EP.061 : ตำนานผีดุ มหาวิทยาลัยบูรพา

สถานที่เกิดเหตุ : หอพักหญิงตรงลานเกือกม้า

หอพักหญิงชวนขนหัวลุกนี้ มีเพื่อนสนิทที่เจอผีเข้าจังๆ ที่ห้อง 516 เตียง 7 เป็นเตียงชั้นบน (เตียง 2 ชั้น) เวลาเกิดเหตุอยู่ในช่วงตะวันใกล้โพล้เพล้แล้ว เพื่อนนอนหลับ แต่ระหว่างที่สะลึมสะลือจะตื่น ก็เห็นผู้หญิงไต่เตียงขึ้นไปหา ผู้หญิงที่เห็นใส่ชุดดำ ไว้ผมยาว กระโดดมาทับตัวเพื่อน ดิ้นไม่ได้เลย ทั้งยังบีบคอ จนต้องท่องนโมหลายจบ แล้วเขาก็หายไปในที่สุด พอสะดุ้งตื่นมาจริงๆ ไม่เจอใครในห้อง แล้วเตียงนั้นก็ไม่มีใครยอมมานอนอีกเลย


ตึกภาพพิมพ์ (ปัจจุบันโดนทุบทิ้งไปแล้ว)ตึกภาพพิมพ์ ซึ่งเมื่อก่อนมีคนโดนฆ่าแล้วถูกนำศพมาทิ้งไว้ที่บ่อนข้างๆ ตึก ในตอนนั้นหลายคนนึกว่าเป็นหุ่นของทางคณะศิลปกรรมนำมา ใช้โปรโมตละครเวที จนเวลาผ่านไป 2-3 วัน ศพเริ่มเน่าและอืดอยู่ในบ่อน้ำ จึงได้รู้ความจริงกันว่าไม่ใช่หุ่นธรรมดา


ตึกวิศวกรรมศาสตร์ ชั้น 8
ตามที่ร่ำลือกันมาว่ามีอาจารย์ เสียชีวิตอยู่ในห้องดรอว์อิ้ง ขณะที่กำลังสำรวจนั้น อยู่ดีๆ ลิฟต์ก็เปิดออกและปิดในทันทีพร้อมกับขึ้นไปที่ชั้น 8 โดยที่ยังไม่มีใครกดลิฟต์ในชั้นใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนั้นเพื่อนทุกคนก็ถอยกรู ขนลุก ปรากฏว่าไม่มีใครอยาก ขึ้นไปอีกเลย

ห้องเซรามิก คณะศิลปกรรมศาสตร์
เล่ากันมาจากรุ่นพี่ที่มีสัมผัสที่ 6 คนหนึ่งว่า เห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยใส่ชฎารำอยู่ข้างในห้อง ตอนแรกก็คิดว่าเด็กเรียนรำไทยมาฝึกซ้อมที่นี่กันหรือ เปล่า พอตอนเช้าเขาไปถามได้คำตอบว่าไม่มี และเป็นประจำที่หน้าห้องนี้ดึกๆ หมาจะหอนกันเกรียวเลย

EP.060 : ตำนานผีดุ มหาวิทยาลัยรังสิต

สถานที่เกิดเหตุ : หอชายเก่า





ที่หอชายเก่าในช่วงที่ใกล้จะสร้างหอเสร็จ มีการติดตั้งลิฟต์ และคืนนั้นมีคนงานกินเหล้ากันตามปกติ จนกระทั่งตี 1 มีคนงานคนหนึ่งตกลงไปที่ชั้นล่างใต้ลิฟต์แล้วปีนขึ้น มาไม่ได้ เพราะความเมา และคนงานคนนั้นก็เลยถูกลิฟต์ทับ ในเวลาต่อมาหลังจากที่หอเปิดได้ไม่นานก็มีนักศึกษาเข้าอยู่เต็ม และหอนี้ไม่เคยปิดเป็นเวลา จึงมีนักศึกษาเข้า-ออกเป็นประจำ จนตี 2 ของคืนหนึ่ง มีนักศึกษากลับมาจากข้างนอกแล้วเดินขึ้นลิฟต์ตามปกติ หลังจากกดชั้นที่พัก ลิฟต์ก็เคลื่อนที่ไปได้สักพักแล้วก็หยุด พร้อมๆ กับไฟดับและมีเสียงร้องดังออกมาข้างนอก จากนั้นลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมฝุ่นตลบ มีเสียงใครคนหนึ่งตะโกนว่าอย่ายืนทับที่ หลังจากนั้นก็มีการทำบุญหอกันมาทุกๆ ปี

EP.059 : ตำนานผีดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี


สถานที่เกิดเหตุ : ลานจอดรถยนต์ข้างศูนย์บรรณาสาร ( หอสมุด )




ว่ากันว่าเป็นแดนประหารเก่า และว่ากันมาว่ามีพนักงานรักษาความปลอดภัยกะดึกคนหนึ่งเคยเห็นผีคอขาด เดินลากโซ่เสียงดังเกรียวกราวไปมา และถ้าดึกๆ ใครขับรถผ่านก็จะขนลุกโดยไม่มีสาเหตุ

EP.058 : ตำนานผีดุ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

สถานที่เกิดเหตุ : ศาลาเขียว




คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มีศาลาประจำเอกคือ ศาลาเขียว ศาลานี้มีตำนานเล่าขานถึงที่มาของแผ่นป้ายที่ติดอยู่ ในศาลานั้นว่าทำมาจากต้นตะเคียน วันดีคืนดีจะมีผู้หญิงผมยาวๆ มานั่งอยู่เดียวดายในศาลา

EP.057 : ตำนานผีดุ มหาวิทยาลัยนเรศวร

สถานที่เกิดเหตุ : คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร





คำบอกเล่าจาก อ . คณะวิทย์ ว่าหลังจากที่มียามถูกแทงตายเพราะทะเลาะกัน ก็มีการจับภาพวิญญาณไว้ได้ในกล้องวงจรปิดของคณะ โดยที่ยามคนนี้ยังแวะไปเยี่ยมเยียนนิสิตบางส่วนที่ชอบอยู่ดึกๆ ในตึกอีกด้วย อีกเรื่องเล่ารุ่นต่อรุ่นว่า ในวันบวงสรวงรับน้องใหม่ในปีหนึ่งมีน้องที่คณะ พยาบาล เป็นลมเพราะเห็น กองทัพพระนเรศวร เดินทัพลอยมาจากบนฟ้า

EP.056 : ตำนานผีดุ ม.กรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท

สถานที่เกิดเหตุ : ลิฟต์อาคาร 9 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท




ใครที่ขึ้นลิฟต์นี้ตอนดึกๆ จะมีคนกดเรียกลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นบนสุด พอเปิดมาไม่เจอใคร แต่จะรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามา

EP.055 : ตำนานผีดุ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

สถานที่เกิดเหตุ : หอพักนักศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน




มีหอหนึ่งเคยเป็น โรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน และห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยสักคน และที่หอใน ชั้น 2 เคยมีนักศึกษาเสียชีวิตเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดูตอนปิดซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึงมีคนเพิ่งจะพบศพ แต่หลังจากนั้นก็มีคนเห็นว่านักศึกษาคนนี้ยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำหน้าห้องอยู่เลย

EP.054 : ตำนานผีดุ ม.ราชภัฏสวนสุนันทา

สถานที่เกิดเหตุ : โต๊ะตรงคณะอุตสาหกรรม /ตึกคณะนิเทศศาสตร์




ในบริเวณนั้นมักมีคนได้กลิ่นหอมของดอกไม้โบราณหอมแบบ เย็นๆ นอกจากนั้นยังได้ยินเสียงกระพรวนที่เท้าเด็กดัง เหมือนเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ หันไปหันมาจะเจอเด็กผมจุกนั่งอยู่บนต้นไม้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะเขาแค่อยากชวนเล่นด้วย หรือที่ ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ดึกๆ จะมีคนเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวเดินไปเดินมา อาจเพราะบริเวณนี้ของ มหาวิทยาลัย เป็นรั้ววังตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่ปลูกสร้างเสร็จใหม่ๆ ว่ากันว่าสวยงามราวเมืองสวรรค์ ภายในรอบบริเวณพระราชวังอบอวลไปด้วยหมู่ไม้ดอก ไม้ผล ร่มครึ้ม ทั่วบริเวณ

EP.053 : ตำนานผีดุ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

สถานที่เกิดเหตุ : บริเวณ ป่ารกข้างหอ 9




หลัง เป็นจุดที่ไม่มีใครผ่าน มีเรื่องเล่าว่า เคยมีผู้หญิงถูกข่มขืนจนตายบริเวณนี้มาก่อน ทำให้บางคืนหากมีใครขับรถผ่านมา จู่ๆ รถก็จะกระตุกแล้วก็หยุดไปเลย เหมือนมีใครดึงรถอยู่ข้างหลัง เมื่อหันไปดูจะเห็นผู้หญิงหน้าขาวๆ ซีดๆ ดึงรถไว้

ขอบคุณรูปจาก http://themoonlitroad.com/

EP.052 : ตำนานผีดุ ม.ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

สถานที่เกิดเหตุ : ชั้น 15 ตึกคณะนิเทศศาสตร์?มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา




เมื่อ 10 กว่าปีก่อนมี นักศึกษาหญิง ถูกข่มขืนและถูกฆ่าตายที่ชั้น 15 ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ทำให้ปัจจุบันนี้ไม่มีใครกล้าขึ้นไปชั้นนั้นคนเดียวในช่วงเย็น เพราะวันดีคืนดีอาจได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ หรือบางครั้งเข้าห้องน้ำแล้วมองออกไปที่กระจกก็จะเห็นผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้าอยู่ แต่พอเปิดประตูออกไปก็ไม่พบใคร

EP.051 : ตำนานผีดุ มหาวิทยาลัยศิลปากร

สถานที่เกิดเหตุ : หอเพชรรัตน์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์




ที่เล่าขานกันมาว่าครั้งหนึ่งมี นักศึกษา นอนอยู่ในห้องพักคนเดียวได้ยินเสียงคนเดินมาช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพัก นักศึกษา คนนั้นจึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่าเห็นคนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่านไป

EP.050 : ตำนานผีดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สถานที่เกิดเหตุ : ทางเดินระหว่างตึกของ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ / ห้องซ้อมดนตรีไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทางเดินที่ว่านี้มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีคู่สามีภรรยานักการฯ ของ คณะสถาปัตย์ ทะเลาะกัน ฝ่ายภรรยาควักปืนยิงสามีจนเสียชีวิต และมีเลือดสาดไปทั่วทั้งทางเดิน ต่อมาทางคณะมีการปรับปรุงพื้นบริเวณนี้ แต่แปลกที่เฉพาะทางเดินนี้เท่านั้นที่ปูนไม่ยอมแห้งสักที ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้




ที่ห้องซ้อมดนตรีไทย คณะครุศาสตร์ เวลาที่มีคนแอบเข้าไปนอนหลับในห้องซ้อมดนตรีไทย จะรู้สึกเหมือนมีใครมาดึงขา ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินไปเดินมา และได้กลิ่นธูป

เมื่อถามรุ่นพี่ๆ ว่าเป็นอะไร คำตอบคือ เป็นฝีมือของเจ้าที่ที่ไม่ชอบให้ใครเข้ามานอนในห้องที่ใช้ซ้อมดนตรี ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ กับนักศึกษาปี 1

EP.049 : ป๊อก…ป๊อก…ครืด ม. เชียงใหม่

สถานที่เกิดเหตุ : หอหญิงเจ็ด?มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เรื่องผีอันดับหนึ่งของ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัด แต่สถานที่เกิดคือ หอหญิง ในสมัยที่ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง เรื่องเกิดกับ นักศึกษาสาว คู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของ หอหญิงเจ็ด ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษา ต่างกำลังอ่านหนังสือกัน มี นักศึกษาหญิง คนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำ รูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่ จึงไปไม่ไหว พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองแล้วจะห่อมาฝาก เพื่อนคนที่ไม่สบายก็ฝากซื้อราดหน้า(หรืออะไรซักอย่าง)



หลังจากที่เพื่อนออกไป เมทคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหวเพราะไข้ขึ้นจึงนอน ตอนนอนอยู่นั้นสลึมสลือ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว ทำไมเพื่อนยังไม่กลับมาซะที ซักพักได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่างจากทางบันได ป๊อก ป๊อก ป๊อก เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ แล้วเสียงก็เปลี่ยนเป็น ครืด ครืด เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ?นักศึกษาหญิง เริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบ อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง ก๊อก ก๊อก ก๊อก ?แล้วเงียบไป นักศึกษา สะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อราดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อลาดหน้า ก็งง ว่าเพื่อนอยู่ไหน ทำไมต้องเอามาแขวน ทำไมมีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได



รุ่งเช้ามีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิง คนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิง ที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาดหลังจากทานข้าวเสร็จ ลักษณะเสียงที่ได้ยิน สันนิษฐานได้ว่าเพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันได ลากตัวเองขึ้นมาเป็นเสียง ป๊อก ป๊อก เสียง ครืด คือเสียงลากตัวเองจากบันไดมาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกันหลังจากส่งห่อลาดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่า แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้นก็ได้ยินเสียงดังกล่าวเช่นกัน

EP.048 : พยาบาลชุดแดง ม. เชียงใหม่

สถานที่เกิดเหตุ : คณะแพทย์ฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่



เรื่อง?พยาบาลชุดแดง?คณะแพทย์ฯ ม.เชียงใหม่ เล่ากันว่าเคยมี นักศึกษา ชายคนหนึ่งของ คณะแพทย์ฯ ทำงานใน ตึกของฝั่งสวนดอกจนดึก เมื่อเสร็จจากงานจึงลง ลิฟต์ มา ระหว่างที่รอเขาก็ได้ยินเสียงเดินมาข้างๆ หันไปมองเห็นก็ พยาบาล คนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะ พยาบาล กับ แพทย์ ต้องเจอกันบ่อยอยู่แล้ว ระหว่างรอ ลิฟต์ นักศึกษา คนนี้ก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ เลยหันไปมอง พยาบาล คนนี้ก็ไม่เห็นมีอะไร ซ้ำ พยาบาล คนนี้ยังยิ้มให้ด้วย สักพักต่อมาเมื่อเข้าไปใน ลิฟต์ พยาบาล คนนี้ก็ถามว่า


พยาบาล : ”มาทำอะไรดึกๆ”
นักศึกษา : “มาศึกษาเรื่องการผ่าตัดภายใน เพราะว่าจะสอบ”
พยาบาลคนนั้นเลยบอกว่า : ให้ฉันช่วยนะ ?

นักศึกษาคนนี้ก็เลยงงและเริ่มสังเกตว่าที่คอของ พยาบาลสาว เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากคอเรื่อยๆ เขาตกใจมากและพยายามที่จะหนีออกมาจาก ลิฟต์ แต่ ลิฟต์ เหมือนค้าง หรืออะไรไม่ทราบได้ เลือดยังไหลนองไปทั่วชุดของนาง พยาบาล คนนี้ แล้วเธอก็เริ่มสอน นักศึกษาแพทย์ คนนี้ตั้งแต่ลำไส้ ปอด สมองหัวใจ พร้อมทั้งควักส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ออกมา รุ่งขึ้นมีคนพบ นักศึกษา ชายคนนี้นอนอยู่ที่ประตู ลิฟต์ ซึ่งเปิดคาอยู่ เอาแต่พร่ำเพ้ออย่างกับคนบ้าว่า ?พยาบาลชุดแดง พยาบาลชุดแดง

EP.047 : ศาลในห้องน้ำหญิง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

สถานที่เกิดเหตุ : ตึกวิศวะฯ ม. เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง



เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ศาลเจ้า ที่ติดอยู่บนผนัง ห้องน้ำหญิงตึกวิศวะฯ จะมีดอกไม้ธูปเทียนและน้ำแดงอยู่ด้วยเสมอ คนเก่าๆ จะรู้เรื่องราวเป็นอย่างดี เป็นเรื่องของนักศึกษาสาว สถาปัตยฯ อกหักจากหนุ่มวิศวะฯ จึงไปผูกคอตายที่ ห้องน้ำ ดังกล่าว
ปัจจุบันเป็นแหล่งลองของชั้นดีของผู้ที่ต้องการลองของ เพราะมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ใครอยู่รุ่นแรกก็จะได้เห็นรูปของเธอผู้นี้ในศาลด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว แต่ศาลยังคงมีอยู่ ที่สำคัญห้องน้ำตรงนั้นยังเปิดใช้อยู่



บันไดหลอกผีที่ตึก B
ที่ตึก B ถ้าใครเคยเข้าไปจะมีบันไดแปลกๆ ตั้งไข้วกันไปมาแบบเล่นระดับขึ้นไปเรื่อยๆ เห็นครั้งแรก จะรู้สึกว่าสวยดี แต่หากสังเกตจะพบว่ามีความแปลกอยู่ โดยสถานที่ตรงบันไดนั้นเคยเป็นลิฟต์มาก่อน แล้วตอนก่อสร้างมีคนงานตกลงมาตาย เขาเลยแก้เคล็ดด้วยการไม่สร้างลิฟต์ขึ้นมาอีก เปลี่ยนมาเป็นบันไดแทน และทำเล่นระดับไว้หลอกผีอีกด้วย

