปรากฏว่ามีคนนั่งลงบนขาของตนเอง แล้วมีเสียงกรีดร้องวิ่งออกจากห้องน้ำไปตนเองแต่งตัวเสร็จ  รีบลุกวิ่งตามออกไปภายหลัง
เห็นว่ารุ่นพี่ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นไปอีก

เมื่อ รู้ความว่า รุ่นพี่ไปแจ้งกับเพื่อนๆ ในคณะฯว่า มีผีหลอกในห้องน้ำของคณะแล้ว ก็ไม่กล้าไปรับสารภาพกับรุ่นพี่และเพื่อน ๆ ในคณะ เพราะถ้าสารภาพคงถูกรุ่นพี่และเพื่อนๆ ยำแน่ เลยเฉยๆ ไว้ รวมทั้งสะใจที่สร้างตำนานผีหลอกไว้ที่คณะได้ด้วยส่วนหนึ่ง เมื่อได้รับสารภาพเสร็จต่อหน้ารุ่นพี่และเพื่อนๆแล้ว ผลทั้งคู่และผู้ร่วมงานต่างหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน และยกโทษให้ซึ่งกันและกัน เพราะต่างคนต่างแก่ด้วยกันแล้วทั้งคู่

ที่มา : ต่วยตูน

EP.091 : ซื้อเตียง

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองในรอบเดือนแล้ว ที่แจนต้องมานอนที่ ร.พ.นี้ อันที่จริงเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนักหรอก แต่พักนี้เริ่มมีคนสงสัยเรื่องเธอกับหัวหน้าขึ้นมาแล้ว พากันหาเรื่องจับผิดอยู่ตลอด จนแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ โดยเฉพาะยัยเมียหัวหน้า ที่เริ่มมาป้วนเปี้ยนในออฟฟิศบ่อยขึ้นทุกที บางวันถึงขนาดทำปิ่นโตมาส่งผัวตอนพักเที่ยง เรียกว่าไม่ต้องออกไปพ้นตัวอาคารกันเลย

เซ็งหนักๆ เข้าแจนเลยหาเรื่องป่วยปวดท้องบ้าง ปวดหัวบ้าง ก็พอดีกับที่สนิทสนมกับหมอที่โรงพยาบาลนี้เป็นอย่างดี แถมยังมีประกันสุขภาพแบบมีรายได้ชดเชยวันหยุดอีก แจนก็เลยได้มานอนกระดิกเท้าเล่นสบายๆ ได้ตามใจ


ร.พ.เอกชนนี่บางทีอยู่สบายหยั่งกะโรงแรม สวย สะอาด แถมมีคนดูแลตลอด กดออดก็วิ่งมาล่ะ แจนคิดพลางกดมือถือแช็ตไลน์คุยเล่นกับเพื่อนๆ พลางถ่าย รูปอัพภาพตัวเองนอนบนเตียงโรงพยาบาลพร้อมเข็มน้ำเกลือ ทำหน้าเพลียๆ ขึ้นอินสตาแกรม พิมพ์ไว้ใต้รูปว่า หน้าโทรมมาก ทั้งที่แต่งหน้าเต็มกรีดอายไลเนอร์คมกริบ

แจนมองรูปตัวเองที่ถ่ายไว้นับพันรูปอย่างพออกพอใจ ธรรมดาของคนสวย เธอคิด ถ่ายมุมไหนก็สวย คิดแล้วเธอก็ตัดใจเลือกรูปหนึ่งที่คิดว่าดูจืดที่สุดแต่ก็ยังสวยน่าทะนุถนอม มาก อัพขึ้นเป็นรูปโปรไฟล์ หลังจากนั้นก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมาทักเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นบรรดาหนุ่มๆ ที่แจนกำลังคั่วอยู่ อวยพรให้กำลังใจขอให้หายป่วยไวๆ หลายคนชมว่าขนาดป่วยยังน่ารัก แจนยิ้มพอใจ

สักพักเสียงเคาะประตูดังขึ้น แจนตกใจ กลัวจะเป็นเจ้านายกิ๊กของเธอซึ่งขี้หึงมาก จึงรีบปิดเครื่องมือถือแล้วยัดเข้าไปไว้ใต้ที่นอนก่อนที่เขาจะเข้ามา