ตึกทรงไทย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
ตึกทรงไทยนี้สร้างมานานพอๆ กับอายุของมหาวิทยาลัย เขาเล่ากันมาว่าตอนที่จะสร้างตึกเรือนไทย ได้มีการขุด ดินก่อนจะเริ่มตอกเสาเข็ม แต่พอขุดไปสักพักกลับเจอโครงกระดูกเต็มไปหมด แต่ไม่มีส่วนหัว พอสืบไปสืบมา ปรากฎว่าส่วนหัวถูกนำไปฝังไว้ตรงคณะวิทย าศาสตร์ เท่าที่เล่าลือกันมา เมื่อก่อนบริเวณตรงนั้น เป็นแหล่งซ่องสุมของโจรแขก แล้วเจ้าคุณทหารฯ ก็เป็นคนที่โหดเยมเลยฆ่าตัดหัวทิ้ง แบบไม่ให้ไปผุดไป เกิดเพื่อจะได้เป็นผีเจ้าที่คอยเฝ้าดูแลสถานที่นั้นๆ ต่อมาเจ้าคุณทหารฯ ได้บริจาคที่ดิน บริเวณนี้เพื่อการศึกษา พื้นที่ตรงนั้นเจ้าที่แรงมากจึงได้มีการสร้างศาลพระภูมิไว้ และถูกปล่อยให ้เป็นที่โล่งกว้างสืบไปสืบมาที่ตรงนั้น คือลานประหารมาก่อนด้วย ทุกวันนี้ตึกทรงไทยก็ยังน่ากลัวอยู่ เพราะเป็นตึกเก่าๆ โทรมๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ บรรยากาศวังเวงสุดๆ

EP.046 : ลิฟท์แดง ม. ธรรมศาสตร์

สถานที่เกิดเหตุ : ตึกคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



เรื่อง ลิฟท์แดง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นี้มีเรื่องเล่าว่าเมื่อตอนเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ พวกทหารได้บุกเข้ามาใน ?มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์?พวก นักศึกษา ต่างหลบหนีเข้ามาใน ลิฟท์ ตัวหนึ่ง พอ ลิฟท์ ตัวนี้เปิดพวกทหารก็กระหน่ำยิงทุกคนเสียชีวิตหมด เลือดสาดกระจายทั่ว ลิฟท์ ต่อมาทาง ?มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์?ได้บูรณะทำความสะอาดกันทุกพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ ลิฟท์ ตัวนั้น แต่ทำความสะอาดยังไงคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ก็ไม่ล้างไม่ออก จึงได้ทำการทาสีลิฟท์ให้เป็นสีแดง


มีเรื่องเล่าตามมาว่าหลังจากที่ ลิฟท์ ได้นำกลับมาใช้ตามปกติ มี นักศึกษาหญิง คนหนึ่งมาขึ้น ลิฟท์ ตามลำพัง แต่เมื่อมองไปที่กระจกกลับพบว่าไม่ได้มีเธออยู่เพียงลำพัง หากแต่มีผู้โดยสารอยู่ด้วยมากมาย

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายครั้งหลายหนที่เหล่า นักศึกษา อาจารย์ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ต่างๆ ได้พบเจอกับ อาถรรพ์ ลิฟท์แดง ตัวนี้เข้า ทำให้ทาง มหาวิทยาลัย ต้องเปลี่ยนตัวลิฟท์ใหม่ แต่ว่าประตู ลิฟท์แดง ที่ถูกถอดออกไป ตอนนี้นี้ยังตั้งอยู่ที่ ชั้น 4 ตึกคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์?มาจนถึงทุกวันนี้

EP.045 : รถฉันคว่ำ


"ฝน" กับ "ต้น" เป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกันมาหลายปี แต่ไม่ได้สนอกสนใจกันมากนัก จนมาถึงปีสุดท้ายที่ทั้งคู่อยู่ ม.6 จึงได้มาสนิทสนมเป็นเพื่อนกัน พอถึงวันจบการศึกษาที่โรงเรียนก็จัดงานจบการศึกษาให้ โดยงานถูกกำหนดให้จัดขึ้น 10 วัน หลังวันสอบวันสุดท้าย พอถึงวันงานฝนก็มาร่วมงานและเจอกับต้น จนกระทั่งใกล้เวลางานเลิกและเริ่มดึกมากแล้ว ต้นจึงถามฝนว่า



"วันนี้กลับบ้านยังไงเหรอ?"
 "ไม่รู้เหมือนกัน คงนั่งแท็กซี่มั้ง ไม่ได้เอารถมา" ฝน ตอบ
"ไม่ดีหรอก ประเดี๋ยวเราไปส่ง มีหลายคนไปด้วยกัน เราส่งฝนคนสุดท้ายละกันนะ" ต้น บอก
"ได้จ๊ะ ไม่มีปัญหา"

หลังจากที่ส่งเพื่อนทุกคนหมดแล้ว ก็เหลือ ฝน กับ ต้น อยู่ 2 คน ต้นเองก็ไม่เคยมาส่งฝนที่บ้านมาก่อน เพราะปกติฝนจะมีคนมารับหรือไม่ก็ขับรถมาเอง ฝนเป็นคนบอกทางตลอดพอมาถึงทางแยกฝนก็ชี้ให้ต้นดูรถคันหนึ่งที่หงายท้องอยู่ข้างทาง

"โน่นไงรถเรา หงายอยู่โน่นแนะ เมื่อวานขับรถคว่ำ ดูสิยังไม่มีใครสนใจเลย" ฝน บอก
"โชคดีมากเลยนะที่เธอไม่เป็นอะไร" ต้น พูดอย่างแปลกใจ
"อืม...เดี๋ยว ต้น จอดตรงนี้แหละ ทางข้างหน้าไม่ค่อยดี เดี๋ยวเราเดินเข้าไปดีกว่า อีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว" ฝน บอก
"ก็ได้" ต้น จอดรถข้างทาง

ฝนลงจากรถแล้วเดินหายไปในความมืด ฝ่ายต้นนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เบอร์โทรศัพท์ของฝนเลย จะได้โทรฯไปเช็คว่าถึงบ้านดีหรือเปล่า ต้นจึงขับรถตามไป แต่กลับไม่เห็นฝน และไม่เห็นบ้านคนแถวนั้นด้วย ต้นตัดสินใจขับรถกลับมาทางเดิม ขณะขับรถต้นคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เมื่อรถของต้นแล่นผ่านรถของฝนที่หงายอยู่ข้างทาง ต้นตัดสินใจจอดรถและลงไปดู จึงได้เห็นว่า

"ฝน นอนตายติดอยู่ในซากรถนั่นเอง"

EP.044 : 10 อันดับ "ซอยสยองขวัญ" ในกรุงเทพและปริมณฑล

10 อันดับ ซอย "สยองขวัญ" ในกรุงเทพและปริมณฑล


1. ซอยรามคำแหง 32
ลึกเข้าไปด้านในซอยจะมีบ้านทรงสเปน ค่อนข้างเก่าและทรุดโทรม เนื่องจากถูกปล่อยทิ้งร้างมานานกว่า 20 ปีแล้ว ประวัติบ้านหลังนี้คร่าวๆคือบ้านหลังนี้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้าปล้น และฆ่าสาวใช้ที่มีอยู่เพียงคนเดียวตายคาที่ ตั้งแต่นั้นมาผู้คนละแวกนี้มักได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วยดังโหยหวน บางครั้งวิญญาณหญิงสาวก็เดินวนเวียนไปมาอยู่ในบ้าน จนเจ้าของทนอยู่ไม่ได้ต้องย้ายออกไป ยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งก็มีคนเห็นผู้หญิงลึกลับยืนอยู่หน้าบ้านประจำ เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ เธอก็หายไปต่อหน้าต่อตาทันที



2. ซอยวัดมหาบุศย์ พระโขนง
ความน่ากลัวของซอยนี้มาจากตำนานของแม่นาคพระโขนง ที่ผีแม่นาคอาละวาดหลอกหลอนจนชาวบ้านหวาดกลัว ไม่สามารถดำเนินชีวิตปกติได้ ภายหลังเจ้าประคุณสมเด็จโต (วัดระฆัง) ได้มาช่วยเหลือจนเหตุการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ทว่ายังคงมีผีวนเวียนอยู่ที่วัดมหาบุศย์แห่งนี้ ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นเชื่อว่าไม่ใช่วิญญาณของแม่นาคอย่างแน่นอน

3. ซอยสายหยุด อู่รถเมล์เก่า
ซอยสายหยุด คือแหล่งรวมของรถเมล์ หรือรถโดยสารประจำทางที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนใช้การไม่ได้ ซากรถแต่ละคันล้วนมีประวัติเกี่ยวกับ "ผี" มานับไม่ถ้วน เล่ากันว่าบางครั้งจู่ๆไฟในรถบางคันก็เปิดขึ้นมาเอง หรือบางครั้งก็มีคนมายืนโบกรถหน้าอู่รถเมล์เก่าแห่งนี้ เมื่อแท็กซี่วิ่งเข้าไปจอดรับกลับหายไป หรือบางครั้งก็มีคนวิ่งตัดหน้า และหายไปเฉยๆก็มี

4. ซอยรอดอนันต์ 1 ถนนสุขาภิบาล 1
ในซอยนี้มีบ้านร้างทรงไทยอยู่ริมบึง ห่างไกลจากบ้านเรือนอื่นๆในละแวกเดียวกัน บริเวณบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ขึ้นรกครึ้ม เล่ากันว่าคุณยายเจ้าของบ้านเสียชีวิตในบ้างหลังนี้และเชื่อว่าวิญญาณของท่านยังวนเวียนอยู่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด ส่วนลูกหลานก็แยกย้ายออกไป ปล่อยบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง ผู้คนในละแวกนั้นมักเห็นคุณยายมายืนชี้นิ้วที่หน้าบ้าน เมื่อมีเด็กๆไปวิ่งเล่นบริเวณนั้น เคยมีบางคนใจกล้าเข้าไปลองดี สุดท้ายต้องรีบเผ่นออกมาเพราะได้ยินเสียงหญิงชราขู่ตะคอก

5. รังสิต คลอง 13
จากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะมีบ้านพักถูกไฟไหม้เกือบหมดทั้งหลัง
 แต่ยังเหลือซากบ้านอยู่ส่วนหนึ่ง บ้านหลังนี้อยู่ในสวนมะขามหวาน แต่ถูกทิ้งให้รกร้าง  มีข้อมูลว่า มีผู้หญิงถูกเผาตายในกองไฟ คนในระแวกใกล้เคียงต่างยืนยันว่าตอนกลางคืน จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวน มาจากซากบ้านหลังนี้บ่อยๆ พร้อมกันนั้นเคยมีคนเห็นผีผู้หญิงคนนี้ในบริเวณซากบ้านด้วย

6. ซอย มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ถ.พัฒนาการ
ในซอยนี้มีโรงงานทำปากกาและเป็นโรงงานกลึงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ 80 ไร่ แต่เป็นโรงงานร้าง ว่ากันว่าเจ้าที่ค่อนข้างแรง ระหว่างเปิดกิจการก็มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลายคน เจ้าของโรงงานขาดทุนย่อยยับจึงตัดสินใจเลิกกิจการและปล่อยร้าง หากเดินเข้าไปในอาณาเขตโรงงานร้าง จะสัมผัสบรรยากาศยะเยือกผิดปกติ และเล่าลือกันว่าหากไปเคาะแท้งก์น้ำซึ่งตั้งอยู่ 3 ใบ 3 ครั้ง เจ้าที่เจ้าทางจะปรากฏออกมาให้เห็นทันที

7. ซอยวัดปราสาท จังหวัดนนทบุรี
วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่โบราณ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง เคยขุดพบกำแพงเมืองรอบพระอุโบสถอายุ 300 ปี ด้านหลังอุโบสถ มีคุ้มเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมว่ากันว่าเจ้าของสถานที่คือ "พระนางอุษาวดีเทวี"ชาวบ้านละแวกนั้นเรียกว่า "แม่" และ" เจ้าแม่ " เวลากลางคืน หากไปที่บริเวณคุ้มจะมีบรรยากาศวังเวงน่ากลัวมาก ผู้ใดไปแสดงกิริยาวาจาจ้วงจาบหยาบคาย ไม่เคารพผู้เป็นเจ้าของสถานที่มักจะพบกับเหตุการณ์แปลกๆน่าขนหัวลุก

8. โรงงานร้างอยู่ในอุตสาหกรรมบางปู (ฝั่งเดียวกับเมืองโบราณ)
โรงงานร้างแห่งนี้ตั้งอยู่สุดซอย 2 เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำรองเท้า ขณะที่กิจการกำลังดำเนินงานไปด้วยดี ได้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง คือเครื่องปั้มลมเกิดระเบิดคนงานหลายคนเสียชีวิตอย่างสยดสยอง นับตั้งแต่นั้นคนงานที่ทำงานอยู่ จะถูกผีหลอกวิญญาณหลอนจนต้องทยอยลาออกไปเรื่อยๆจนหมด กิจการประสบความวินาศ เจ้าของโรงงานยิงตัวตายในห้องทำงานชั้นบนของโรงงาน และกลายเป็นสถานที่รกร้างเรื่อยมา เล่าลือกันว่าผีดุมาก ปัจจุบันนี้ยังมีเศษรองเท้ากระจายเกลื่อนและปั้มลมมรณะเครื่องนั้นก็ยังอยู่

9. ในซอยวัชรพล : บ้านร้างทรงยุโรป
ในซอยมีบ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ ซึ่งยังก่อสร้างไม่เสร็จถูกทิ้งร้างอยู่ในสภาพเดิม ว่ากันว่าเวลากลางคืนมีคนพบเห็นวิญญาณของชายหญิงและเด็ก ปรากฏวูบวาบบ่อยๆ สาเหตุที่บ้านหรูหลังใหญ่ กลายเป็นบ้านร้าง เนื่องจากเจ้าของบ้านหลังนี้ พาครอบครัวขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด และประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตหมดทุกคน

10.  ในซอยวัชรพล : หมู่บ้านร้าง
หมู่บ้านร้างตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ชื่อ "หมู่บ้านปิยพร" คนเก่าคนแก่ในพื้นที่เล่าว่า
 ที่ดินส่วนนี้เคยเป็นป่าช้ามาก่อน เจ้าของโครงการ ไม่ได้ทำพิธีบอกกล่าวขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง
 ดังนั้นพอเริ่มงานก่อสร้าง จึงพบกับอุปสรรคนานาประการ ต่อมามีคนงานเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหลายคน
 ในเขตหมู่บ้านมีบึงใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง มักมีเด็กตกไปตาย 2-3 คน ประกอบกับบ้านในโครงการ ไม่มีผู้สนใจอย่างที่ประเมินเอาไว้ จึงต้องยุติโครงการ กลายเป็นหมู่บ้านร้างกลางกรุง พร้อมกันนั้นก็มีเสียงเล่าลือว่า ผู้ที่เข้าไปในเขตหมู่บ้านยามวิกาล มักจะพบวิญญาณแสดงตัวหลอกหลอน เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อ จนไม่บังอาจกล้ำกลายเข้าไปอีก

EP.043 : 8 วิธีเห็นผีสุดเฮี้ยน !! เรื่องจริง พิสูจน์แล้ว

8 วิธีเห็นผีสุดเฮี้ยน... ว่ากันว่าพิสูจน์กันมาแล้ว... ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน... ขอเตือน... นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น... ใครจะนำไปใช้ไปปฎิบัติ... โปรดใช้วิจารณญาณให้ดี ...