หลังจากนั้น เมื่อเขากลับไปแล้ว แจนจึงล้วงมือไปดึงมือถือกลับมา แต่ทว่า "เอ๊ะ นี่อะไรน่ะ" เธอคิดเมื่อมือล้วงไปเจอสิ่งอื่นที่มากกว่ามือถือ

แจนค่อยๆ ก้าวลงจากเตียง แล้วยกเบาะที่นอนดู แล้วก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบเงินเหรียญ 10 จำนวนหลายเหรียญกระจายอยู่เต็มพื้นเตียงไปหมด หญิงสาวมองไปทางประตูห้อง เมื่อไม่เห็นใครเข้ามา จึงรีบโกยเงินทั้งหมดนั้นใส่กระเป๋าเหรียญของตัวเอง "ลาภลอยละ" เธอคิดอย่างกระหยิ่ม

เมื่อเพื่อนๆ ของเธอมาเยี่ยมในตอนเย็น เธอก็นำเงินที่ได้มานั้นยื่นให้เพื่อนช่วยไปซื้อขนมและน้ำอัดลมมากินกัน พลางเล่าเรื่องที่เจอเงินให้เพื่อนฟังอย่างร่าเริง

แต่ในกลุ่มเพื่อนเธอคนหนึ่งดูไม่ได้ร่าเริงด้วย แถมยังดูตกใจ "อะไรนะ นี่มึงเอาเงินใต้ที่นอนนั่นมาซื้อของกินเหรอ"

"ก็ใช่น่ะสิวะ โคตรโชคดีเลย" แจนหัวเราะ

เพื่อนคนนั้นหน้าถอดสี รีบวางขนมที่กำลังกินอยู่และลุกขึ้นทันที "อีแจน มึงนี่หาเรื่องแล้ว เงินใต้ที่นอน โรงพยาบาลเขาเอาใส่ไว้ซื้อที่ มึงไม่รู้เหรอ"

"ซื้อที่อะไรวะ" แจนงุนงงกับท่าทีของเพื่อนที่ทำให้เพื่อนคนอื่นๆ เริ่มตกใจไปด้วย

"เขาซื้อที่จากคนที่ตายบนเตียงคนก่อนๆ ไม่งั้นจะนอนไม่ได้ ยิ่งเตียงไหนมีเงินเยอะแสดงว่าเตียงนั้นเฮี้ยนเลยไม่มีแม่บ้านกล้าเอาเงิน ออก"

แจนใจหายวูบ เย็นสันหลังขึ้นมาทันที แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ "อีบ้า ปากเสียอุตส่าห์ซื้อขนมมาแบ่งกันกินยังมาปากเสียอีก"

เพื่อนคนนั้นรีบควักเงินในกระเป๋าส่งคืนให้แจน "เอาเงินมึงคืนไปเลย กูไม่อยู่ด้วยละ กินเงินซื้อเตียง ซวยชิบหาย"

หลังจากนั้นงานก็กร่อย และคนอื่นๆ ก็ทยอยขอตัวกลับไปจนเหลือแต่แจนคนเดียว หญิงสาวรู้สึกฉุนเพื่อนคนนั้นไม่น้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แจนกดออดเรียกพยาบาลให้มาช่วยเธอขยับเสาน้ำเกลือกลับขึ้นไปนอนบนเตียง แจนขึ้นไปยังไม่ทันเรียบร้อย ก็รู้สึกเหมือนมีใครผลักจนตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง "โอ๊ย!" พยาบาลที่อยู่อีกฟากหนึ่งตกใจและรีบเข้ามาช่วยแต่ก็ถูกแจนตวาดหาว่าแกล้งเธอ สรุปแล้วข้อเท้าของแจนบาดเจ็บเพิ่มเติมจนเดินไม่ได้ หมอได้รักษาใส่เฝือกและสั่งให้นอนนิ่งๆ ไม่ให้ลุกไปไหน

"ก็จะลุกไปไหนได้ล่ะสภาพนี้" แจนคร่ำครวญน้ำตาซึม พลางนึกน้อยใจว่าเมื่อเธอเจ็บจริงๆ แล้ว เจ้านายกลับ ไม่มาคอยเฝ้าดูแลเธอบ้างเลย โทร.ไปก็ไม่รับสายไลน์ไปก็บอกว่าติดธุระที่บ้าน น่าน้อยใจจริงๆ สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แจนดีใจ รีบหยิบมาดู แต่ปลายทางเป็นเบอร์ไม่ระบุเลขหมาย "ฮัลโหล"

เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงกระซิบกระซาบแหบพร่าแผ่วเบาฟังแทบไม่ได้ศัพท์ของ คนหลายคนคล้ายๆ คำว่า ที่กู ที่กู แจนเข้าใจไปว่าเพื่อนโทร.มาอำเล่น

"ใครวะ อย่าให้กูรู้นะมึง" แจนตะคอกลงไปในโทรศัพท์ แต่แล้วก็ต้องตกใจ สะดุ้งสุดตัวแทบขว้างโทรศัพท์ทิ้ง เมื่อเสียงจากในโทรศัพท์แผดออกมาดังลั่นห้องว่า "ที่กู!"

แจนมือสั่นตัวสั่นด้วยความกลัว พยายามคลานไปที่ปุ่มกดเรียกพยาบาลที่หัวเตียงเอื้อมมือไปยังไม่ทันถึงก็ รู้สึกได้ว่ามีมือมาจับที่ข้อเท้าแล้วกระชากอย่างแรงจนตกลงมาหัวฟาดพื้น อย่างแรง ก่อนที่สติจะดับวูบ แจนเห็นร่างเงาดำตะคุ่มใหญ่โตกว่าคนปกติร่างหนึ่งชะโงกลงมาจากเตียง แสยะยิ้มให้หัวเราะชอบใจเสียงก้องกังวานไปทั่วห้อง แล้วพูดว่า "ทีหลังอย่าสะเออะมานอนที่กู"

ที่มา : คอลัมน์ หลอน โดย นทธี ศศิวิมล

EP.090 : โรงพยาบาลผีสิง ซอยอารีย์ กรุงเทพ

โรงพยาบาลผีสิงที่ระยองกำลังเป็นข่าวดังสุดๆ ถึงกับมีคนอยากไปลองของ ท้าพิสูจน์กันมากมาย เพื่อให้เห็นดำเห็นแดงว่ามีผีสิงจริงหรือเปล่า? ถ้ามีจริงจะปรากฏกายให้เห็นหรือไม่?

ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปดูคืนละเป็น ร้อยๆ จนคนเฝ้าต้องเก็บเงินค่าผ่านประตูหัวละ 10 บาท คนอยากรู้อยากเห็นก็ยินยอมจ่ายให้โดยดี พอเห็นเข้าก็สติแตก ร้องไห้โฮก็มี วิ่งหนีกระเซอะกระเซิงก็มี อาการหนักกว่าเพื่อนถึงกับสลบค่าที่ เมื่อช่วยกันแก้ไขให้ฟื้นขึ้นได้ก็รีบกลับไปจุดธูปขอขมาว่าไม่ได้เจตนาลบ หลู่อะไรหรอก เจ้าประคุณเอ๋ย...นอกจากอยากรู้อยากเห็นเท่านั้นแหละ ข่าวสดลงข่าวอื้อฉาว พี่ป๋องออกรายการทางวิทยุ ทีวียกกองไปตั้งกล้องถ่าย ผู้คนสนใจแห่กันมาดูคับคั่ง พ่อค้าแม่ขายหลายเจ้าก็พลอยขายดิบขายดีไปตามๆ กัน


เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ อยู่กลางซอยราชครู สนามเป้าเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมานี่เอง

เข้าซอยไปราว 100 เมตรเศษ อยู่ทางซ้ายมือ ด้านหน้ามีรั้วและสนามหน้าตึกสามชั้น รับตรวจรักษาโรคต่างๆ เหมือนโรงพยาบาลทั่วไป คนไข้ก็เข้าออกกันหนาตา รวมทั้งญาติมิตรที่ไปเยี่ยมคนป่วยต้องนอนโรงพยาบาล

จู่ๆ โรงพยาบาลนี้ก็เลิกกิจการไปโดยที่ไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัด


ลือกัน ว่าขาดทุนบ้าง ขาดแพทย์และพยาบาลบ้าง เจ้าที่แรงบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือ กลายเป็นโรงพยาบาลร้าง ประตูรั้วปิดตาย ไม่ช้าก็มีเถาไม้เลื้อยพันขึ้นมารกรุงรัง ยามค่ำคืนคนที่ผ่านไปมามองเห็นตึกร้าง มีแต่ความทึบทึมเปล่าเปลี่ยว นอกจากจะเกิดความวังเวงใจแล้วยังรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบไปตามๆ กัน