ข้อปฎิบัติ

- ทุกวิธีต้องทำระหว่าง 4 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน และต้องไม่เลยเที่ยงคืนเพราะจะถือว่าเป็นวันใหม่
- ทุกวิธีห้ามใส่พระยกเว้นวิธีที่ 8
- วันที่ทำแล้วมีโอกาสเห็นได้ง่ายสุดคือวันพุธ, ศุกร์และวันอาทิตย์
- ทุกวิธีอาจจะให้คนอื่นอยู่ด้วยก็ได้ยกเว้นบางวิธีที่จะระบุว่าคุณต้องทำคนเดียว
- ทุกวิธีต้องหลับตาหากคุณเปลี่ยนใจไม่อยากเห็น ให้เอาอุปกรณ์ทุกอย่างออก แล้วค่อยลืมตา



วิธีที่1 “มองลอดใต้หว่างขา” (ทดลองแล้วเห็นผี 21 คน)



1. นำใบไม้ (จากต้นใดก็ได้) ที่ร่วงลงมาจากต้นไม้ ต้องเป็นของต้นนั้นจริง ๆ และร่วงลงมาไม่ห่างจากลำต้นมากนัก หากอยู่ใกล้รากจะยิ่งดี
2. ยืนในที่โล่ง และต้องมองเห็นพระจันทร์ หันหน้าไปทางทิศตะวันออกหันหลังไปทางทิศตะวันตก (เพื่อเวลาก้ม
 จะได้ก้มไปทางทิศตะวันตก)
3. นำใบไม้ที่เก็บมา เอาไว้ในฝ่ามือ (จะทำมืออย่างไรก็ได้ แต่ห้ามพนมมือ)
4. หมุนตัวตามเข็มนาฬิกา (หมุนซ้าย) ช้า ๆ เมื่อมาหยุดที่เดิม (ทิศตะวันออกที่หันหน้าไว้ตั้งแต่แรก) ให้ท่องว่า
“พุทโธทายะ” (เหมือนผีถ้วยแก้วเลย) ทำแบบนี้ 3 รอบ (ท่อง 3 ครั้งด้วย)
 ***เพื่อให้เห็นภาพ*** รอบที่1 ยืนหันไปทางทิศตะวันออก หมุนซ้ายไปจนมาหยุดที่จุดเริ่มต้นแล้วท่องว่า
“พุทโธทายะ” และทำต่อไป รอบที่ 2 และรอบที่3
 5. หลับตานึกถึงใบไม้ที่อยู่ในมือ กับต้นเจ้าของใบไม้ แล้วให้คิดว่าใบไม้ในมือ คือพลังงานอย่างหนึ่งที่จะเรียกวิญญาณมาได้ และนึกเอาว่าใบไม้นี้ได้ตายไปแล้วจึงได้หลุดมาจากต้นไม้ เพราะฉะนั้นเราติดต่อกับวิญญาณได้ เหมือนที่ติดต่อกับใบไม้ที่ตายแล้วใบนี้
6. ค่อย ๆ ก้มหน้าลง (ระหว่างนี้ห้ามลืมตาเด็ดขาด) เมื่อคุณก้มและพร้อมแล้ว “ให้ตั้งสติดี ๆ” แล้วลืมตา
7. แล้วผีจะมาให้เห็น

***หากเห็นอะไรห้ามวิ่ง ไม่ว่าสิ่งที่เห็นจะอยู่ไกล หรือมาประจันหน้าก็ตาม ต้องทำตามนี้ก่อน***
1. เงยหน้าขึ้น ทิ้งใบไม้ลงพื้นทันที
2. หมุนตัวทวนเข็มนาฬิกา (หมุนย้อนกลับไปทางขวานั่นเอง) 3 รอบ โดยไม่ต้องท่องอะไรเลย
3. เมื่อกลับถึงบ้านต้องล้างหน้า 3 ครั้ง ก่อนล้างให้ท่อง “พุทโธ” แล้วเป่าลมลงน้ำจึงค่อยล้างหน้าทำแบบนี้ 3 ครั้ง


วิธีที่2 “ตัดเล็บตอนกลางคืน” (ทดลองแล้วเห็นผี 12 คน)



***ขอย้ำเลยวิธีนี้ ต้องทำระหว่าง 4 ทุ่ม ถึง เที่ยงคืน เพราะต้องไม่ให้โพล้เพล้ หรือ เป็นวันใหม่”***
1. ตัดเล็บมือเท่านั้น โดยเริ่มจากนิ้วก้อย ,นิ้วโป้ง ,นิ้วนาง ,นิ้วชี้ และนิ้วกลาง (ตัดจากนอกเข้าในนั่นเอง)
โดยเริ่มตัดจากมือขวาก่อน และทำแบบเดียวกันกับมือซ้าย
*เล็บที่ตัดห้ามหักหรือขากเด็ดขาดต้องเป็นโค้งตามรูปเล็บ มิเช่นนั้นจะไมได้ผล*
2. น้ำเศษเล็กที่ตัดห่อใส่ผ้าอะไรก็ได้แต่ต้องเป็นสีดำ (ต้องใช้แล้ว ไม่ใช่ผ้าใหม่)
3. นำไปวางไว้ทางทิศตะตก (เช่นเคย) ของที่พักอาศัย
4. เมื่อคุณเข้านอนได้ไม่นาน จะมีคนมานั่งตัดเล็บอยู่ตรงปลายเท้าที่คุณนอน (เสียงดัง “แก๊กๆ” นั่นแหละ) เป็นการตัดเล็บของเค้ามาคืนคุณ
5. ถ้าอยากเห็นก็ลืมตาแต่ห้ามโวยวาย เพราะเขาจะไปแล้วคุณอาจจะซวยได้ (เพราะถือว่าเค้ามาดี โดยที่เขาคิดว่าเราเอาเล็บไปแลก หรือไปเล่นกับเขา แล้วเขาก็เลยเอาของเขามาคืน
6. เมื่อคุณตื่นในตอนเข้า ให้ไปยังจุดที่คุณเอาเล็บไปวางไว้ คลี่ห่อผ้าออก จะพบเล็บของคนอื่นไม่ใช่ของคุณ
7. ให้คุณพูดเบา ๆ ว่า “ขอบคุณ” แล้วเอาไปฝังไว้ที่ใดก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่พักอาศัยของคุณ (แต่ห้ามทิ้งหรือเผาโดยเด็ดขาด)

 

วิธีที่3 “หันหลังให้กระจกแล้วกลืนน้ำลาย” (ทดลองแล้วเห็นผี 16 คน)



- วิธีนี้ต้องทำคนเดียวเท่านั้น
- วิธีนี้ต้องทำก่อนเที่ยงคืน 6 นาที
- นาฬิกาที่คุณใช้เป็นเกณฑ์ในการวัด ให้ยึดเรือนใดเรือนหนึ่งในบ้านได้เลย
1. ยืนหันหลังให้กระจก (ครั้งนี้จะทิศใดก็ได้) ตอนเวลา 5 ทุ่ม 54 นาที
2. กลืนน้ำลาย 1 ครั้ง ทุก ๆ 1 นาที
3. พอครบ 6 นาที หมายความว่าคุณกลืนน้ำลายไปแล้ว 6 ครั้ง และถึงเวลาเที่ยงคืนพอดี
4. หลับตาแล้วหันไปทางกระจก (จะหันซ้ายหรือขวาก็ได้แต่ช้า ๆ) แล้วกลืนน้ำลายอีกครั้ง (เป็นครั้งที่7)
แล้วลืมตา และผีจะมาให้เห็น
5. เมื่อคุณต้องการยุติพิธี ให้หลับตากลืนน้ำลายอีกครั้ง เป็นอันจบพิธี

วิธีที่4 “ดีดลูกคิดตอนกลางคืน” (ทดลองแล้วเห็นผี 32 คน)


- ลูกคิดที่ใช้ดีด ให้ดีดอันที่มีรางยาวที่สุดเท่านั้น
- ต้องอยู่คนเดียว เพราะต้องใช้สมาธิอย่างมาก
1. ให้ลูกคิดทุกลูก ในทุกรางอยู่สุดรางที่หันมาหาตัวเรา
2. ดีดีลูกคิดขึ้นโดยให้ลูกคิดออกจากตัวทีละลูก(ต้องมีสมาธิมากๆ) ไล่ไปตั้งแต่รางแลก ไปจนรางสุดท้าย
3. ตั้งสมาธิให้ดีอย่างมาก แล้วจับรางลูกคิดตั้งขึ้น ให้ลูกคิดวิ่งกลับมาที่เดิมในตอนแรก
4. มองลอดช่องรางลูกคิด(รางใดก็ได้) แล้วผีก็จะมาให้เห็น
5. หลังจาการทำเรียบร้อยแล้ว ให้ทิ้งลูกคิดนั้นทันที *ห้าม* นำกลับมาใช้อีกเป็นเป็นอันขาด


วิธีที่5 “เอามุ้งคลุมหัวตอนกลางคืน” (ทดลองแล้วเห็นผี 6 คน)



1. เอามุ้งมาครอบหัวไว้ (หลับตาตั้งแต่ก่อนคลุมแล้ว)
2. ท่อง มะ-อะ-อุ 7 ครั้ง (อย่าลืมว่าต้องหลับตา)
3. ลืมตา แล้วผีจะมาให้เห็น

 

วิธีที่6 “ใส่เสื้อกลับแล้วนอนห้อยหัว” (ทดลองแล้วเห็นผี 31 คน)


- ต้องทำคนเดียว
1. ใส่เสื้อโดยการเอาข้างหลังมาอยู่ข้างหน้า (ถ้ามีกระดุม ก็เอากระดุมไว้ขางหลังนั่นเอง)
2. นอนลงบนที่นอนที่สูงกว่าพื้น แล้วห้อยหัวลงมอง (เหมือนแหงนหน้า)
3. แล้วผีจะมาให้เห็น

วิธีที่7 “แหงนหน้ามองตรงบันได” (ทดลองแล้วเห็นผี 42 คน)


- ต้องทำคนเดียว
1. นั่งบนบันไดชั้นบนสุด แล้วลงมาทีละขั้นทั้งที่ยังนั่งอยู่ (ใช้ก้อนลงบันได้นั่นเอง)
2.เมื่อถึงขั้นสุดท้าย ให้ยังคงนั่งอยู่ที่ขั้นสุดแล้ว แล้วจึงแหงนหน้ามองกลับขึ้นไปชั้นบนสุด
3. แล้วผีจะมาให้เห็น


วิธีที่8 “สวมพระกลับหลัง” (ทดลองแล้วเห็นผี 28 คน)


- ต้องทำคนเดียว
1. สวมพระโดยคล้องสร้อยพระไว้ด้านหลัง(ให้เหมือนที่อยู่ด้านหน้าเลย)
2. ยื่นแขนซ้ายออกไปข้าง ๆ แล้วทำมุมข้อศอกโดยให้กำปั้นทิ่มลงพื้น และให้ข้อศอกตั้งฉากกับพื้น
3. มองลอดผ่านช่องแขน แล้วจะเห็นผี

ขอให้ท่านโชคดี

EP.042 : เรื่องเล่าผีในมหาวิทยาลัยทั่วเมืองไทย

เรื่องผีประจำมหาวิทยาลัย เชื่อว่าหลายๆ ท่านอาจจะไม่เคยประสบพบเจอด้วยตัวเอง ก็คงได้ฟังเรื่องเล่าจากรุ่นพี่ปากต่อปาก ถึงความเฮี้ยนของมหาวิทยาลัยที่ท่านอยู่...


1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

-ตึกอักษรเก่าจัดเลยเรื่องผีเยอะ

-สมัยยังใช้การตึก 2 นิเทศได้เต็มที่นั้น มีเรื่องเล่าว่า หลังสามทุ่มไปถ้าเดินลงบันไดเวียนจะลงมาเจอชั้นสามประมาณสี่ครั้ง (บรื๋อออ)



2. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

-เคยมีนิสิตซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างแล้วประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต (คงจะจริง มานขับยังกะสนามแข่ง)

-ที่วิทยาเขตศรีราชาตรงประตู 1 มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนดึกๆห้ามขับรถไปตรงนั้น เพราะมีรุ่นพี่จะมาเอาวิญญาณไปอีก 4 ดวง (แต่เค้าเอาเฉพาะคนหน้าตาดีน่ะ)

-ที่วิทยาเขตศรีราชาห้องน้ำที่ตึก EnG ไม่มีกระจก เพราะว่า มีคนเห็นสิ่งลึกลับบ่อยมาก จนต้องเอากระจกออก

-ที่วิทยาเขตศรีราชา หอในตึก 3-4 เฮี้ยนมาก เคยมีคนเห้นบ่อยๆ เพราะเป็นป่าช้าเก่า

-ที่วิทยาเขตศรีราชา หลวงพ่อเคยมาทำพิธีปัดรังควานที่มอ แต่ท่านบอกว่าที่นี่แรงเกินไป

-ที่วิทยาเขตศรีราชา สักตอน ประมาณตี 2 ให้ออกมาดู ถ้าอยากเห็น.... คนอ้วก

-ที่วิทยาเขตกำแพงแสน เวลาขี่มอไซด์เข้า-ออกนอกม.ตอนกลางคืน พยายามอย่ามองตรงต้นนนทรีข้างทางมากนะ ถ้าไม่อยากเห็นใครก็ไม่รู้มากวักมือเรียก ได้ข่าวมาว่านนทรีแทบทุกต้นมีประวัติ

-ที่วิทยาเขตกำแพงแสน ใต้ตึกปฐพี เคยเจอนิสิตเป็นกลุ่มเลยมาซ้อมลีด แต่พอมองไปอีกทีก็ไม่เจอแล้ว แล้วตกลงที่เห็นก็ไม่รู้ว่าใคร(ประสบการณ์ตรง)

-ที่วิทยาเขตกำแพงแสน เวลาซ้อม stuff เชียร์ของคณะช่วงซัมเมอร์ ให้ระวังจะมีใครก็ไม่รู้มานั่งฟังด้วย

-ที่หอใน(หญิง) มีหอๆนึงเคยเป็นโรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน และห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำอยู่ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยซักคน

-หอใน(หญิง) มีตึกใหญ่ 2 ตึก ตึกนึงชั้น 2 เคยมีเด็กตายเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดูตอนก่อนปิดซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึงมีคนเพิ่งจะพบศพ เคยมีคนเห็นว่าหลังจากนั้นยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำหน้าห้องอยู่เลย

-หอใน (หญิง) อีกตึกนึง แต่ก่อนกระจกเดิมตรงบันไดทางขึ้น(ตอนนี้เปลี่ยนใหม่แล้ว) จะมีเงาคนวูบวาบเสมอๆ บางครั้งยืนแปรงฟันอยู่ที่อ่างล้างหน้าหน้าห้อง เงยหน้าขึ้นมาก็มีผีทหารยืนอยู่ข้างหลัง.....

3. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

-ถ้าขับรถผ่านตึกคณะวิดยาตอนดึกๆ เค้าบอกให้มองขึ้นไปบนตึกจะเจอของดี

-ลิฟต์ตึก SCB 1 คณะวิทยาศาสตร์ "ม.เชียงใหม่" จริงๆ ต้องมีสามตัว แต่มีใช้แค่สอง ลือกันว่า ลิฟต์ตัวที่สามเคยมีคนตกลงมาตาย(ตอนตึกใกล้เสร็จ)

-หอ 1 หญิง "ม.เชียงใหม่" ในห้องอาบน้ำบางทีก็มีน้ำสีแดงๆ ไหลออกมาจากฝักบัว (คาดว่ามันน่าจะเป็นน้ำสนิมของแท็งค์น้ำมากกว่า)

-หอสมุดกลาง ของ "ม.เชียงใหม่" ว่ากันว่า ตอนก่อสร้าง เมื่อทำส่วนฐานรากอาคารขุดพบโครงกระดูกเยอะมากๆ

-เคยมีหมีควายหลุดออกมาจากสวนสัตว์วัดฝายหิน จนเจ้าหน้าที่ต้องประกาศให้คนที่พักผ่อนอยู่รอบอ่างเกษตรต้องรีบออกไปทันที

-หอนาฬิกา มช. ถ้าขับรถเวียนซ้ายครบ 3 รอบ จะ....................................โดนรถชน

-ทุกวงเวียนใน มช. มีเรื่องผีกำกับไว้เสมอ เช่น เปรตหอนาฬิกา ขบวนแห่ไร้หัววงเวียนมนุษย์

-ที่ภาควิชาเคมี คณะวิทย์ มีลิฟต์ที่ถูกปิดตายเพราะเคยมีอาจารย์ฝรั่งติดอยู่ในนั้นในวันหยุดยาว

-ที่ภาควิชาชีวะ คณะวิทย์ เคยต้องทำบุญใหญ่ เพราะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นทุกวัน เช่น เก้าอี้แล็บหมุนเอง หรือมีเสียงคนเดินบนบันไดตอนเที่ยงคืน มีเงาคนเดินไปมาในเรือนเพาะจำใต้ตึก จนตอนนั้นไม่มีใครกล้าอยู่ทำงานที่ภาคหลังพระอาทิตย์ตก บางคนว่าเป็นวิญญาณของสัตว์ทดลองมากมายที่ต้องใช้เรียนกัน

-ตำนานผีในคลาสสิคที่สุดของ มช. คือ ป๊อก ป๊อก ครืด

-ผีที่เด็กมช.น่าจะเคยได้ยินบ่อยที่สุดคือ ผีป๊อกครืด (ผู้รู้ช่วบบอกด้วยมันคืออะไรนะครับ)

-หอ 2 ชาย กลางวันดูเหมือนไม่มีอะไร แต่บรรยากาศตอนกลางคืนที่หอนั้น เป็นอะไรที่หลอนจริงๆ

-หลังจากมีเหตุฆาตกรรมบริเวณข้างประตูหน้า ม. ที่หอ 40 ปี เคยมีคนได้ยินเสียงประหลาดในตอนกลางคืน

-หากเดินผ่านอ่างแก้วตอนกลางคืน อาจเห็นตามพุ่มไม้มีขางอกออกมา เรียกกันว่าต้นไม้กินคน


4. มหาวิทยาลัยขอนแก่น

-"สะพานขาว" เป็นสะพานยาวๆ ข้างสระพลาสติก มีเจ้าที่ชื่อ "เจ๊ขาว" เป็นผู้หญิงผมยาวๆ ใส่ชุดสีขาว เจ๊แกชอบออกมาทักทายเด็กที่ ขับมอไซด์ ผ่านสะพานตอนดึกๆ

-เค้าเล่ากันว่า อย่ามองจั่วของตึกคณะ ถาปัด ขณะขับรถ เพราะมันจะเกิดอุบัติเหตุ

-ที่ศาลเจ้าพ่อมอดินแดง ไปกลางวันก็หลอนนะ รุ้สึกเหมือนมีคนมองตลอดเวลา

-แล้วก็เซียมซี แม่นมากๆ ถามตอนต้นเทอมว่าเกรดเทอมนี้จะเป้นไง ท่านกล่าวว่าจะได้ เอฟ .....เอฟจริงๆ แม่นปานนั้น

5. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

-ม.ธรรมศาสตร์ ต้องมีนักศึกษากระโดดตึกเป็นประจำ ทุกปี (ไม่รู้เป็นอะไร...)

-ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ครับ ลิฟท์แดงงัย ขนศพนักศึกษาที่ประท้วงการปฏิวัติ ลงมาจากชั้นบน เลือดงี้เต็มลิฟท์เลย เลยได้ชื่อว่า "ลิฟท์แดง" (รู้มาแค่นี้แหละครับ)

6. หาวิทยาลัยศิลปากร

-หอห้า มีผีจริงๆ

-ลานทรงพล ฮือๆ แห็นแบบว่า รำออกมาเลยทีเดียว

-หอพักหญิงมีผีแทบทุกหอแหละ โดยเฉพาะหอเพรชรัชน์สี่กะเพรชรัชน์สองนี้สุดยอด

-หอทับแก้วหนึง เป็นหอชาย มีคนได้ยินเสียงเหมือนคนเอาเหล็กมาลากประตูดังแกรกๆ ๆ แต่ว่ามันดังมาจากในตู้

7. มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ -ABAC

-หอ(ใน)ชาย ปิดตายชั้นแปด เนื่องด้วย ...อะไรไม่รู้ หอชายมีทุกชั้นที่ไม่มีเบอร์ห้อง ห้องจะอยู่กลางตึกตงบันไดหนีไฟกลาง เค้าบอกว่าเป็นห้องเจ้าที่ แต่มีบางห้องบางชั้นที่ไม่มีคนอยู่แล้วก็เอาเบอร์ห้องออกออกอันนี้ไม่รู้ ทำไม

-ประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว มีอาจารย์ท่านหนึ่งเสียชีวิต (หัวใจวายเฉียบพัน) อยู่ที่ห้องพักอาจารย์ชั้นหก ตึก C กว่านักการจะมาพบก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มถึงได้ทําการเคลื่อนย้ายศพออก ตอนนั้น Computer Center อยู่ตึก C ชั้น 10 ถ้าไปถามพวกรุ่นพี่รหัส 34 ลงไปก็น่าจะจําได้

-หลังจากนั้นไม่นานเรื่องก็ได้เกิดกับนักศึกษา BBA COM คนหนึ่ง น้องคนนี้ทำAssignment ที่ห้องคอมอยู่จนกว่าจะเสร็จก็ประมาณสามทุ่ม น้องเขาเดินออกมาลงลิฟคนเดียวจากชั้นสิบ พอลิฟลงมาถึงชั้นหก ลิฟก็เปิด ปรากฏว่า มีผู้ชายคนหนึ่งยืนพิงกําแพงอยู่หน้าลิฟ ก้มหน้ามองพื้นน้องเขาก็กดลิฟคอยแล้วถามว่า จะลงไหม? แต่ไม่มีเสียงตอบจากชายคนนั้น น้องเขาก็รอนิดหน่อย ชายคนั้นก็ไม่มีกริยาใดๆ ก็เลยกดลิฟปิดไป พอลิฟลงมาชั้นห้า ลิฟก็เปิดออกอีก ปรากฎว่าเจอ ผู้ชายคนเดิม ยืนอยู่ในถ้าเดิม ก้มหน้า น้องเขาก็เอะใจ ก็ถามอีกว่าจะลงไหม ก็ไม่ตอบอีก น้องคนนี้ก็เริ่มใจไม่ดี จึงไม่พูดอะไร แล้วกดลิฟปิด พอลิฟลงมาชั้นสี่ ปรากฎว่าลิฟก็เปิดอีก สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผู้ชายคนเดิม ยืนอยู่ท่าเดิม แต่คราวนี้ เงยหน้ามาทางน้องที่อยู่ในลิฟท์ แล้วบอกว่า ช่วยด้วย!!!! ตั้งแต่วันนั้นน้องคนที่อยู่ในลิฟก็ไม่ได้กลับมาเรียนอีกเลยเพราะทาง บ้านต้องนํา ตัวไปบําบัดอาการจิตหลอนทางประสาท อันนี้เป็นเรื่องเล่าของรุ่นก่อนๆครับ ลองไปถามรุ่นพี่ๆ รหัส 31, 32, 33 ได้

-เรื่องที่มีเด็กโดดตึกตายเมื่อปีก่อนที่เกิดเหตุน่ะรู้สึกจะเป็นตึกQชั้นสิบกว่าๆ อ่ะนะคนแรกเค้าว่าเด็กกลัวจบไม่พร้อมเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน กลุ้มมากเลยโดดตึก แล้วหลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆถึงความเฮี๊ยนของเจ้าหล่อนอ่ะนะ หลังจากวันนั้น เริ่มจากเพื่อนเรา คนนี้ขี้กลัวนิดหน่อยแต่ไม่คิดว่าหล่อนจะออกมากลางวันแสกๆหรอก ก็ชวนเพื่อนไปอีกคน ปรากฏว่า ลิฟมันเปิดที่ชั้นนั้นเองอ่ะ พอเปิดแล้วก็ไม่มีคนอยู่ แล้วก็เหมือนมีลมพัดเข้ามาในลิฟวูบนึง เพื่อนเรากลัวมากเลย คนที่ไม่กลัวก็บอกว่าคงมีคนกดลิฟแล้วขึ้นลิฟอีกตัวไปแล้วมั๊ (ลิฟต์มี2ตัว) แล้วลมมัยพัดมาจากหน้าต่างพอดีมั๊ง แต่ว่า ความจริง .. ตั้งแต่วันที่เค้าโดดตึกน่ะ ทางม.เค้าจะให้ปิดหน้าต่างไว้ตลอดเลยล่ะ แล้วลมมันจะพัดมาจากไหนล่ะ แล้วใครจะมากดลิฟเล่นล่ะ ตั้งแต่มีเรื่องใครๆก็ไม่อยากมาชั้นนี้กันทั้งนั้นแหละ แล้วก็มีเพื่อนของเพื่อนโดนมาเหมือนกัน คนนี้เค้าไม่ค่อยกลัว ก็ไปขึ้นลิฟคนเดียว ก็ อย่างที่โดนกันบ่อยๆแหละ หยุดที่ชั้นนั้นอีกแล้ว เปิดออกมาก็ไม่มีใครอีก แต่ไฟมันดับๆติดๆเฉยเลย ถามคนที่ชั้นนั้นก็บอกเหมือนกันว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาไฟในห้องก็จะติดๆ ดับๆ บ้างเป็นบางครั้ง แต่แอร์ไม่ดับเป็นแต่ไฟอย่างเดียวอ่ะ เลยตัดปัญหาเรื่องไฟตกไฟเกินไปได้เลย เปิดออกมาไม่มีใครยังดีนะ บางคนเจอหนักๆ เปิดออกมา
 เจอเจ้าหล่อนยืนอยู่ตรงหน้าต่างหันหน้ามายิ้มให้ด้วย คนที่เจอบอกว่ากลัวมาก แต่ยังมีสติอยู่เลยคิดว่ารีบกดปิดลิฟดีกว่า ...แต่ทว่า .. กดๆๆ มันก็ไม่ยอมปิดอ่ะ ..แล้ว..แล้ว..หล่อนก็กระโดดลงไปจากหน้าต่างตรงนั้นให้เห็นกะตาเลย

-ตึก Q
รู้จักสระว่ายน้ำตรงตึก Eกันบ้างมั้ย เชื่อว่า ไม่น่ารู้จักกัน เพราะเดี๋ยวนี้เค้ากั้นไม่ไห้เดินทะลุไปได้ และสระนั้นตอนนี้ก็เป็นของหมู่บ้านไปแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า เมื่องสงกรานต์ซะ 2-3ปีที่แล้ว มีอ.โดดตึก Q ลงมาทะลุหลังคาสระว่ายน้ำพอดี๊ พอดี สระว่ายน้ะนั้นก็โดนปิดไป ซักเดือนกว่าๆ ได้ เพราะต้องปรับปรุงหลังคา เเละเรื่องคดี พวกมูลนิธิ เค้าก็มาเก็บศพไป แต่.......หาลูกตาไม่เจอ1ข้าง เหอๆๆ พอหลังจาสระเปิดก็มีคนไปว่ายน้ำอะก็เจออะไรกลมๆ เท่าผลส้มลอยมา ปรากฏมันคือลูกตาข้างที่หายไปอะ เหอๆๆ หลอนดี

-ตีก E ชั้น 4 ด้านหลังที่ทะลุตึก C จะทีทางด้านด้านหลังที่อยู่หลังห้องน้ำชายหญิง
 มองลงไปจะเห็นที่จอดรถที่ไม่มีหลังคาด้านล่าง น่าจะปี 45-46 มีนักศึกษาสาวคณะวิศวะ เครียดเรื่องไรไม่รู้ โดด ลงไปกระแทกเสาไฟฟ้า(ที่อยู่ในลานจอดรถ) (แต่มหาลัยถือว่าตายนอกมหาลัย) ก้เลยปิดเรื่อง

-ตึกร้างที่ใช้จอดรถ เค้าว่าเฮี้ยน (เดี้ยวนี้ ไม่ให้จอดแล้ว)

8. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

 -ลิฟท์อาคาร 9 ที่วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ใครที่ขึ้นตอนดึกๆแล้วมีคนกดเรียกที่ชั้นบนสุด พอเปิดมาไม่เจอใคร แล้วรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามา ให้รู้ไว้เลยว่าเป็นคนงานที่ตกลิฟท์ลงมาตาย เค้าจะลงด้วย (ตัวไหนไม่รู้ พิสูจน์กันเองนะ)

-ที่อาคาร 10 กล้วยน้ำไท มีห้องเรียนอยู่ห้องหนึ่ง บางครั้งจะมีนศ.ไม่ได้รับเชิญแต่งชุดดำมานั่งเรียนด้วย พอหันไปมองอีกทีปรากฏว่าไม่มีใคร!!

-มีเรื่องเล่าเรื่องศาลพระภูมิล่องหนที่หอแกรนด์ หอพักหน้ามหาวิทยาลัยว่า นักศึกษาหลายคนเคยเห็นศาลพระภูมิตั้งอยู่ แต่ในความเป็นจริง มันไม่มี

-เอทีเอ็มหน้ามหาวิทยาลัยหายไปใหนหมด ใครรู้บ้าง??

- แกรนด์คอนโด เป็นที่ขึ้นชื่อมากในเรื่องผี ถ้าอยากเจอ กลางคืนให้หาเรื่ออยากกินนั่น นู่น นี่แล้วเดินลงบันไดมาซื้อ จะลงลิฟท์ก็ได้ แต่โอกาสเจอน้อยกว่าลงบันได ลองดู

-วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ห้องปฏิบัติการฝึกจำลองของภาควิชาการท่องเที่ยวการโรงแรม ลองขึ้นไปเวลาไม่มีใครอยู่
 แล้วมองลอดช่องประตูเข้าไปในห้องด้านใน จะมีใครสักคนมองส่องตอบมาในระยะประชิดแบบตาต่อตาเลย


9. มหาวิทยาลัยบูรพา


-ตึก SD มีลิฟต์ตัวนึงมีผีด้วย คือลิฟท์จะเปิดเอง แล้วถ้าลิฟท์เปิดเอง ให้หลีกทางให้เขาเข้ามาด้วย แต่ถ้าขี้เกียจให้บอกว่า "เต็มแล้ว รอไปเที่ยวหน้านะคะ" จะได้ผลพอๆกัน

-หอ3 (หอชาย) ห้อง 306 พี่หอบอกว่ามีคนผูกคอตายในตู้เสื้อผ้า ห้องนั้นมีผีจริงๆนะ

-หอ14 (หอหญิง) ห้อง 303 เคยมีคนเล่นผีถ้วยแก้วแล้วโดนผีสิง

-ตึก B100 (ตอนนี้คือตึกพาณิชยนาวี ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวิทยาลัยการขนส่งและโลจิสติกส์) เป็นที่เลื่องลือว่ามีผี

-ตึกมนุษย์ฯมีสาวสไบเขียว แต่ตึกสาธารณสุข มีสาวกิโมโนสีขาว

-ที่ไหนสักแห่งนึงในม.บู เคยเป็นที่ฝังศพทหารที่ตายในสงคราม..

-หอ 14(หรือเปล่า) ที่เป็นห้องพักของดาราสาวคนนึงที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ปัจจุบันนี้ห้องนั้นยังถูกปิดตาย แต่ยังมีคนได้ยินเสียงคนอยู่ภายในห้อง


10. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

-เหมือนกับทุกมหาลัย โดยเฉพาะหอหญิงจะมีเรื่องเล่าและตำนานที่ไม่รู้สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยไหน อย่างเรื่อง "ผีอำ" หอหญิงจะมีบ่อยมาก แต่ถ้าเป็น "ผีอม" สามารถหาฟังได้จากฝั่งหอชาย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเรื่อง ความสัมพันธ์ของผีกับการเมียไทย

-หอหญิงที่เฮี้ยนๆ ในระดับตำนาน เช่น S2 เรื่องผีชุดไทยโบราณ, ชุดตะเบงมาน วิ่งทะลุ 3 ห้อง ว่ากันว่าต้องนิมนต์หลวงพ่อคูณมาเหยียบถึง 2 ครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอีก หรือจะเป็นผีเด็กที่ S4 ที่ว่าอาบน้ำอยู่ดีๆ แล้วมีเด็กมาเล่นน้ำ

-หอหญิงที่เป็นข่าวดังที่สุดคือ S15 โซนต้นโพธิ์ จากการที่เด็กนักเรียน รด. มาพักแล้วพากันเล่นพิเรนบริเวณต้นโพธิ์ และเกิดอาการคลุ้มคลั่งไปตามๆ กัน ซึ่งแพทย์ก็วินิจฉัยว่า เป็นความบกพร่องทางประสาทชนิดติดต่อ เนื่องจากการฝึกหนักในช่วงกลางวัน

-ลานจอดรถยนต์เก่าและป่าละเมาะ ข้างศูนย์บรรณาสาร (หอสมุด) ว่ากันว่าเป็นบริเวณที่นิยมนำคนมานั่งยาง และเป็นแดนประหารเก่า ว่ากันว่า รปภ.กะดึกเคยเห็นผีคอขาด เดินลากโซ่เีสียงดังเกรียวกราว ดึกๆ ขับรถผ่านแถวนั้น ขนชอบลุกโดยไม่มีสาเหตุ ไม่รู้เป็นเพราะเรื่องเล่าที่ฝังหัวหรือเปล่า

-สวนหย่อม ป่าไผ่สีทอง ข้างๆ ฟาร์มมหาลัย ที่นี่ "เขา" ชอบหยอกล้อคนขับรถคนเดียว โดยรถคันอื่นจะเห็นว่า เรามีเพื่อนซ้อนมาข้างหลังด้วย โอ้วววว

-บริเวณลานย่าโม และต้นไม้ใหญ่ระหว่างทางไปอาคาร A (อาคารบริหาร) กับอาคาร C (อาคารวิชาการ) ซึ่งต้องทำถนนอ้อมต้นไม้ต้นนั้น เป็นถนนจุดเดียวในมหาลัย ที่ต้องอ้อมสิ่งกีดขวาง จุดอื่นพี่แกฟันเหี้ยนไม่เหลือ

-สุรนิทัศน์ หรือ แอมฟิเธียเตอร์ สถาปัตยกรรมที่มีเส้นลวดขึงเป็นองค์ประกอบ เรื่องเล่าที่จุดนี้คือจะเห็นสิ่งซึ่งคล้ายคนไปนั่งห้อยขาอยู่บนเส้นลวด

-สรุปแล้วทั้งมหาลัย เพราะพื้นที่ 7200 ไร่นั้น ในอดีตเป็นป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ ว่ากันว่าถูกใช้เป็นสถานที่ฆาตกรรมที่ขึ้นชื่อของโคราช อีกทั้งยังเป็นทางรบสมัยท้าวสุรนารีอีกด้วย จึงทำให้มีเรื่องเล่ามากเป็นพิเศษ

-บริเวณน่ากลัวทุกๆ จุดข้างบน จะมีรปภ. ไปตรวจอยู่เสมอ และมักรายงานกลับไปยังหน่วยว่า "เหตุการณ์สงบ พบหนึ่งคู่ (หรือมากกว่า)

11มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง

-หลีกเลี่ยงสถานีพระจอมตอนกลางคืนให้ดีดี ได้ข่าวมาว่าถ้าไปยืนร้องเพลงเชียร์คนเดียวสักพักจะมีคนมาร้องต่อให้ (เฮ้ย!!!จิงดิ!!!!)