คน แถวนั้นที่ผ่านไปมาตอนกลางคืน เล่าว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องครวญครางโหยหวนน่าขนลุกดังมาจากตึกชั้นบน

อาหมู - คนรับเหมาก่อสร้างเดินกลับบ้านมาพร้อมกับเมียชื่อเจ๊แดง บอกว่าได้ยินเสียงเด็กร้องไห้เยือกเย็นมาจากตึกร้าง พอหันไปมองอย่างลืมตัวก็เห็นผู้หญิงยืนอุ้มลูกอยู่ที่หน้าต่างชั้น 2 เล่นเอาวิ่งแข่งกันเป็นลมพัด...เจ๊แดงจับไข้อยู่หลายวัน สบถสาบานว่าจะไม่ยอมเดินผ่านโรงพยาบาลผีสิงตอนกลางคืนอีกต่อไป

น้าวีระ - เซลส์แมนสบถสาบานว่า ขนาดนั่งตุ๊กตุ๊ก เข้าซอยมาแท้ๆ ยังเห็นรถเข็นคนไข้เปล่าๆ แล่นไปมาอยู่หน้าตึกร้าง ไม่มีทั้งคนนั่งและคนเข็น หมาเจ้ากรรมก็โก่งคอหอนโหยหวนขึ้นทั้งซอย คนขับตุ๊กตุ๊กคงจะเห็นเหมือนกันเลยห้อตะบึงจนเลยทางเข้าบ้าน น้าวีระสั่งจอด พอโดดลงมาคนขับก็บึ่งรถไปโดยไม่แยแสค่าโดยสาร...ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน

ป้าณี - แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวที่ก้นซอยอารีสัมพันธ์ 1 เล่าว่า ออกไปซื้อของที่ตลาดสะพานควายตอนเช้ามืด พอเดินผ่านโรงพยาบาลร้างที่ตั้งตะคุ่มอยู่ในความมืดสลัว หันไปมองโดยไม่ตั้งใจก็เห็นไฟสว่างพรึ่บบนชั้น 2 กับชั้น 3 ที่เป็นห้องพักคนไข้ รวดเดียว ป้าณีวิ่งไม่คิดชีวิตไปถึงถนนใหญ่...ตั้งแต่นั้นมาจะไม่ยอมออกไปซื้อของก่อน สว่างเป็นอันขาด

น้าอ้วน - อยู่ใกล้ๆ บ้านป้าณี เป็นสาวโสดฐานะดี มีอาชีพออกเงินกู้ อยู่กับแม่ที่ชรามากแล้ว เจอฤทธิ์เดชของปีศาจโรงพยาบาลร้างรุนแรงยิ่งกว่าทุกคน ขนาดเอาชีวิตเป็นเครื่องสังเวย!

วันนั้น น้าอ้วนไปเก็บดอกเบี้ยไปถึงซอยอารี ซอยสีฟ้า ลูกหนี้ชวนไปดื่มเบียร์ฟังเพลงที่คาเฟ่หน้าโรงหนังนิวยอร์ก...ติดลมจนเกือบ สองยาม ถึงได้เดินเซนิดๆ มาขึ้นแท็กซี่แยกกันกลับบ้าน แทนที่จะเข้า ซอยอารี เลี้ยวซ้ายผ่านโรงแรมมายเฮ้าส์ไปอารีสัมพันธ์ 1 จะได้ไม่ผ่านดงผีดุ แต่กลับเลยไปเข้าทางซอยราชครูจนได้ ท่ามกลางบรรยากาศเยือกเย็นชวน ให้วังเวงใจ แท็กซี่เจ้ากรรมคันนั้นเกิดเบรกเอี๊ยดที่หน้าประตูรั้วสนิมเขรอะดื้อๆ เล่นเอาน้าอ้วนแทบสร่างเมา ชะโงกหน้าเข้าไปถามว่าจอดที่นี่ทำไม? คำตอบเล่นเอาขนหัวลุกพรึ่บทันที

"ก็รถพยาบาลเขาจะเลี้ยวเข้าไป พี่ไม่เห็นรึ?"