-มาเรื่องลี้ลับบ้าง ห้องน้ำหญิง ตึก A ชั้น 5 ของคณะวิดวะ เป็นแหล่งลองของชั้นดีของผู้ที่ต้องการ เพราะมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย แล้วในห้องน้ำนั้นมีแม้กระทั่งศาล (เคยขึ้นไปด้วย จะบอกว่า ตามตำนานคือ สาวถาปัด อกหักจากหนุ่มวิดวะเลยไปผูกคอตาย ที่ว่าสาวถาปัด เพราะจะมีงานวูดคัท ซึ่งเด็กถาปัดต้องได้ทำ อยู่บนหิ้งด้วย ใครอยู่รุ่นแรกๆ แล้วขึ้นไปก็จะได้เห็นรูปเล็กๆของชีด้วย ตอนนี้ไม่มีแล้วแต่ศาลยังคงมีอยู่ ที่สำคัญห้องน้ำตรงนั้นยังเปิดใช้อยู่ แต่บางตำราบอกว่าเป็นสาวคนงานก่อสร้างต่างหาก)

-มีคนล่ำลือกันเกี่ยวกับเสียงดนตรีไทยที่ตึกพระเทพ.... (ชมรมดนตรีไทยและนาฏศิลป์) เดิมทีตั้งอยู่ที่ตึกพระเทพ ใกล้ๆ สระว่ายน้ำ สมาชิกบางคน ชื่นชอบการเล่นดนตรีไทยโดยที่ปิดห้อง ปิดไฟ และเอารองเท้าเข้ามาให้ห้องให้เรียบร้อย... เหอๆๆๆ ถามเพื่อนๆ หลายคน ไม่เคยมีใครรู้ว่ามีชมรมดนตรีไทยตั้งอยู่ที่นั้น จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ชั้น 2 โรงอาหารสถาปัตย์ (ย้ายมา 7-8 ปีแล้ว...) ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า??

-เชื่อมั้ยว่า ตึกวิทย์เก่าเคยมีเด็กทำการทดลอง เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ จนเกิดการสูญเสียมาแล้ว(ยังอยู่ป่าวหว่า)<<<<< ยืนยันว่าเรื่องจริงครับ พี่อยู่ คณะวิดยามาเหอๆ สถานที่เกิดเหตุ ชั้น 5 ตึกวิดเก่าซื่งคณะวิดยา ลาดกระบังนั้นจะแบ่งห้องภาควิชาตามชั้นๆของตึกต่างๆ โดย ที่ชั่น 5 จะเป็นชั้นของภาคเคมี โดยในคืนหนึ่งตามปรกติ ก็จะมีนักศึกษษ ป.ตรี ป.โท ทำโปรเจ็คอยู่ให้ห้องกันตามปรกติถึงตี 1 ตี 2 เหรอถึงเช้าก็มีมีอยู่วันหนึ่งมีนักศึกษษป.โท ทำการทดลองอยู่แล้วเกิดผิดพลาดห้องทดลองระเบิด (จริงๆ ระเบิดไฟไหม้ทั้งห้อง ยังมีร่องรอยเหลืออยู่) โดนนักศึกษาผู้โชคร้าน ตาย
 โดยโดนไฟคลอกทั้งตัว ต่อมา ก็มีนักศึกษาที่ทำงานดึกๆ พบเห็นนักศึกษาคนนั้นมาวนเวียนอยู่ในห้อง และทำการทดลองต่อไป เป็นประจำ จนทุกวันนี้ชั้น 5 ตึกวิดเก่า หลัง 6โมงเย็นเป็นต้นไปแทบที่จะไม่มีใครกล้าขึ้นไปทำงานอีกแล้ว และดีไม่ดีเราอาจจะได้เห็นคนทำแลปดึกๆ ทั้งๆที่ไฟยังปิดอยู่ที่ชั้นแล้วเค้าก็โบกมือให้เราเห็นด้วย
ปล..แต่ถ้าเห็ฯจากชั้น 3 ไม่ต้องกลัว เพราะเป็นของภาคฟิสิกส์ทำง่นข้ามวันข้ามคืนเป็นปรกติ

12. แม่ฟ้าหลวง

-ทุกตึกในมหาลัย จะมีผีเฝ้าตึกอยู่ เนื่องจากคนงานพม่าที่เข้ามาสร้างตึก ถูกฆ่าโดยนายจ้างคนไทย เพราะไม่อยากจ่ายเงินให้ โดยเฉพาะตึกอธิการ,ลานAV(ใต้ห้องสมุด),หอนานาชาติ(หอเภา สารสิน),หอจีน 1-2 ไม่เชื่อลองถามsecurity guard ที่อยู่มานานๆ

-สังเกตุว่า C1 ตรงทางขึ้นตึก อธิการ มีลิฟต์ฝั่งเดียว อีกฝั่งนั้นปิดตายไว้เพราะ มีคนตกลงไปตายตอน ก่อสร้าง ดึกๆ ไม่มีใครกล้าเดินผ่าน ขนาดยามยังต้องไปกันที่ละ 3-4 คน เวลาเดินตรวจ ว่ากันว่า เป็นสถาปนิก สาว กะลังท้องด้วย! เค้าตกลงไปตอนส่องกล้อง จากชั้น 3 เคยมีโครงการจะ ทำลิฟต์ ปีที่แล้วต่อ แต่ทว่า คนที่ไปทำ จับไข้ทุกราย !

-เคยมีผีเดินผ่านหน้ายาม มีแต่เสียงแต่ไม่เห็นตัว เล่นเอาจับไข้หัวโกร๋น (แล้วรู้ได้ไงว่าเดินผ่านอะ)

- ต้นไม้ใหญ่ข้าง F2 เป็นที่สักการะของคนใน ม. ไม่เชื่อไปดู ทุกปีจะมี พวงมาลัยคล้องใหม่ทุกปี - -"

- ผีเด็ก มี อยู่แถวๆ F1 แต่ห้องน้ำไหน ผมไม่รุ้ ฮ่าๆๆๆ

- หอชาย มีผีเด็ก หอหญิง มีผีฝักบัว

- เด็กปีหนึ่ง ต้องปลูกป่า ไม่ปลูก เรียนไม่จบ ต้นไม้ตาย ก็ไม่จบ (อันนี้อาถรรพ์ป่าวไม่รู้นะครับ)

- ต้นไม้ที่ลานดาว ไม่เคยซ้ำทุกปี ไม่เชื่อลองสังเกตดู

- สระหลังมอ อย่าคิดไปหลังหกโมงเย็น (ไม่บอกด้วยนะว่าเพราะอะไร เง้ออ)

- หารู้ไม่ว่า ต้นไม้ที่เอฟสอง ตอนผมมาอยู่ ไม่เคยมีใครมาไหว้เลย ตอนนี้พวงมาลัย เยอะแทบกิ่งหัก

- เอฟหนึ่ง ขึ้นชื่อเรื่องเฮี้ยน - เอฟหนึ่งจะยิ่งเฮี้ยนเข้าไปใหญ่ เพราะอาจารย์ใหญ่จะมาอยู่ใกล้ๆ(มั้ง)

- เปิดเทอม หลังเกรดออก ลานดาวจะเต็มไปด้วยคนแก้บน

- ดีสอง บรรยากาศดี แต่เหมือนป่าช้า

- สามแยก หน้ามอ คนตายทุกปี

13. มหาวิทยาลัยนเรศวร

เรื่องลึกลับ

- หอในหลังใหม่เคยมีคนเจอผีมาแล้ว ตอนช่วงที่หอเปิดใหม่ๆ

- มีคนเคยอ้างว่าเคยพบเห็นชายชุดขาวบริเวณศาลแถวอ่างเก็บน้ำ

- มีเรื่องเล่าจากรุ่นพี่ว่าในวันบวงสรวงมีน้องคณะพยาบาลเป็นลมเพราะเห็นกองทัพสมัยโบร าณเดินทัพลอยมาอยู่บนฟ้า

- หอพักนิสิตหลังใหม่ฝั่งอ่างเก็บน้ำสร้างทับบริเวณที่เคยมีต้นไทรเก่าแก่ประจำมหาวิทย าลัย

- มีคำบอกเล่าจาก อ.คณะวิทย์ ว่าหลังจากที่มียามมอนอถูกแทงตายเพราะทะเลาะกัน ก็มีการจับภาพวิญญาณไว้ได้ในกล้องวงจรปิดของคณะวิทย์ และยามคนนี้ยังได้ไปเยี่ยมเยียนนิสิตบางส่วนที่ชอบอยู่ดึกๆในตึกวิทย์ด้วย (บรื๋อ)

- หลายคนแปลกใจเวลานั่งรถไฟฟ้าไปกับเด็กแพทย์ จะพบว่าเขายกมือไหว้ตึกหลังคาสีแดงๆตั้งอยู่ใกล้ประตู 3 สอบถามมาได้ความว่าเป็นตึกที่ใช้เก็บอาจารย์ใหญ่ของพวกเค้าแหละ

- ถนนเส้นหน้าคณะแพทย์ยังคงเป็นถนนที่มีเรื่องลึกลับมากที่สุดในมอ มีคนเคยโดนกระโดดซ้อนท้ายกลางทาง โดนคนวิ่งไล่แถวหน้าคณะแพทย์ พอขับพ้นบริเวณนั้นคนที่วิ่งไล่ก็หายไป

- หอใหม่ที่นิสิตปีหนึ่งอยู่ก้อน่ากลัวไม่แพ้กัน เคยมีคนเจอตั้งแต่โดนผีอำ เห็นคนมานั่งที่โต๊ะ เห็นคนนั่งอยู่บนตู้เสื้อผ้าแล้วกระโดดลงมาทับ เสียงเด็กวิ่งเล่น เสียงเด็กร้องไห้ และมีข่าวว่าสมัยตอนก่อสร้างหอนั้นมีลูกคนงานที่นำมาทำงานด้วยตกเตียงคอหัก ตาย

-ถ้าบนพระนเรศวร ห้ามใช้ผลไม้ที่มีสีแดง เช่น เงาะ


14. มหาวิทยาลัยศรีนครินท์วิโรฒประสานมิตร(มศว)

-คณะมนุด เอกอังกฤษ มีศาลาประจำเอก คือศาลาเขียว มีตำนานเล่าขานถึงที่มาของ แผ่นป้าย ที่ติดอยู่ในศาลา ว่าทำมาจากต้นตะเคียน วันดีคืนดี จะมีผู้หญิงผมยาวๆ มานั่งอยู่เดียวดายในศาลา

-ภาพ FW เมล เกี่ยวกับผีในวันรับปริญญา เป็นเรื่องจริง

-ภาพถ่ายผีชัตเตอร์ที่หลายคนได้รับทาง FW เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายรูปเล่นๆของนิสิตในภาควิชาบริหาร ธุรกิจ คณะสังคมศาสตร์

-วิญญาณอันลึกลับที่หอพระ องครักษ์ ตอนกลางคืนมืด เงียบ สงัด ลองไปนั่งเฝ้าดู แต่ต้องกระทำด้วยควาเงียบไม่เช่นนั้น อาจโดนผีหลอกผีที่หอสมุด องครักษ์ เพราะเจอมากับตัว แบบว่ากดลิฟต์จากชั้น 5 จะลงชั้น 1 ตอนประมาณ 6โมงกว่าๆแต่ลิฟต์ดันพาขึ้นไป ชั้น 6 ทั้งที่ชั้นนั้นเป็นชั้นเก็บเอกสารเก่า ไม่มีคนเข้าไปใช้


15. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

-ตึก 10 ว่ากันว่ามีคนงานตกลงมาตายตอนก่อสร้าง ตอนดึกๆ พอขึ้นลิฟไปชั้นบน ตอนเดินออกมาจากลิฟจะพบว่าตึกกำลังก่อสร้างอยู่

-ตึก 7 ชั้น 7 พอออกจากลิฟมาจะเจอพรมแดงปูตามทางเดิน ไม่แน่จริงอย่าเดินไปทางนั้น

-ตึก 1 2 3 ยามกลางคืนว่ากันว่ามีผู้หญิงแต่งชุดนักศึกษานั่งร้องไห้อยู่บนระเบียงทางเดิน

-สวนญี่ปุ่น มีปลาคาร์ฟยักษ์ หาดูได้ยากยิ่งเป็นปลาคาร์ฟสีขาวตัวใหญ่มากกก หยั่งกะปลาสวาย นานๆจะโผ่ลมาให้เห็นที แต่คุณจะไม่มีโอกาสเห็นมันเลยเวลาที่เขาล้างบ่อ มันหายไปไหน !!

-จากประสบการ์ณ์ตรง เคยอยุ่ทำกิจกรรมถึงเที่ยงคืน ขณะเดินออกมาจากม. ไม่พบสิ่งผิดปกติ - -"

-กรณีเล่นคอมพิวเตอร์ที่ห้องLabชั้น 2 ของหอประชุม เคยมีอยู่วันหนึ่งเกิดไฟดับวูบจนเกือบทุกเครื่องดับไป ยกเว้นเครื่องหนึ่งที่เล่นต่อไปได้ ทั้งๆที่ไำฟฟ้าไม่ไหลผ่านสายนั้นและไม่ได้มีการสำรองไฟ แม้ว่ามันไม่ใช่ผีก็ตาม (เชื่อม่ะ คอมพิวเตอร์ที่เล่นได้โดยไม่มีไฟฟ้าสำรอง และไฟดับทั้งอาคารด้วย)

-จากประสบการตรง ของผมเองช่วงรับน้อง เคยแอบไปปุ้นกับเพื่อนๆ บนชั้นบนสุดตึก5 มีเพื่อนผมคนนึงมันไม่ค่อยชอบพูดกับใครแต่หลังจากปุ้นเสร็จ5-6หลุมเพื่อนผม คนนั้นมันยิ้มไม่หยุด หัวเราะตลอด คุยเก่งเหมือนเป็นคนละคนกับตอนแรก
 เพื่อนผมอีกคนบอกว่าเพื่อนคนนั้นผีเข้า ผมกลัวมากเลยครับช่วงนั้น


ที่มา : http://www.thenightshock.com

EP.041 : ห้องนอนมรณะ!

กรอง เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องนอนผีแขวนคอ เหตุการณ์นี้มาผ่านกว่า 3 ปี แต่รับรองชาตินี้ทั้งชาติดิฉันไม่มีวันลืมแน่นอน



เหตุการณ์นี้ผ่านมาสามปีกว่าแล้วล่ะค่ะ แต่รับรองว่าชาตินี้ทั้งชาติดิฉันไม่มีวันลืมแน่ มันเป็นเรื่องสยดสยองสุดๆ เลยเชียว

ตอนนั้นฉันอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 และเป็นเด็กกิจกรรมด้วยก็เลยมีเพื่อนฝูงเยอะแยะ แต่เพื่อนที่สนิทกันจริงๆ มีแค่ไม่กี่คนเอง หนึ่งในนั้นคือ "ปิ่น" ซึ่งคนอื่นอาจมองว่าหล่อนออกจะเพี้ยนๆ พิกล แต่สำหรับฉัน หล่อนเป็นเพื่อนที่ดีมาก มีน้ำใจและน่าสงสารด้วย เพราะปิ่นเพิ่งสูญเสียพี่สาวสุดที่รักไปได้ไม่นาน ด้วยสาเหตุที่น่าสลดใจมากเชียว

พี่ปูของปิ่นอายุเข้าเบญจเพสพอดีตอนที่เกิดเรื่องสยองขวัญ!

ถ้าครอบครัวของปิ่นจะมีใครสักคนที่เพี้ยน ก็คงเป็นพี่ปูนี่แหละ ไม่ใช่ปิ่นหรอก เพราะพี่ปูต้องไปหาหมอและต้องกินยาเป็นประจำ ห้ามหยุดเด็ดขาด
ปิ่นว่าหมอบอกพี่ปูเป็นโรคซึมเศร้า และเมื่อฟังอาการแล้วฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นโรคไบโพลาร์นะ คืออารมณ์แปรปรวน เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาแบบสุดขั้ว คือเดี๋ยวก็เศร้า เครียด หดหู่ เดี๋ยวก็ร่าเริงสุดขีด นอกจากนั้นยังเป็นคนขี้ระแวงแบบไม่มีเหตุผล บางทีก็เดือดดาลพาลทะเลาะกับพ่อแม่อย่างรุนแรงแทบบ้านแตก
แต่ถึงกระนั้น พี่ปูก็ยังรักน้องปิ่นมาก ไม่แตะต้องหรือพูดจาอะไรให้เสียใจเลย!
อยู่มาวันหนึ่ง พี่ปูผูกคอตายในห้องนอนของเธอเอง ไม่มีใครรู้จนบ่ายแก่ๆ แม่ต้องให้คนในบ้านมาช่วยกันงัดประตูเข้าไป แล้วก็พบพี่ปูผูกคออยู่ในตู้เสื้อผ้า ใบหน้าที่เคยสวยงามน่ารักกลับบวมพอง เขียวคล้ำ ดวงตาถลนออกมาและลิ้นสีดำจุกปากอย่างน่ากลัวที่สุด
"ตั้งแต่ฆ่าตัวตายไปวันนั้น พี่ปูก็สิงอยู่ในห้องตลอด ไม่ยอมไปผุดไปเกิด ไม่เชื่อก็ลองเข้าไปสิ ห้องนั้นจะเย็นยะเยือก ทั้งๆ ที่อากาศร้อนอบอ้าว และเราก็ไม่ได้เปิดแอร์ด้วย" ปิ่นเล่าอย่างน่าขนหัวลุกให้ฟัง "แม่นิมนต์พระมาทำบุญบ้านแล้ว แต่ปิ่นว่าวิญญาณพี่ปูยังไม่สงบ พวกเราในบ้านไม่เคยถูกผีพี่ปูหลอก แต่คนในซอยที่เขาลือกันแซดว่าเห็นพี่ปูยืนอยู่ตรงหน้าต่าง"
เราที่นั่งล้อมวงกันฟังอยู่ต่างมองหน้ากันอย่างเสียวสยอง แต่ก็ยังมีคนบ้าๆ อย่างฉันนึกอยากลองของไปดูห้องนั้น ว่ามันจะเยือกเย็นอย่างประหลาดจริงอย่างที่ปิ่นโม้หรือเปล่า?
แล้ววันหนึ่งที่เราเลิกเรียนตอนบ่าย เราก็ไปที่บ้านของปิ่นกันโดยมีตัวฉันกับเพื่อนอีก 4 คน บอกตรงๆ ว่าตัวฉันเองน่ะนั่งขนลุกไปตลอดทาง
พอถึงบ้านปิ่น เราก็ไปสวัสดีคุณแม่ที่กำลังเตรียมทำกับข้าว จากนั้นปิ่นบอกคุณแม่ว่าจะพาเพื่อนๆ ไปคุยบนห้อง
ห้องของปิ่นติดกับห้องพี่ปู และที่หน้าห้องพี่ปูก็มีผ้ายันต์ปิดไว้ เห็นแล้วเสียวสันหลังวาบเลยค่ะ ปิ่นบอกให้เราเงียบๆ ขณะผลักประตูเข้าไป ลมเย็นกลิ่นหอมเอียนๆ เหมือนดอกไม้แห้งโชยวูบออกมา และเมื่อก้าวเข้าไปอยู่ในห้อง เราทุกคนก็รู้สึกเย็นแปลกๆ จริงๆ ด้วย
ขณะที่เพื่อนๆ กำลังซึมซับความเสียวสยอง ฉันก็มองไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งตรงมุมห้อง ร่างเธอผอมบาง ผิวมืดๆ เป็นสีม่วงคล้ำทั้งตัว ผมยาวประบ่า สวมเสื้อยืดลึกลับที่ฉันแน่ใจว่าคือพี่ปู ลอยวูบเข้ามาหา มายืนอยู่ข้างหลัง...
ขณะที่ตกใจและช่วยตัวเองไม่ได้นั้น ฉันรู้สึกอึดอัดเหมือนมีอะไรมารัดคอไว้แน่นจนหายใจไม่เข้า และเอามือตะกุยที่ลำคอ
ในความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ นั้น เพื่อนๆ ร้องวี้ดว้ายชุลมุน ต่างตะโกนว่าผีเข้า...ผีเข้า! แม่ของปิ่นวิ่งโครมๆ ขึ้นบันไดมากับคนรับใช้ และเมื่อแม่ของปิ่นประคองฉันก็ปรากฏว่าฉันร้องไห้โฮ โดยมันไม่ใช่ตัวของฉันเลย!
ฉันร้องแบบคนหายใจไม่ออก และพร่ำขอโทษแม่ เสียงที่ออกมาจากลำคอของฉันก็ไม่ใช่เสียงตัวฉันเองสักหน่อย ฉันพูดและทำอาการกิริยาต่างๆ ตามที่วิญญาณพี่ปูให้ทำแทนเธอ...ฉันเป็นแค่หุ่นกระบอกที่มีผีพี่ปูคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง...
พี่ปูพูดอะไรต่อมิอะไรมากมาย ฉันเหนื่อยเหลือเกิน แล้วสติก็ดับวูบ
เมื่อฟื้นอีกที ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านปิ่น แถวๆ ลาดพร้าวนั่นแหละ ไม่ต้องมีใครเล่าซ้ำฉันก็รู้ว่าตัวเองโดนผีเข้า เพราะตลอดเวลาของการเข้าสิงฉันรู้สึกตัวตลอด ซ้ำร้ายยังมองเห็นผีพี่ปูด้วย...นี่เองที่เรียกว่าผีเข้า! ผีพี่ปูไม่ได้เข้ามาอยู่ในร่างฉัน เธออยู่ใกล้และครอบงำฉันอย่างสมบูรณ์!
ดูเหมือนการเข้าสิงให้ฉันเป็นร่างทรงคราวนั้น จะทำให้เธอระบายความในใจจนหมดเปลือกและหายห่วง วิญญาณพี่ปูจึงไปสู่สุคติ ห้องนอนมรณะไม่เยือกเย็นอีกต่อไป และไม่มีใครเห็นผีพี่ปูอีกเลย
มีก็แต่ฉันและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นที่ยังผวาไม่หาย และกลัวผีอย่างฝังจิตฝังใจไปชั่วชีวิต!
ที่มา : http://www.creditonhand.com/

EP.040 : โค้งผีเฮี้ยน!

แก้วตา วงศ์หน่อแก้ว เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโค้งผีสิง ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะพบเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวของผีๆ สางๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนจะชวนให้น่าสยดสยองพองขนเหมือนครั้งนี้มาก่อนเลย



เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนร่วมงานของพี่สาว ขอสมมติว่าชื่อแหม่มได้มาเที่ยวบ้านที่ อ.แม่ทา จ.ลำพูน พูดคุยกันเพลิดเพลินจนถึงประมาณ 3 ทุ่มจึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านซึ่งอยู่ห่างกันหลายกิโลเมตร... เป็นทางเปลี่ยวและค่อนข้างอันตรายอยู่ แต่พี่เขาบอกว่าไม่เป็นไร


เวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง พี่แหม่มโทร.หาพี่สาวข้าพเจ้า แต่ไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้า พอพี่เขาดูแล้วก็บอกว่าเพื่อนคงจะกลับถึงบ้านแล้ว จึงโทร.กลับไปถามให้แน่ใจ...ที่ไหนได้ล่ะ มีเสียงตอบมาว่ายังไปไม่ถึงไหนเลย เกิดประสบอุบัติเหตุนิดหน่อยอยู่ใกล้ๆ นี่เอง

อารามเป็นห่วง เราเลยรีบพากันออกตามหา โดยไม่นึกเลยว่าพี่แหม่มจะไปรถแฉลบล้มตรงบริเวณที่เรียกกันว่า "ผีเฮี้ยน"

แต่กว่าจะหากันพบเราต้องโทร.ถึงกันตลอดเวลา...พี่แหม่มดีใจมากที่เห็นหน้าพวกเรา บอกว่ายังไม่มีใครเห็นเลยแม้แต่คนเดียว คนที่ขับรถผ่านมาก็ไม่เห็น...ขับเลยไปหมดทุกคน!

ข้าพเจ้ากับพี่สาวมองหน้ากันอย่างงุนงง เพราะเราขับรถวนหาพี่แหม่มถึงสามรอบด้วยกัน...คือรอบแรกที่ผ่านตรงนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนมองหา ส่วนผีสาวเป็นคนขับรถ ข้าพเจ้ามองเห็นพี่แหม่มเป็นกองผ้ากองหนึ่งเท่านั้น ครั้นบอกให้พี่สาวกลับรถและโทร.หาอีก พี่เขาก็บอกว่าเพื่อนนอนอยู่ข้างๆ ทางใกล้กับหลักกิโลเมตร

รอบที่สอง ข้าพเจ้าก็ให้พี่สาวขับต่อ ส่วนตัวเองมองหาอีกครั้ง ปรากฏว่าคราวนี้เห็นแต่หมวกกันน็อก ก็ยังขับเลยพี่แหม่มไปอีก ข้าพเจ้าเลยบอกพี่สาวให้กลับรถไปยังที่ที่เห็นหมวกกันน็อก ปรากฏว่าได้เจอพี่แหม่มในรอบที่สามนี้เอง!

พี่แหม่มนอนอยู่ข้างทางแท้ๆ แต่ไม่มีใครเห็นเลย คิดแล้วน่าประหลาดใจจริงๆ

เรื่องแบบนี้คนทางภาคเหนือเขาเรียกว่า "ปีกุ๋ม" คือมันต้องการพวกเพิ่มจนบังตาไม่ให้เราหาเจอ บริเวณนั้นค่อนข้างมืดสลัว พี่สาวรีบเข้าไปประคองศีรษะเพื่อนแล้วเรียกให้ได้สติ พอดีมีรถมอเตอร์ไซค์อีกคันผ่านมา...

ตอนแรกเขาเลยไปแล้ว แต่แฟนเขาคงบอกให้จอดช่วยเพราะเห็นว่าเรามีแต่ผู้หญิงสามคนเท่านั้น...เมื่อเขาเลี้ยวรถกลับมา ข้าพเจ้าจึงให้เขาช่วยหันหน้ารถ เพื่อให้ไฟตรงรถของพี่สาวเพื่อเอาพี่แหม่มขึ้นมา หนุ่มสาวคู่นั้นบอกว่าจะไปบอกตำรวจให้นะ...แล้วพี่สาวก็พาเพื่อนไปส่งโรงพยาบาล ส่วนข้าพเจ้าก็เป็นหน่วยกล้าตายยืนเฝ้ารถให้พี่แหม่ม...

จนกระทั่งรถตำรวจมาถึง...คุณพระช่วย! ทั้งที่ข้าพเจ้าใส่เสื้อขาวและจูงรถไปรออยู่ตรงหน้าปั๊มลูกทุ่ง แถมโบกมือเรียกแต่ตำรวจกลับมองไม่เห็น เล่นเอาขนลุกเกรียว!

นี่มันเกิดอะไรขึ้นแน่! ยังดีที่เขาย้อนกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มองเห็นและพาไปอยู่ที่ป้อมตำรวจ รอจนกระทั่งหลานชายมารับข้าพเจ้า

ครั้นกลับถึงบ้านก็ยังใจสั่นจนนอนไม่หลับ...นึกได้ว่าอารามตกใจ รีบไปตามหาพี่แหม่ม ข้าพเจ้าและพี่สาวจึงไม่ได้ห้อยพระ...พอนึกได้ก็เลยลุกขึ้นหาพระมาห้อยคอ จิตใจสับสนวุ่นวายเพราะเป็นห่วงพวกพี่ๆ จึงตัดสินใจออกไปยืนรอที่หน้าบ้าน...

ทันใดนั้น เจ้าแต้ม-หมาแสนรู้ก็ปราดออกจากใต้ถุนไปยืนเห่าอะไรเบาๆ ก่อนจะเงียบเสียง ตัวแข็งทื่อ จ้องมองไปทางประตูรั้ว เล่นเอาเย็นวาบไปทั้งตัว! วิญญาณร้ายคงจะตามมาด้วยความโกรธแค้น ที่เราขัดขวางจนมันเอาพี่แหม่มไปอยู่ด้วยไม่สำเร็จ

รุ่งขึ้นคือเช้าวันจันทร์ แฟนพี่เขาก็พาพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย (คนแก่เฒ่า) มาช้อนขวัญตามประเพณีทางเหนือ แล้วเลี้ยงเจ้าที่ ลาบ แกงอ่อม บุหรี่ ฯลฯ จิตใจของแต่ละคนจึงค่อยๆ ดีขึ้น...ข้าพเจ้าก็เลี้ยงผีที่หน้าบ้านด้วย...เชิญวิญญาณที่ตามมาให้กลับไปที่เดิม

เมื่อพี่แหม่มอาการทุเลาลงจึงถามว่า ทำไมเอารถไปตกตรงนั้น? พี่แหม่มบอกว่าจู่ๆ ไฟหน้ารถก็ดับเอง แล้วรถก็ไถลไปตามทางนั้น...จะลุกก็ลุกไม่ไหวจึงโทร.หาพี่สาวข้าพเจ้า

ตอนที่คุยกันครั้งแรก พี่สาวเปิดลำโพงปรากฏว่ามีเสียงแทรกเข้ามา...มาทั้งเสียงเด็ก, ผู้หญิง, หนุ่ม, แก่ มีหมด แต่พี่แหม่มบอกว่าไม่มีใครเลย แล้วมันเป็นเสียงใครล่ะถ้าไม่ใช่เสียงผี? เพราะเราแยกได้ว่าเป็นเสียงใครบ้าง แต่จับใจความไม่ได้ว่าเขาพูดอะไรกัน?

ที่แน่ๆ ก็คือ...มันไม่ใช่ภาษามนุษย์ค่ะ!

แต่ที่หาพี่เขาเจอเชื่อว่าเป็นเพราะข้าพเจ้าเกิดวันพฤหัสบดี พี่สาวเกิดวันอาทิตย์ รวมกันแล้วจึงแรงกว่าอำนาจผี ทำให้เราหาพี่แหม่มจนเจอ...

ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าไม่กล้าผ่านถนนสายนั้นอีกเลย สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณหลานชาย-หญิงคู่นั้นมากที่ช่วยเอารถขึ้น และไปช่วยบอกตำรวจให้... แต่ที่น่ากลัวมากๆ ก็คือ หากวันนั้นเราหาพี่แหม่มไม่เจอจะเป็นยังไง? คิดแล้วขนหัวลุกค่ะ!


ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ที่มา : kapook.com

EP.039 : ห้องผีสิง

ห้องนี้น่าอยู่จะตาย วิวก็สวย โชคดีจริงๆที่ได้มาอยู่ห้องนี้



พายุกำลังจะมา ท้องฟ้าแดงฉานและลมพัดแรงจนฉันต้องเอื้อมมือไปดึงบานหน้าต่างให้ปิดเข้ามา หน่อย ไม่งั้นข้าวของในห้องมีหวังปลิวกระจัดกระจาย คืนนี้ฉันอยู่คนเดียวเสียด้วยสิ ห้องที่ฉันอยู่นี้เป็นคอนโดฯ ชั้น 26 ที่เพิ่งเข้าอยู่กับพี่สาวเมื่อไม่ถึงเดือนมานี้เอง ราคาก็ไม่แพง แถมเฟอร์นิเจอร์ครบครันเพราะเจ้าของขายด่วน คงจะร้อนเงินหรือเกิดเหตุอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่ฉันกับพี่ไม่สนใจหรอก


แหม...ห้องนี้น่าอยู่จะตาย วิวก็สวย ตอนกลางคืนอย่างนี้เห็นแสงสีระยิบระยับของกรุงเทพฯ พราวไปจนจรดขอบฟ้าแน่ะ ฉันว่าเราโชคดีมากเชียวนาที่มาพบห้องนี้ก่อนคนอื่น วันแรกๆ ฉันเห่อมาก จัดการย้ายโซฟา ปรับโต๊ะเก้าอี้ให้ไปอยู่ในมุมใหม่ เอากระถางบอนไซไปทิ้งเพราะมันทำท่าจะเฉาตาย เจ้าของเก่าคงลืม หรือไม่ก็ไม่สนใจไยดีมันอีกแล้ว น่าสงสารจริงๆ

คงจะเป็นเพราะความวุ่นวายกับเฟอร์นิเจอร์ และห้องที่ยังมีกลิ่นอายของคนที่เคยอยู่เดิม ฉันก็เลยเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ... ในฝันฉันเห็นห้องนี้มีพ่อแม่ที่ยังหนุ่มยังสาว ลูกสาวเล็กๆ สองคนกำลังนอนพังพาบระบายสีกันง่วน คนเป็นแม่เดินเก็บผ้าที่ตากไว้บนราวที่ระเบียง...เธอหันมาเห็นฉันแล้วทำหน้า นิ่วคิ้วขมวด "เอาบอนไซของฉันไปทิ้งที่ไหน?" น้ำเสียงและแววตาของเธอโกรธมาก "แล้วมาวุ่นวายย้ายของของเราทำไม?" ยิ่งพูดน้ำเสียงยิ่งเข้ม เธอยกมือเท้าสะเอว ผ้าหล่นเกลื่อนพื้น พ่อที่เพิ่งเดินออกจากห้องหันมาจ้องหน้าฉัน เด็กๆ หยุดระบายสี เงยหน้ามองมาด้วยแววตาดุดัน
 ทุกคนโกรธฉันจนฉันรู้สึกผิด!

ฝันแค่นั้นฉันก็ตื่นขึ้น...ฟ้าสว่างพอดี ฉันเล่าเรื่องฝันให้พี่สาวฟัง เธอบอกว่าเธอก็ฝันคล้ายๆ กัน มันแปลกมากวันต่อๆ มา พวกเขาก็มาปรากฏตัวในฝันของเราอีก จนเราชักสงสัยว่ามันเกิดอะไรกับพวกเขากันแน่? ฉันเลยลองเลียบๆ เคียงๆ ถามเจ้าของร้านทำผมที่มาเปิดอยู่ชั้นล่างสุดของคอนโดฯ แห่งนี้ ว่าพอจะทราบเรื่องของคนที่อยู่ห้องนั้นบ้างไหม?