"รถผีสิงน่ะซี..." น้าอ้วนหลุดปากได้แค่นั้นก็ลิ้นแข็ง เบิกตาโพลงบัดดล

นรกเป็นพยาน! รถตู้สีขาวคันหนึ่งกำลังเลี้ยวช้าๆ ผ่านหน้ารถแท็กซี่ แล่นทะลุประตูเหล็กที่มีไม้เลื้อยรุงรังเข้าไปในโรงพยาบาลร้าง...ก่อนจะจาง หายไปต่อหน้าต่อตา

น้าอ้วนร้องด่าอย่างลืมตัว รู้สึกเหมือนมีความมืดสาดพรึ่บเข้ามาเต็มหน้า แท็กซี่ร้องเฮ้ย! เข้าเกียร์ออกรถมือไม้สั่น ขับพรวดพราดไปจอดหน้าซอย บอกว่าไม่ยอมเข้าไปเด็ดขาด เดี๋ยวจะบึ่งตรงไปออกทางคลองประปา น้าอ้วนจะอ้อนวอนเท่าไหร่ก็ไร้ผล เดินร้องไห้ซมซานมาถึงบ้านก็เป็นลม ไป รุ่งขึ้นเพื่อนบ้านได้ข่าวก็ไปเยี่ยม น้าอ้วนเล่าเรื่องขนหัวลุกให้ฟังกระท่อนกระแท่น เดี๋ยวหัวเราะร่วน เดี๋ยวก็ร้องไห้โหยหวนเยือกเย็นไปถึงหัวใจของทุกคนที่ได้ยิน

อีกราว 3-4 วันต่อมา น้าอ้วนก็ผูกคอตายในห้องน้ำชั้นล่าง ไม่มีใครทราบสาเหตุแท้จริงว่าเป็นเพราะอะไรแน่...แต่ก็ลือกันว่าโดนวิญญาณ ร้ายมาเอาชีวิตเพราะปากคอร้ายกาจของแกเอง

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด

EP.089 : โรงพยาบาลผีสิง จังหวัดระยอง

"โรงพยาบาลผีสิง" หลอกหลอนผู้คนจนร่ำลือทั้งระยอง

ขนลุกกันทั้งเมือง "โรงพยาบาลผีสิง" หลอกหลอนผู้คนจนร่ำลือทั้งระยอง เป็นโรงพยาบาลเก่าที่หยุดกิจการปล่อยให้ร้างมา 3-4 ปี ทิ้งตู้ยาเตียงคนไข้ไว้เกลื่อน ประตูหน้าต่างกระจกแตก ผู้คนที่ผ่านไปมาบางคนเห็นรถพยาบาลวิ่งเข้าวิ่งออก เห็นคนเข็นเตียงคนไข้เดินไปมา ได้ยินเสียงคนไข้ร้องโหยหวน ทั้งๆ ที่ตึกทั้งตึกไม่มีใครอยู่ รกร้างมีหญ้าขึ้นเต็มไปหมด จนไม่มีใครกล้าผ่าน ขณะเดียวกันก็มีคนเข้าไปพิสูจน์เป็นระยะๆ แต่ก็ต้องวิ่งหน้าตาตื่นตัวสั่นออกมาแทบทุกคน หลายคนบอกถูกตบหัว


เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านร่ำลือกันไปทั่วเมืองระยองว่า มีผีอาละวาดเที่ยวตามหลอกหลอนผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาจนหวาดผวาไปตามๆ กัน ที่โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ชื่อโรงพยาบาลเอกชน ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ต.เชิงเนิน อ.เมือง ระยอง ริมถนนสาย 36 โดยเสียงร่ำลือของชาวบ้านบอกว่าเห็นผีเข็นรถคนไข้ไปมาภายในโรงพยาบาล และมีเสียงร้องโหยหวนชวนให้ขนลุกขนพองอย่างยิ่ง จนไม่มีใครกล้าเดินผ่านเส้นทางดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน

ห้องดับจิตและโรงอาหาร ทั้งหมดอยู่ในสภาพเก่า
จากการตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบว่า มีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ด้านหน้าเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ติดถนนสาย 36 ของโครงการระยองคอมเพล็กซ์ ด้านหลังโครงการมีพื้นที่โล่งเนื่องจากโครงการหยุดชะงัก ห่างจากถนนออกไปประมาณ 1 ก.ม.พบตึก 4 ชั้นขนาดใหญ่ ด้านหน้าเขียนข้อความว่า "โรงพยาบาลเอกชน ศูนย์บริการ 24 ช.ม." มีหญ้ารกปกคลุม สภาพเก่าตัวอาคารมีสีแดง ชั้นล่างเป็นห้องฉุกเฉินที่ยังมีป้ายติดอยู่ ชั้นสองเป็นห้องคอมพิวเตอร์และห้องผู้ป่วย ส่วนชั้นล่างมุมขวาเป็นห้องดับจิตและโรงอาหาร ทั้งหมดอยู่ในสภาพเก่า

นอกจากนี้ตามห้องต่างๆ ยังมีเตียงคนไข้เก่าๆ เรียงรายกระจัดกระจายเต็มไปหมด หน้าต่างทุกบานกระจกแตกไม่อยู่ในสภาพใช้การได้ เมื่อมองสังเกตเข้าไปด้านในมีรอยคล้ายรอยเลือด 2 กองติดอยู่พื้นผนังหน้าห้องฉุกเฉิน ส่วนห้องดับจิตก็ยังมีตะแกรงวางศพปรากฏให้เห็น ขณะที่ห้องเย็นสำหรับเก็บศพอยู่ติดกับโรงอาหารชั้นล่าง มีสภาพเก่าๆ ทึมๆ สร้างความวิเวกวังเวงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเวลามีสายลมอ่อนๆ พัดผ่านมา

เหตุใดโรงพยาบาลต้องหยุดกิจการ
นายสุชาติ พฤษศานิตย์ อายุ 40 ปี คนงานที่เฝ้าสถานที่ดังกล่าวเปิดเผยว่า เดิมโรงพยาบาลแห่งนี้ชื่อโรงพยาบาลเอกชน ก่อนจะหยุดกิจการไป อีกประมาณ 1 ปีต่อมากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในชื่อโรงพยาบาลสุนทรภู่ แต่ละวันมีคนไข้เข้ามาใช้บริการจำนวนมากจนกลายเป็นโรงพยาบาลชื่อดังของ จังหวัด แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดโรงพยาบาลต้องหยุดกิจการอีกครั้ง และปิดยาวกลายเป็นอาคารร้างมาประมาณ 3-4 ปีแล้ว ส่วนตนได้รับว่าจ้างจากบริษัทแห่งหนึ่งที่ซื้อตึกนี้ให้ดูแลคอยถางหญ้าถาง ป่าไม่ให้รกรุงรัง

แต่ละวันจะมีคนเข้ามาพิสูจน์ผีเป็นระยะๆ และก็ต้องวิ่งเผ่นหนีออกมากันแทบทุกคน

นายสุชาติกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีคนมาบอกว่าที่นี่ผีดุ และโดนหลอกเป็นประจำ แต่ละวันจะมีคนเข้ามาพิสูจน์ผีเป็นระยะๆ และก็ต้องวิ่งเผ่นหนีออกมากันแทบทุกคน ล่าสุดมีนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งเข้ามาพิสูจน์ความจริง และก็วิ่งหน้าตาตื่นตัวสั่นออกมาบอกกับตนว่า ถูกตบหัว

"มีชาวบ้านเห็นคนเข็นรถเข็นคนไข้และมีคนไข้เข้าๆ ออกๆ เป็นประจำเหมือนปกติ แต่พอมองดูช้าๆ ชัดๆ ก็กลายเป็นป่าไม้ บางทีก็มองไม่เห็นอะไรเลย บางทีก็มีรถพยาบาลวิ่งเข้าไปข้างใน มีเสียงคนไข้ร้องโหยหวน แต่ผมไม่เคยเจอกับตาเสียที" ผู้ดูแลโรงพยาบาลผีสิง กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่โรงพยาบาลดังกล่าวต้องหยุดกิจการปล่อยให้รกร้างมานาน เนื่องจากมีปัญหาถูกร้องเรียนเรื่องขาดแคลนแพทย์ และการให้บริการ

ที่มา :  http://happy.teenee.com/xfile/ghosthorror/16.html
 
Wordpress Theme by wpthemescreator .
Converted To Blogger Template by Anshul .