เธอทำท่าว่ารู้จักดีทีเดียว ฉันรีบทำหูผึ่งรอฟังเรื่องราว "น่าสงสารจริงๆ คุณปิ๋มที่อยู่ห้องนั้นก็เป็นลูกค้าของพี่ค่ะ ลูกๆ เธอน่ารักทั้งคู่ สามีก็ดี๊ดี พวกเขาไปต่างจังหวัดเมื่อสงกรานต์นี้เอง โดนสิบล้อเบรกแตกพุ่งชนตายทั้งหมดเลยค่ะ...พูดแล้วขนลุก" เธอทำหน้าสยอง ยกมือขึ้นลูบแขนไปมา ดิฉันกลืนน้ำลาย บอกไปตามตรงว่ามาซื้อห้องอยู่ต่อเอง...เจ้าของร้านเสริมสวยชะงักเลย ดิฉันจึงพูดให้เธอสบายใจ

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูไม่กลัว! ดีแล้วที่พี่บอกหนู เราจะได้ทำบุญให้เขาเพราะเราเป็นคนมาอยู่ใหม่" ฉันทำเป็นพูดดีไปอย่างนั้นเอง ที่จริงน่ะนึกเสียวไส้พิกล...ที่ร้ายที่สุดของพวกเขาเฮี้ยนขนาดมาเข้าฝันฉันกับพี่สาวแล้วด้วย

อย่างไรก็ตาม ฉันบอกพี่ว่าชีวิตก็แบบนี้แหละ เราไม่ได้มาแย่งชิงบ้านของเขานี่นาเขาตายแล้วก็ไปอยู่ภพอื่น ห้องนี้ญาติพี่น้องเขาก็ขายให้เรา ฉะนั้นถือว่าเราเข้ามาอย่างถูกต้องทุกประการ!

แต่ถึงจะคิดได้อย่างนั้น ฉันก็อดสยองไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพี่สาวต้องไปต่างจังหวัด ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวในคืนมีพายุแบบนี้

คนเราเวลาอยู่ตามลำพัง และมีความหวาดระแวงเป็นทุนอยู่ในใจ เราก็มักจะหลอกตัวเอง...ฉันเริ่มแว่วเสียงเด็กเล็กๆ คุยกันจุ๋งจิ๋งในห้องนอน และเสียงเหมือนใครทำอะไรอยู่ในครัว แถมยังมีกลิ่นน้ำหอมผู้ชายโชยผ่านจมูก ราวกับใครบางคนเดินผ่านหน้าฉันไป...

ไม่เอาน่า! หลอกตัวเองทำไมก็ไม่รู้...

เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆ พี่สาวเราก็จะกลับมาแล้ว!!

ฉันเปิดทีวีเอาเสียงเป็นเพื่อนอยู่จนดึก ง่วงจนสัปหงกงุบงับ เลยปิดทีวีแต่ไม่ปิดไฟแล้วเข้านอน รีบซุกตัวเข้าใต้ผ้าห่ม ในใจก็คิดว่าน่าจะซื้อแมวมาเลี้ยงเป็นเพื่อนสักตัวท่าจะดีนะ

ฉันเคลิ้มหลับ และมันก็เกิดปรากฏการณ์แปลกๆ เหมือนที่เกิดขึ้นเกือบทุกคืน...คือพอฉันจะหลับก็จะมีเสียงพ่อ แม่ ลูกคุยกัน ดูทีวีกันอยู่ข้างนอกนั่นดังแว่วเข้ามาทันที

แน่ล่ะ! ฉันเชื่อว่าพวกเขายังอยู่ที่นี่ เพราะพวกเขาตายกะทันหันเหลือเกิน น่าสงสารจริงๆ ฉันต้องทำใจว่าเราอยู่กันคนละมิติ และเขาไม่ได้มาหลอกหลอน...นอกจากในความฝันเท่านั้น!

EP.038 : ผีเฮี้ยนในห้างดัง

ผีเฮี้ยนในห้างดัง : เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ยังมีให้เห็น ... และยังเป็นอยู่



ก่อนอื่น ต้องขอออกตัวก่อนนะว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จะพยายาม ไม่เอ่ย ถึงสถานที่ชัดเจน เพื่อผลกระทบ…..ตอนนี้ก็ยังมีให้เห็น และเป็นอยู่….เคยโทรไปออนแอร์นานแล้วกับพิธีกรผีๆกพล ทองพลับ เมื่อสิบกว่าปีมาแล้วครับ….ซึ่งญาติผมเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าหน้าที่ทำงานด้าน วิศวกร ออกแบบ ก่อสร้าง…ไม่ขอเอ่ยนาม


ห้างหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร ได้ทำการก่อสร้าง และมีบริษัท รับเหมา ทั้งออกแบบ และก่อสร้าง ควบคุม ดูแลงาน…ได้มีการก่อสร้าง ตามขั้นตอน ตามแบบแปลน ที่วางไว้ จาก ชั้น2ไปชั้น3 ขอย้ำนะครับว่า จากชั้น2 ไปชั้นที่3 ….เรื่องเกิดตรงนี้…

หลังจากสร้างเสร็จแล้ว มีการย้ายเข้าไปอยู่ของทางร้านค้าต่างๆ เป็นทั้งแบบดีพาร์ท และแบบให้เช่า อยู่ได้ไม่นานครับ เจ้ง และหาผู้เช่ารายใหม่ ความว่า กลางคืน ทั้งยาม ทั้งแม่บ้าน เจอกันทุกราย เช่น หุ่นเดินได้ แม่บ้านทำความสะอาดที่มาทำงานก่อนห้างเปิด เจอ คนนั่งร้องให้ เสื้อผ้าลอยได้ คนวิ่งเข้าไปในต้นเสา …ทีแรก นึกว่าเป็นขโมย ต้องตามยามมาค้นหา แต่ก็หาไม่เจอ…ช่วงห้างเลิก…วงจรปิด จับภาพ คนได้ นึกว่า ขโมยแอบเข้ามา ค้นหา ไม่เจอครับ

พอมีการเปลี่ยนเจ้าใหม่ ก็ต้องมีการปิดปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ออกแบบ ภายในใหม่ โดย วิศวกรกลุ่มเดิม มาคุมงาน…หลังจาก ห้าทุ่มแล้ว พวก วิศวกร พากันขึ้นไปทานข้าว ที่ห้องอาหารชั้น5 …ซึ่งปิดปรับปรุงเหมือนกัน แต่ก็ยังมีโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่ง โดยการซื้ออา หารมาทานเองครับ …เหล่าคนงานที่มาตกแต่งร้านก็พากันกลับหมดแล้ว…กลุ่มพวกวิศวะ พากันนั่งทานอาหารกันอยู่นั้น เหลือบไปเจอ ผู้หญิงวัยกลางคนท่านหนึ่งนั่งหน้าเศร้าอยู่ในมุมมืด..มองมาทางกลุ่มที่ทานข้าวอยู่…
หัวหน้า พูดกับลูกน้องว่า..


ใครวะ ดึกๆ ดื่นๆ ยังไม่กลับอีก มานั่งอยู่ตรงนั้น ไปเรียกเขามาทานข้าวด้วยกันซิ…แล้วก็ให้ลูกน้องไปเรียก หญิงวัยกลางคน คนนั้น มาทานข้าวด้วย..…….พี่ๆๆ ทำไมยังไม่กลับอีก มาทำอะไรอยู่ตรงนี้หรือ…ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงวัยกลางคนก็เลยสำทับกับคำถามเดิมอีกครั้ง…พี่ๆ ทำไมยังไม่กลับอีก มาทำอะไรอยู่ตรงนี้…หัวหน้า เรา ให้ผมมาเรียกไปทานอาหารด้วยกัน…มาม๊ะ มาทานอาหารด้วยกัน..เสียงหญิงคนนั้น พูดช้าๆเสียงออกทำนองอิสานว่า..บ่ไปหรอก..ให้หัวหน้าเธอมาทานที่นี่ซิ..ฝ่ายลูกน้องก็ตะโกนไปบอกหัวหน้าที่นั่งห่างไม่ใกลเท่าไหร่ ประมาณสัก 5-6 เมตร ว่า หัวหน้า ..เธอไม่ไปหรอก เธอให้พวกเรา มาทานที่โต๊ะของเธอ…จะบ้าเร๊อาะ พวกเราเย๊อาะกว่า จะให้ย้ายไปที่คนน้อยกว่าได้ไง..มานั่งที่นี่ด้วยกันซิ..ผู้หญิงคนนั้นได้ยิน ค่อยๆหันหน้า มาทางหัวหน้าและกลุ่มวิศวะอย่างช้าๆมองแบบตาขวางๆหน้าเศร้าๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า หัวหน้า ไม่เจอกันตั้งนาน ยังใจดำเหมือนเดิมนะ….หัวหน้า งง ..ป้ารู้จักผมหรือ ทำไมผมไม่รู้จักป้าเลย….ทำไมจะไม่รู้จักละ ป้าตอบ..เออ แล้วป้า เป็นใคร อยู่ที่ไหน มาทำอะไรที่นี่…เสียงจากหญิงลึกลับพูดมาว่า..เวลาผ่านมาไม่นาน ทำเป็นจำหนูไม่ได้ ก็หนูติดอยู่ที่ต้นเสาชั้นสอง ที่หัวหน้าไม่ยอมเอาหนูออกมาไง…เสียงตอบจากป้า

แค่นั้นละ…หัวหน้าวิศวะ วิ่งป่าราบ ก่อนเพื่อนเลย ลูกน้องที่นั่งอยู่ด้วย ก็วิ่งตาม…ไป และถามหัวหน้าข้างนอกตึกว่า วิ่งทำไมหรือ…หัวหน้าตอบว่า…มันไม่ใช่คน……………..แล้วก็เลยเล่าเรื่อง ที่เกิดขึ้นพลางสำทับไปว่า…ห้ามแพร่งพราย…ไม่งั้น เดือดร้อนกันทั่ว…จนกว่าเราจะหมดพันธะจากการเป็นที่ปรึกษาของบริษัทนี้ก่อน…

เรื่อง ที่ ปกปิด เป็นความลับ คือว่า ห้าง แห่งนี้ ตอน ก่อสร้าง ได้ มีคนงาน เป็นหญิงวัยกลางคนชาว อิสาน ได้ตกไปใน เสาเอก หรือเสาหลัก ตอนเทปุน…มาเจอตอนที่เขาแกะบล็อกออกจากเสา จึงรู้ว่า มีคนอยู่ข้างใน…จะเอาออก ก็ไม่ได้ ต้องทำการรื้อใหม่ ทั้งชั้น จะสูญเสียงบไป หลายสิบล้านบาท…จึงหาวิธีแก้ โดยการโบกปูนฉาบทับไปเลยและปิดเป็นความลับ สุดยอด…สอบถามถึงคนที่ติดอยู่ข้างใน เป็นใคร …สุดท้ายจึงรู้ว่า เป็นเมียคนงาน ที่ทำงานอยู่ที่นี่…ฝ่ายผู้รับเหมา และวิศวะเลยต้องหาวิธีโดยไม่ต้องรื้อ…ทำไงหรือครับ เสนอเงินจำนวนหนึ่ง ให้ฝ่ายสามี…แล้วก็ฉาบปูนทับไปเลย ไม่มีการเอาศพออก….เรื่องก็เงียบไป….แต่อย่างว่าละครับ…มันเลยเป็นอาถรรณ์ ใครมาบริหารห้างนี้ เจ้งแล้ว เจ้งอีก ผมก็เคย ไปดูให้เห็นกับตามาแล้ว…แต่คนที่มาอยู่ใหม่ เจ้าใหม่ คงไม่รู้แน่ๆ

ทุกวันนี้ ก็ยัง เฮี้ยนไม่เลิกครับ……สงสารเจ้าของใหม่ แม่บ้าน และยาม ที่เขาไม่รู้..ต้องเจอดี

EP.037 : เดชผีตายโหง

เขาว่าผีมักจะไม่หลอกเด็กเล็กๆ กับคนแก่ ยิ่งประเภทหลังน่ะผ่านร้อนผ่านหนาว มาโชกโชน ทุกข์สุขอะไรก็ผ่านมาหมด ไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรง่ายๆ พวกผีรู้ดีว่าต่อให้มันหลอกหลอนแค่ไหนก็ไม่กลัว ก็เลยไม่อยากหลอกให้เสียเวลา



ถึงขนาดไอ้หนุ่มบางคนมันพูดว่า "ผีมันเห็นว่าแก่ซะขนาดนี้ ไม่ช้าก็จะกลายเป็นผีด้วยกันอยู่แล้ว! เผลอๆ ผีเห็นมันยังตกกะใจ...นึกว่าเจอผีหลอกซะอีกแน่ะ!"


แต่คำพูดนี้ไม่จริงสำหรับป้าค่ะ  ป้า เองอายุเลยหกสิบมาหลายปีแล้ว วันหนึ่ง "ตาอ๋อ" คนในซอยอายุราวสี่สิบ อ่อนกว่าลูกชายคนโตของป้าเสียอีก แกชอบเหล้าค่ะ เมาแล้วซ่าเป็นประจำ เมากลับบ้านตอนค่ำ แล้วโดนรถชนแถวปากซอยตายคาที่ เขาลือว่าผีตาอ๋อเฮี้ยนนัก  แกมาหลอกหลอนกลางวันแสกๆ ตอนบ่ายตอนเย็นไปยันโพล้เพล้ เดินปะปนกับคนในซอยน่ะแหละ ไม่ค่อยมีใครสนใจจนกระทั่งมองหน้าจังๆ จึงเห็นตาอ๋อยิ้มให้ พอจำได้ก็ร้องโวยวายเหมือนคนบ้าหรือเจ๊กตื่นไฟ จนแตกตื่นกันไปทั้งซอย ตอนแรกก็ว่าตาฝาด แต่เอ๊ะ! นับวันยิ่งหนาหูขึ้นทุกที ป้านั่งเล่นหน้าบ้านคอยหลานเล็กๆ กลับจากโรงเรียน มองดูคนผ่านไปมา รู้จักกันก็ทักทายกัน แต่ไม่เคยเจอตาอ๋อซักที ตอนแกยังไม่ตายก็ถูกชะตากันดีค่ะ

จนกระทั่งเย็นวันหนึ่งป้าก็เจอดีเข้าให้!

ขณะนั่งมองดูคนเดินผ่านไปมาแล้วนึกถึงตาอ๋อคนไหนนะ แต่ก็ไม่เห็นจนห้าโมงกว่าๆ หน้าหนาวค่ำเร็ว ฟ้าครึ้ม แดดหายไปหมด ก็พอดีมองเห็น นั่น ตาอ๋อนี่นา! ยกมือป้องหน้า ขยับแว่นจ้องมองให้แน่ใจ เห็นนุ่งกางเกงยีนส์สวมเสื้อยืดขาวคุ้นตา ยอมรับว่ากลัวนิดๆ แต่พอเขาเดินใกล้เข้ามาก็ไม่ใช่ตาอ๋อหรอกค่ะแต่เป็นตาเบิ้ม เขาวัยเดียวกัน สูงต่ำดำขาวพอๆ กัน ตาเบิ้มยิ้มให้ป้าจนกำลังจะผ่านหน้าไปรอมร่อ นึกยังไงไม่รู้ดันหันขวับมา

"ตาเถร!" ป้าหลุดออกไปเต็มปากเต็มคำ เพราะใบหน้านั้นคือตาอ๋อชัดๆ แถมยืดคอเข้ามาหาจนป้าผงะหงาย ร้องแว้! จนป้าหวิดสลบ ตาเหลือก ยกมือขึ้นกุมอก ใจเต้นโครมคราม ตาเบิ้มเดินผ่านป้าไปแล้ว พุทโธธัมโม! จะหลอกก็หลอกดีๆ ซี่ ดันแปลงตัวมาหลอกแบบนี้ คนแก่ก็มีหัวใจนะยะ...ขอบอก! เจอจังๆแบบนี้ก็ลมใส่ซีคะคุณ!

ที่มา เฟซบุ๊ค เพจ "เรื่องผี วิณญาณ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ขนหัวลุก"

EP.036 : แฟลตผีสิง



งานโครงสร้างคอนกรีตธนาคารทหาร ไทยสำนักงานใหญ่ยังเร่ง แสง สปอตไลท์ยามค่ำคืนคงส่องสว่างถึงรุ่งเช้า รถโม่คอนกรีตสำเร็จรูปยังวิ่งเข้าออกแทบตลอดเวลา สถานีขนส่งผู้โดยสารสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือหรือหมอชิตยังคราคร่ำไป ด้วยผู้คนเบียดเสียดยัดเยียด



ถือกระเป๋าเดินทางและข้าวของกล่อง กระดาษ สะพานลอยคนเดินข้ามถนนพหลโยธินจากฝั่งหมอชิตไปสวนจตุจักรยังเนืองแน่นหาที่ เดินแทบไม่ได้ แต่ละก้าวของคนแปลกหน้าแต่ละคนยังพัวพันกันไปมาไหลลื่นไปสู่จุดมุ่งหมาย เดียวกัน

6 โมงเช้า ผมกับเบิ้มลงจากรถทัวร์สายขอนแก่น-กรุงเทพฯ ยืนรอรถเมล์ได้สักพักก็ไปขึ้นสาย 59 จากหมอชิตผ่านไปลงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นเดินย่ำไประยะไม่ห่างกันนักก็มาถึงที่พัก ป้ายกระจกสูงริมเสาไฟบอกชื่อแฟลตพร้อมสัญลักษณ์ดาว 5 ดวง

เราขึ้น ลิฟท์มาชั้น 5 เข้าไปในห้อง ก่อนที่จะรีบอาบน้ำ แต่งตัว ลงมาทานข้าวข้างล่าง ผมยังไม่ชินกับมลพิษทางอากาศของที่นี่ รู้สึกหายใจอึดอัด พอใช้นิ้วมือแคะตามซอกรูจมูกออกมาดู เห็นเขม่าควันดำเกาะโดยรอบ เบิ้มพาไปไซต์สาธรซิตี้หน่วยงานก่อสร้างอาคารสูงออฟฟิศคอนโดมิเนียม 29 ชั้น ขณะนั้นเพิ่งปรับพื้นที่และตอกเข็มพืดหรือชีตไพล์อยู่

ความจริงแล้ว ผมเรียนจบช้าไป 1 เทอมในระหว่างรอผลสอบวิชาสุดท้าย ก็เจอเบิ้มกลับมารับใบทรานสคริปต์และลงทะเบียนรับพระราชทานปริญญาบัตร เบิ้มชวนผมไปทำงานที่กรุงเทพโดยให้ทางคณะออกใบรับรองคาดว่าจะจบเพื่อรีบไปหา งานทำ

งานช่วงนั้นกำลังบูมเป็นยุคทองของเรียลเอสเตท(2530-2540) หรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อันได้แก่การจัดสรรหรือรับเหมาก่อสร้างบ้านและที่ดิน ถนนสาธรเหนือช่วงนั้นช่างหาอาหารรับประทานยากจริง ๆ ตอนเที่ยงต้องให้แม่บ้านไปซื้อข้าวแกงที่ร้านเพิงหมาแหงนใส่กล่องโฟมกลับมา ให้พนักงานออฟฟิศหลาย ๆ คน

4 โมงเช้าพี่โจก็ตามมาถึงหน่วยงาน เบิ้มกับพี่โจพักที่แฟลตห้องเดียวกัน ก่อนจะมีผมตามมาสมทบอยู่ด้วย ตอนเย็นเลิกงาน พี่โจแยกไปหน่วยงานก่อสร้างฐานรากของบริษัทเสาเข็มอีกแห่งหนึ่ง คนเดียวทำ 2 บริษัท กลางวันที่หนึ่ง

กลางคืนอีกที่หนึ่ง เป็นช่วงที่เมคมันนี่ (MAKE MONEY) อย่างเดียว เบิ้ม สตาร์ทงานที่เงินเดือน 12,000 บาท เหมารวมโอที สำหรับวิศวกรเพิ่งจบใหม่ ถือว่าเริ่มต้นได้ไม่เลว ก่อนกลับเบิ้มแวะทานข้าวและจีบน้อง ๆ พยาบาลแถวโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

ก่อน เข้าแฟลตเบิ้มยังชวนผมเดินเล่นต่อที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสันอนุสาวรีย์ฯ 3 ทุ่มก็ได้เวลาล้มตัวนอนบนฟูก สภาพภายในห้องยังรกระเกะระกะจัดข้าวของหรือชั้นวางไม่ลงตัว โทรทัศน์ขนาด 14 นิ้วยังไม่มีชั้นวาง เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันใหม่ ๆ

หลอดไฟยังเป็นแบบกลมส่องแสงสีส้มนวล ถึงแม้จะเหนื่อยเพลียจากเมื่อคืนที่นั่งรถทัวร์มาก็ไม่สามารถทำให้ผมข่มตา หลับลงไปได้ เพราะเหมือนกับมีใครกำลังจ้องมองผมอยู่ในมุมมืด ผมรู้ตัวอีกครั้งราวตี 3 เมื่อพี่โจกลับจากคุมงานเทคอนกรีตหล่อเสาเข็มแถวลาดพร้าว แกถอดเสื้อผ้านอนหลับปุ๋ยไปเลยด้วยความอ่อนเพลีย

ตื่นเช้าผมโทรศัพท์ บอกพี่ชายให้มารับไปอยู่ด้วยที่อพาร์ตเม้นต์แถวฝั่งธนบุรี ตอนขนของออกมาจากห้องผมสังเกตที่บานประตูมียันต์ปูนขาวที่นิมนต์พระมาเจิม แต่เหนือวงกบประตูกลับปรากฏตะปูเหล็กหัวสีแดงตอกคาอยู่ คล้ายการสะกดวิญญาณชั่วร้ายไม่ให้อาละวาดตามที่ผมเคยอ่านเจอในนิตยสารเรื่อง ผี

พอไปอยู่ที่ใหม่กับพี่ชายได้หนึ่งคืน เช้าวันถัดมาผมก็สมัครงานได้ทำคอนโดแถวพัทยา เงินเดือน 12,000 บาท เบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดอีก 3,000 บาท รวมเป็น 15,000 บาท ก็เป็นบริษัทเดียวกันกับที่พี่โจและเบิ้มทำที่กรุงเทพฯนี่เอง ตอนเย็นแวะไปทานข้าวกับเบิ้มแถวอนุสาวรีย์ฯ

“อย่าหาว่าผมยังงั้นยัง นี้เถอะนะ ผมว่าห้องที่เราอยู่ในแฟลตห้าดาวนี่ค่อนข้างชอบกล เหมือนมีใครมานั่งจ้องในมุมมืด ทำให้เมื่อคืนก่อนผมนอนไม่หลับเลย”

“คงผิดที่ผิดทางมั้ง เดี๋ยวก็เคยชิน” เบิ้มแย้ง

“ไม่ ไหวว่ะ ไม่เห็นเหรอพอถึงเช้าผมรีบย้ายไปตั้งหลักใหม่อยู่กับพี่ชายแถวฝั่งธนฯ” พูดจบผมดูดน้ำชาดำเย็นจนหมดแก้วขณะที่เพิ่งทานข้าวมันไก่ได้ครึ่งจาน

“ความจริงพี่โจก็เจอเหมือนกัน คล้ายกับมีเด็กมาวิ่งไล่กระโดดไปมาข้ามตัวแก”เบิ้มสารภาพ

“นั่นไง นึกแล้วเชียว”

“ร.ป.ภ. ที่นี่บอกว่า ห้องนั้นเคยมีคนฆ่าตัวตายยกครัว 5 ศพ พ่อแม่ลูก ถ้ายังเฮี้ยนอยู่ขนาดนี้เห็นทีต้องชวนพี่โจย้ายที่อยู่ใหม่ตอนสิ้นเดือน”สี หน้าเบิ้มจริงจังกับที่พูด

“พรุ่งนี้วันที่ 1 พฤศจิกา ผมจะไปพัทยา เอาไว้วันที่ 15 เงินเดือนออกแล้วเจอกันที่เฮ้ดออฟฟิศ”

ตุลาคม 2543
ผม ยังทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารเรียนแถวสามย่าน เบิ้มทำงานให้กับบริษัทวิศวกรที่ปรึกษาของฝรั่ง เฮ้ดออฟฟิศอยู่อาคารเลครัชดา ส่วนพี่โจพ้นวังวนธุรกิจก่อสร้างที่นับวันมีแต่จะทรงกับทรุดไปเอาดีทางขาย ประกันชีวิต เพิ่งกลับจากเดินทางไปดูงานต่างประเทศที่ฮ่องกง , ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เรา 3 คนไม่เคยเหยียบย่างกลับไปอยู่แฟลตที่อนุสาวรีย์ฯกันอีกเลย

“หนึ่ง…หนึ่ง….. ห้า…..จู๊น! ส่งไก่ถึงที่..อะ.ชั้นนี้มันทำไมถึงเงียบเชียบพิลึกนักวะ” นายดนัยพนักงานส่งอาหารตามสั่งเดินไปตามระเบียงห้อง หยุดกึกที่ห้องหมายเลข 506 ใช้มะเหงกเคาะประตูตามโค้ดไป 3 ที ยังคงเงียบเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆเคลื่อนไหวอยู่ภายใน

“ชะ..เอ๊ย! พวกคุณแอบย่องมาข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ตกใจหมดเลย”

นาย ดนัยหันหน้ากลับมามองผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังจากหัวจรดเท้า หนึ่งหญิง สองชาย วัยรุ่นอายุยังน้อย “ว่าแต่คุณเป็นเจ้าของห้องและสั่งไก่ เคเอฟซี ผมด้วยใช่มั้ยครับ”

“ใช่…ถูกต้อง ขอเปิดประตูห้องก่อนนะ”

ว่า พลางชายหนุ่มร่างสูงใช้มือไขลูกบิดเปิดประตูเข้าไป สายตาดนัยสอดส่องตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น ในห้องรกอีนุงตุงนังไปด้วยเครื่องเสียงระดับไฮ-เอ็นด์ ลำโพงเซอร์ราวนด์ขนาดเบ้อเริ่ม 5 ตัว พร้อมขาตั้งสแตนด์อย่างดีและทีวีโปรเจคเตอร์จอมหึมา

กลิ่นเหล้า เบียร์ คละคลุ้ง ฝาห้องตั้งขวดเปล่าของบลูอีเกิ้ลเรียงกันเป็นแถบ แสงโคมไฟสลับสี แดง เขียว เหลือง เมื่อสะท้อนกับลูกคริสตัลกลางห้องดูแล้วตาลายพานทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้า นี่มันดิสโก้เธ็คจัดงานปาร์ตี้ยาอีขนาดย่อมได้สบาย

กำลังสอดส่ายสาย ตาซอกแซกเพลิน ๆ ดนัยก็ตกใจกับพลังเสียงกระหึ่มของลำโพงชุดมินีเธียเตอร์กับเพลงแร็บ ร็อควงลิมพ์บิซคิท (LIMP BIZKIT) “TAKE A LOOK AROUND” ซึ่งประกอบภาพยนตร์มิชชั่นอิมพอสสิเบิ้ล 2 (M:I-2)

“250 บาท ครบพอดี” เจ้าหนุ่มโย่งนับแบงก์จากกระเป๋าส่งมาให้

“โอ.เค.ครับ อย่าลืมเรียก เคเอฟซีดิลีฟเวอรี่ มาให้บริการในครั้งต่อไปอีกนะครับ..อืมม์พวกคุณคงอยู่กันหลายคนเห็นมีเด็ก เล็กเด็กน้อยด้วย”สายตาดนัยจ้องไปที่มุมมืดของห้อง

“เด็กที่ไหน มึงอย่าเสือกรุ้มากแส่ไปบอกใครว่ากูมั่วสุมกันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวถูกตบบ้องหูเอานะโว้ย!”

“ผมกลัวแล้วลูกพี่ ไปล่ะครับ” ดนัยทำเสียงล้อเลียน

6 ทุ่มก่อนได้เวลารวมพล กับแกล้มข้าวปลาที่ซื้อมาจากข้างนอกก็แล้วเสร็จพอดี เจ้าโย่งมวนยาเส้นกัญชาเข้าที่ยัดใส่บ้อง สูดควันเข้าเต็มปอด ปากคาบขาน่องไก่ขบเคี้ยวไปมา แล้วพ่นแต่กระดูกที่เหลือลงพื้น

เพื่อน ชายและหญิงจัดเรียงโซฟาใหม่ให้ชิดผนัง เอาน้ำแข็งจากตู้เย็นมาเคาะเทใส่กระติก ข้างล่างมอเตอร์ไซคล์ 4-5 คัน วิ่งเข้ามาจอดใต้ถุนแฟลต สักพักลิฟท์ก็พาแขกรับเชิญขึ้นจากชั้นล่างมาส่งถึงชั้น 5 พอประตูลิฟท์เปิดเหล่าพลพรรคแฟนปีศาจแดงต่างแย่งกรูกันออกมา ราวกับนักฟุตบอลวิ่งออกจากห้องเก็บตัวมุดอุโมงค์วิ่งขึ้นสู่สนาม

“มาทันเวลาถ่ายทอดสดพอดีพรรคพวกเชิญคร้าบ…..เชิญเข้ามาข้างใน” เจ้าโย่งยืนทักทายเพื่อน ๆ ที่โถงทางเดิน

“กูเอาแมนยูต่อครึ่งควบลูก ไอ้โย่งมึงกล้ารองหรือเปล่าวะ” บักน้อยผู้มาเยือนท้าทาย

“ได้เลย ถ้าไม่อั้นเท่าไหร่เท่ากัน”

พอ เข้าไปสุมหัวกันในห้องนับได้รวม 12 คน แรกๆ ก็เชียร์บอลกันสนั่นหน้าทีวีโปรเจ็คเตอร์จอยักษ์ พอพักครึ่งแรกเสียงเพลงเฮฟวี่เมทัลก็ดังกระหึ่มเสียงแต่ละคนแหกปากร้องตาม ฟังไม่ได้ศัพย์ ราวกับเสียงปีศาจจากนรกกำลังร้องดิ้นกันให้พล่านคาน้ำร้อนในกระทะทองแดง

ชาย หญิงจับคู่เคล้าคลึงกอดก่ายขึ้นขย่มกันบนโซฟา ควันบุหรี่ตลบอบอวน ที่เมาเหล้าหนักควบคุมตัวเองไม่ได้ก็คลานกลิ้งไปมากับพื้น และแล้วไฟในห้องก็ดับพรึ่บ สิ้นเสียงเพลงปีศาจทุกอย่างอยู่ในภาวะเงียบงัน เจ้าโย่งอาศัยแสงสลัวจากกระจกช่องแสงภายนอกเดินไปหยิบไฟฉายใกล้ชั้นวางแผ่น ซีดี มีมือเล็ก ๆ เกาะยึดตามแข้งขาและเป้ากางเกง ทำให้มันเสียอารมณ์

“เฮ้ยอย่าเล่นพิเรนทร์ กูกำลังหาไฟฉายอยู่”

เมื่อ คว้าไฟฉายได้กดส่อง สำแสงสว่างกระจายไปกลางห้อง ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าถึงกับทำให้เจ้าโย่งตะลึงจังงังกับศพเด็กชายหญิง อายุไล่เลี่ยกัน 2-3 ขวบ 3 คน นอนน้ำลายฟูมปากตาถลน ข้าง ๆ คงเป็นมารดาในสภาพไม่ต่างกัน

รอบคอเขียวช้ำลิ้นจุกปาก ใบหน้าขาวซีด เส้นเลือดโปนเขียว กลอกตาหันมามอง เจ้าโย่งเบี่ยงลำแสงจากไฟฉายไปผนังระเบียงข้างห้องน้ำก็เห็นเงามืดของผู้ชาย ห้อยต่องแต่งผูกคอตายคาขื่อ

“ผะ….ผี…ผีหลอกโว้ย!”

เจ้าโย่ง กระโจน ตีนเหยียบลำตัวเผ่นข้ามพรรคพวกบางคนที่ยังนอนเมาอ้อแอ้สลบไสล เปิดประตูโกยอ้าวลงบันไดหนีไฟโดยไม่ต้องยืนรอลงลิฟท์ สวนทางตำรวจสายตรวจที่ระดมกำลังปิดล้อมทางขึ้นลงและเตรียมเข้าตรวจค้นห้อง ที่มีพลเมืองดีแจ้งทางโทรศัพท์ว่า มีกลุ่มวัยรุ่นจัดปาร์ตี้ยาอีมั่วเซ็กส์กันในแฟลตกลางกรุงใกล้อนุสาวรีย์ชัย สมรภูมิ

พอลงมาถึงถนนข้างล่างเจ้าโย่งโบกมือแล้วเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่

“ไปลงที่ไหนครับ” โชเฟอร์แท็กซี่ถามขณะนิ้วมือกดปุ่มมิเตอร์ขึ้นต้นที่ตัวเลข 35 บาท

“เออ…ปะ…ไป…สะพานควาย..แถวแยกสุทธิสารนะ” …สั..ก..พั..ก…

“คุณ…คุณ..ถึงสุทธิสารแล้วคุณจะลงตรงไหน”

เจ้าโย่งลุกขึ้นนั่งตัวตรง หายจากอาการสะลึมสะลือมองออกไปนอกกระจกรถ

“เฮ้ย นี่มันยังอยู่แถวอนุสาวรีย์ชัยฯ นี่หว่า! มึงขับรถประสาอะไรกันวะ”

ภาพ จากกระจกข้างรถสะท้อนใบหน้าโชเฟอร์คนขับรถแท็กซี่ ศีรษะแหว่งหายไปครึ่งซีก ตาอีกข้างโบ๋ ลูกตาทะลักลงมาใต้กระดูกโหนกแก้ม เลือดสดๆไหลออกจากรูจมูกและปาก เจ้าโย่งพยายามเปิดประตูรถแต่เปิดไม่ออก มันจึงแหกปากร้องตะโกนสุดเสียง

“ช่วย….ช่วยด้วย!!!”

สักพักเหมือนกับมีผ้าชุบน้ำเย็น ๆ มาเช็ดรอบคอและหน้าผากทำให้โย่งรู้สึกตัวตื่นขึ้น

“นี่…นี่..กูฝันไปหรือเปล่าวะ แล้วเพื่อน ๆ เราหายไปไหนกันหมด”

“ไอ้โย่งเอ็งเมากัญชาจนเพี้ยนหนักไปแล้ว บอกว่าอย่าริไปลองก็ไม่เชื่อ พรรคพวกเราน่าจะอยู่ในเธ็คสวอนอินน์แถวพญาไท ยังมาไม่ถึงว่ะ”

“ไอ้เบื๊อกกูอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ กูกลัว พวกเราเผ่นกันเถอะ ที่นี่มันแฟลตผีสิงชัด ๆ”
 
Wordpress Theme by wpthemescreator .
Converted To Blogger Template by Anshul .